หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า - บทที่ 225 พ่อ! ผมกำลังจะถูกฆ่า!
บทที่ 225 พ่อ! ผมกำลังจะถูกฆ่า!
บทที่ 225 พ่อ! ผมกำลังจะถูกฆ่า!
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยิ้มแปลก ๆ ออกมา ก่อนจะผายมือไปที่ชายหนุ่มผมเหลืองแล้วพูดว่า “ชื่อเล่นของเขาคือ หยางไค่ ชื่อจริงคือหยางเฉียนสุ่ย ในเมื่อคุณเป็นผู้กำกับที่มาที่นี่เพื่อถ่ายทำละคร คุณก็น่าจะเคยได้ยินชื่อของเขา จริงไหม?”
หยางเฉียนสุ่ย?
ทันใดนั้นใบหน้าของถังจี้โจวก็เปลี่ยนไป และหัวใจของเขาคล้ายกับเต้นผิดจังหวะ
ใช่ เขาเคยได้ยินชื่อนี้!
ว่ากันว่าหยางเฉียนสุ่ยคือชายหนุ่มที่หยิ่งยโสและเจ้าเล่ห์ที่สุดในเมืองภาพยนตร์ซือซี อีกฝ่ายมักจะออกมาเที่ยวเล่นในเมืองภาพยนตร์ เนื่องจากอีกฝ่ายมีภูมิหลังที่ลึกซึ้งจึงสามารถระรานคนอื่นไปทั่วโดยไม่มีใครกล้าห้ามปราม
งานงอกแล้วไง!
มังกรผลัดถิ่นหรือจะสู้งูดินเจ้าที่ได้?
ถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมจบเรื่องราวในวันนี้ เกรงว่าอวี้หรงเสิ้งจะมีปัญหาใหญ่ และแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังอาจซวยไปด้วย
ถังจี้โจวหันไปจ้องมองอวี้หรงเสิ้ง จากนั้นเขาก็หันกลับมาและพูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ว่า “คุณหยาง เราได้ยินชื่อของคุณมานานแล้ว นักแสดงในกองถ่ายละครของผมช่างตาบอดและทำให้คุณขุ่นเคืองเข้าแล้ว”
“โฮ่ โฮ่ ฉันชอบสิ่งที่นายพูด ในเมื่อเขาตาบอด งั้นฉันจะควักดวงตาของเขาออกมาก็แล้วกัน” หยางไค่หัวเราะเยาะ
“ไม่ ไม่ ไม่ ถ้าคุณควักลูกตาของเขาออก ชีวิตของเขาคงเหมือนตายทั้งเป็น ฉันจะขอให้เขาขอโทษน้องสาวของคุณ แล้วจะให้เตรียมของขวัญมาขอขมาอีกมากมายเพื่อยุติเรื่องนี้ คุณว่าดีไหม?” ถังจี้โจวบังคับตัวเองให้อดทนต่อความอัปยศอดสูในใจ
“ของขวัญขอขมา? ใจกว้างแค่ไหนกันเนี่ย?” หยางไค่ถามด้วยรอยยิ้ม
“เอ่อ…” ถังจี้โจวลังเล แต่เมื่ออวี้หรงเสิ้งพยักหน้าให้เขา เขาก็พูดว่า “สองแสนล่ะ คุณว่าไง”
“เท่าไหร่นะ? พระเจ้า! น้องสาวฉันมีราคาเพียงสองแสนหยวนเท่านั้นเองเหรอ? คุณเห็นเราเป็นขอทานรึไง?” หยางไค่เย้ยหยัน
“คุณต้องการเท่าไหร่”
“ถ้าคิดจะขอขมากันแบบจริงใจก็ต้องสักหนึ่งล้าน! จ่ายเงินแล้วจบ ไม่งั้นวันนี้ก็คงต้องคลานลอดหว่างขาของฉันออกจากร้าน!”
หนึ่งล้าน?
ใบหน้าของถังจี้โจวดูย่ำแย่ทันที และแม้แต่อวี้หรงเสิ้งที่จะต้องเป็นผู้เสียเงินและยอมรับความพ่ายแพ้ก็ยังแสดงสีหน้าโกรธจัด
ใช่ อวี้หรงเสิ้งร่ำรวย
เขาโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงมาหลายปี แม้ว่าเขาจะไม่ประสบความสำเร็จมากนัก แต่เขาก็เล่นเป็นตัวร้ายมามากมาย และสะสมทรัพย์สมบัติเอาไว้เกือบสิบล้าน
แต่เขาไม่อยากที่จะจ่ายเงินหนึ่งล้านหยวนเพราะความขัดแย้งเล็กน้อยแบบนี้
“สีหน้าของคุณทำไมเป็นแบบนั้นล่ะ? คุณอารมณ์เสียหรือไง?” หยางไค่เชิดหน้าเย้ยหยัน “ไม่เอาดีกว่า ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันไม่ยอมให้น้องสาวฉันได้รับเงินแค่หนึ่งล้านหยวนแล้ว พวกแกต้องจ่ายมาสองล้านหยวน ถ้าวันนี้ฉันไม่ได้เงิน ฉันจะหักขาพวกแกและโยนออกไปข้างถนน!”
การกลับคำพูดของอีกฝ่ายทำให้พวกเขาโกรธมาก แม้แต่จินหมิง เกาชง หลี่เป่าเอ๋อ และคนอื่น ๆ ที่ติดตามมาก็โกรธไปด้วย
พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อหยางเฉียนสุ่ย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กลัวอีกฝ่ายเท่าไหร่
“คุณถัง เรียกตำรวจเลย!” ถังหว่านที่ยืนอยู่ข้าง ๆ โจวอี้พูดขึ้นทันที
โจวอี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาคิดว่าชายหนุ่มผมเหลืองคนนี้อาจมีภูมิหลังที่ลึกซึ้ง และตำรวจไม่น่าจะทำให้อีกฝ่ายยอมอ่อนข้อง่าย ๆ
หยางไค่ค่อย ๆ หยิบบุหรี่ออกมาจุด ก่อนจะมองมาที่ถังหว่าน แน่นอนว่าเขาไม่รู้จักตัวตนของถังหว่าน เขาคิดแค่ว่าถังหว่านมีรูปร่างที่ดี
“แจ้งตำรวจเหรอ? เธอนี่มันโง่จริง ๆ คิดจะโทรหาตำรวจงั้นเหรอ? ต่อให้เรียกผู้กำกับมาฉันก็ไม่กลัว!”
สีหน้าของโจวอี้เย็นชาขึ้นมาทันที
ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้รู้สึกอะไรมากที่อีกฝ่ายทุบตีอวี้หรงเสิ้ง หรือแม้แต่จะข่มขู่ถังจี้โจว เขาก็ไม่สน
แต่อีกฝ่ายถึงกับด่าภรรยาของเขาต่อหน้าเขาแบบนี้ เขายอมไม่ได้!
“นายชื่อหยางเฉียนสุ่ย?” โจวอี้ก้าวขึ้นไปข้างหน้าทันที
“ลูกกะจ๊อกอย่างแก ใครให้เสนอหน้าพูด?” หยางไค่หรี่ตามองโจวอี้
“ไม่ต้องสนใจว่าฉันเป็นใคร แต่คืนนี้แกจะต้องโดนตบสั่งสอนข้อหาที่มาว่าผู้หญิงของฉัน” โจวอี้ไม่รีบร้อนที่จะลงมือ เขาเย้ยหยันและถามต่อไปว่า “ในเมื่อแกมั่นใจในตัวเองมากขนาดนี้ มันก็หมายความว่าตระกูลของแกใหญ่มากในเมืองภาพยนต์นี้สินะ? ฉันแนะนำให้แกเรียกพ่อของแกมาเลยดีกว่า แกรับมือฉันไม่ไหวหรอก”
“ปากดีแบบนี้รนหาที่ตาย!” หยางไค่คำราม
ทันใดนั้น ชายแปดคนก็พุ่งเข้าหาโจวอี้อย่างดุเดือด
โจวอี้ดึงถังหว่านให้ไปยืนอยู่ข้างหลังเขา จากนั้นเขาก็ก้าวออกไปข้างหน้าทันที หลังจากก้าวผ่านถังจี้โจวไปแล้ว กำปั้นของเขาก็ชกไปยังชายแปดคนที่กำลังพุ่งเข้ามา
ชายแปดคนนี้เป็นคนธรรมดาทั้งหมด แม้ว่าพวกเขาจะเก่งในการวิวาท แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของโจวอี้
และด้วยการออกหมัดไม่กี่ที โจวอี้ก็สามารถเอาชนะคนทั้งแปดได้อย่างง่ายดาย
“อ่อนแอ อ่อนแอเกินไป”
โจวอี้มองคนทั้งแปดที่นอนร้องโอดโอยอยู่บนพื้นอย่างน่าสังเวช และค่อย ๆ ส่ายหัวก่อนจะมองไปที่หยางไค่
แปะ แปะ…
หยางไค่ปรบมือและเย้ยหยันว่า “ไม่ธรรมดา ๆ แกคงเคยเป็นทหารหน่วยรบพิเศษที่เกษียณจากกองทัพ ไม่สิ แกคงจะดีกว่าทหารหน่วยรบพิเศษเหล่านั้นอยู่หรอก ไม่งั้นแกคงไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้”
“แล้วไง?” โจวอี้เดินเข้าไปหาหยางไค่
“งั้นกูจะเหยียบหน้ามึงเอง ไอ้ขยะ!” หยางไค่กระโดดออกจากเก้าอี้ทันที และพุ่งเข้าไปชกหน้าโจวอี้
หมับ!
โจวอี้คว้ากำปั้นของหยางไค่ไว้ได้ทันที
วินาทีต่อมา
โจวอี้ก็คลายนิ้วของเขา และตบแก้มของหยางไค่จนเกิดเสียงดังลั่นราวกับฟ้าผ่า!
เลือดกระเซ็นออกมาพร้อมกับฟันหลายซี่ที่พุ่งออกจากปากของหยางไค่
ร่างของหยางไค่กระเด็นออกไปด้านข้างและกระแทกพื้นอย่างแรง
โจวอี้เดินตามไปเหยียบใบหน้าที่บวมแดงของหยางไค่ซ้ำท่ามกลางสายตาที่ตกตะลึงของผู้คนรอบข้าง เขาเยาะเย้ยออกมาว่า “ฉันไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าคนที่รู้วิชาเท่าหางอึ่งอย่างแกเอาความกล้าจากไหนมาหยิ่งยโสขนาดนี้? หยางเฉียนสุ่ย? แกนี่มันโชคดีมากจริง ๆ ที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้มากกว่ายี่สิบปี”
หยางไค่ไม่เข้าใจเลย และความเจ็บปวดที่แก้มของเขาก็ทำให้เขาสับสน
ฉันเป็นผู้ฝึกยุทธ์เชียวนะ!
แม้ว่าฉันจะเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับต่ำที่สุด แต่ทหารหน่วยรบพิเศษไม่น่าจะสู้กับฉันได้ไม่ใช่เหรอ?
ไอ้สารเลวนี่มันใครกัน?
มันแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง?
หัวใจของหยางไค่ลุกโชนไปด้วยความโกรธแค้น และความอับอายที่รุนแรงของเขาทำให้เขาอยากจะบ้าตาย
ปัง…
โจวอี้ยกเท้าออกจากหน้าของหยางไค่ และเตะเข้าที่ท้องของอีกฝ่ายอีกครั้ง
ร่างของหยางไค่กระเด็นไถลไปกับพื้นออกไปห้าเมตร จากนั้นโจวอี้ก็พูดอย่างเย็นชา “ฉันให้โอกาสแกล้างแค้นฉัน โทรหาใครก็ได้ที่แกคิดว่าช่วยแกได้มา! ไม่งั้นก็อย่าหวังที่จะได้ก้าวขาออกจากร้านนี้!”
หยางไค่กุมท้องและงอตัวด้วยความเจ็บปวด เขาแทบจะหายใจไม่ออกจากการถูกเตะเมื่อครู่
เส้นเลือดบนหน้าผากของเขาปูดโปนจนเห็นได้ชัด และในดวงตาของเขาเริ่มมีเส้นเลือดคั่งออกมาให้เห็น จากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงด้วยความขมขื่น
เขาต้องการแก้แค้น!
เขาต้องการแก้แค้นอย่างบ้าคลั่ง!
แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นมังกรแม่น้ำ เขาก็จะทำให้อีกฝ่ายต้องจ่ายในราคาที่เจ็บปวดเหมือนกัน
เขาตะโกนด้วยสีหน้าบิดเบี้ยวกับคนในสาย
“พ่อ! ผมกำลังจะถูกฆ่า! ตอนนี้ผมอยู่ที่ภัตตาคารหอชมจันทร์ พาใครสักคนมาช่วยผมที!”
“มันคือใคร?!” เสียงโกรธเกรี้ยวดังออกจากโทรศัพท์มือถือ
“มันเป็นคนในกองถ่ายละคร ผมเอาชนะมันไม่ได้ ผมอยากให้มันตาย!” หยางไค่ตะโกนตอบ
“รออยู่ที่นั่น!”