หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า - บทที่ 235 ความเข้าใจทางวิญญาณ
บทที่ 235 ความเข้าใจทางวิญญาณ
บทที่ 235 ความเข้าใจทางวิญญาณ
ตะวันลับฟ้า แสงอาทิตย์อัสดงราวกับเพลิงมอด
สองวันแล้วที่ถังเหมียวเหมี่ยวและถังเสี่ยวรุ่ยยังคงหลับอยู่ แม้แต่ถงหู่ที่กินยาเม็ดตื่นรู้ก็ยังไม่ตื่น
ภายในห้องนั่งเล่น
เวลานี้โจวอี้กำลังเล่นหมากรุกกับแม่เฒ่าเทียนจี้
เขามีความจำที่ยอดเยี่ยมและความคิดเชิงตรรกะที่เฉียบแหลม เขามักคิดว่าตนเองคือผู้ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในเกมหมากล้อม
…แต่ตอนนี้เขาแพ้สามเกมติดต่อกันแล้ว
“คุณย่า นี่คุณกินยาเม็ดตื่นรู้ไปกี่รอบแล้ว!” โจวอี้มองไปที่กระดานหมากล้อมและโยนเบี้ยสีดำในมือลงบนกระดานอย่างขมขื่น
“สองรอบ”
แม่เฒ่าเทียนจี้หาวและยิ้มออกมา
“ไม่ใช่แล้ว! ผมก็กินยาเม็ดตื่นรู้ไปสองรอบเหมือนกัน ผมมั่นใจว่าสติปัญญาของผมก็พัฒนาขึ้นไปถึงระดับสูง ผมจะแพ้คุณย่าได้ยังไง!?” โจวอี้ไม่อยากจะยอมรับ
“ความเฉียบแหลมที่เจ้าเคยมีถดถอยลงเพราะตอนนี้เจ้ามีจิตสังหารที่มากเกินไป”
“จิตสังหาร?”
“ใช่” แม่เฒ่าเทียนจี้ยืนยัน “ตอนนี้ เจ้าเต็มไปด้วยโทสะและยังมีร่องรอยของกลิ่นเลือด ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับจำนวนคนที่เจ้าได้ฆ่าไปก่อนหน้านี้”
โจวอี้เงียบไป
ใช่เลย!
ตั้งแต่เขามาถึงเมืองจินหลิง มือของเขาก็เต็มไปด้วยเลือด
เขามักจะฆ่าศัตรูเกือบทั้งหมด ฆ่าแบบขุดลึกไปถึงต้นตอปัญหา แต่เมื่อจำนวนคนที่เขาฆ่ามีมากขึ้น มันก็กลายเป็นว่าในใจของเขาเริ่มสะสมโทสะหนาแน่นขึ้นตามมา
อย่างเช่นเมื่อวันก่อน
เขาตระหนักได้ว่าเขาไม่ได้อยู่ในสภาวะที่ถูกต้อง เขาจึงไปที่โรงน้ำชาปาซานเพื่อพยายามขจัดความโกรธของเขา แต่น่าเสียดายที่เขาก็ทำไม่สำเร็จ เพราะได้ขัดแย้งกับเจิ้งเทียนเหอและเริ่มต้นในการสังหารคนอื่น ๆ ในเวลาต่อมา ซึ่งก็คือพวกผู้ฝึกยุทธ์หลายคนของตระกูลฮวงฟู่
“เสี่ยวอี้ เจ้ารู้ไหมว่าตอนนี้เจ้าต้องการอะไรมากที่สุด” จู่ ๆ แม่เฒ่าเทียนจี้ก็ถามขึ้น
“อะไร?”
“ประสบการณ์” แววตาของแม่เฒ่าเทียนจี้เผยประกายแห่งสติปัญญา “เจ้าเป็นเหมือนเหล็กบริสุทธิ์ และโลกของมนุษย์ก็เหมือนไฟและค้อน มีเพียงการหล่อหลอมในโลกของมนุษย์เท่านั้นที่สามารถสร้างคนที่ไม่มีใครเทียบได้”
โจวอี้พยักหน้า
เขาเข้าใจ
เขาไม่ค่อยมีประสบการณ์มากนัก
ตั้งแต่เขามาถึงเมืองจินหลิง เขาได้เรียนรู้อะไรมากมาย อย่างเช่นพวกเด็กเร่ร่อนที่มีชีวิตอยู่อย่างอันตราย ผู้ป่วยยากไร้ที่ไม่มีเงินรักษาโรค นักธุรกิจผู้มั่งคั่ง ความก้าวร้าวและการข่มเหงผู้อื่น ดาราศิลปิน ตลอดจนผู้ฝึกยุทธ์ที่โหดเหี้ยม
ชีวิตมีหลายรูปแบบ
หนึ่งใจ หนึ่งคน หนึ่งโลก
ในโลกมนุษย์นั้น ปุถุชนมีพี่น้องที่ซื่อสัตย์ต่อกัน คนที่หักหลังเพื่อน คนในครอบครัวที่รักใคร่ และศัตรูที่คิดร้าย
สิ่งต่าง ๆ มากมายเปรียบเสมือนหินที่ลับคม
เหล็กกล้าที่หนาบริสุทธิ์กำลังได้รับการขัดเกลาอย่างช้า ๆ
โจวอี้หลับตาลงและค่อย ๆ เข้าสู่สภาวะรู้แจ้ง เขาสรุปผลได้ว่าเขาได้รับทั้งผลเสีย ความสำเร็จ และความล้มเหลวตั้งแต่ที่ได้มาถึงเมืองจินหลิง
ดวงจิตของเขาค่อย ๆ พัฒนา
ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้พร้อมกับข้อมูลประสบการณ์ชีวิตเหล่านั้น ทำให้เขาลืมเวลาที่ผ่านไปและสถานที่ที่เขาเคยอยู่
“เกิดอะไรขึ้น?” แม่เฒ่าเทียนจี้อุทานด้วยความสับสนและมองโจวอี้ด้วยสายตาแปลกประหลาด
แม่เฒ่ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ในฐานะผู้ฝึกยุทธ์ระดับเซียน เธอเหนือกว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับปรมาจารย์อย่างเทียบเทียมกันไม่ได้ เธอไวต่อความผันผวนของมวลพลังต่าง ๆ เป็นที่สุด
ในขณะนี้ เธอสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามีมวลพลังพิเศษบางอย่างที่เวียนวนอยู่รอบ ๆ และกำลังหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของโจวอี้ทุกทิศทาง
มวลพลังพิเศษนี้ เธอรู้จักมัน
มนุษย์ดำรงอยู่ได้ด้วยพลังชีวิต
และพลังชีวิตของมนุษย์ประกอบขึ้นจากพลังสามประเภท ได้แก่ พลังจิต พลังใจ และพลังวิญญาณ
แม่เฒ่าเทียนจี้แสดงสีหน้าโง่งม เพราะปกติแล้วผู้ฝึกยุทธ์จะไม่สามารถพัฒนาความแข็งแกร่งทางพลังจิตได้ก่อนที่จะบรรลุเข้าสู่ระดับเซียน!
แต่!
ทำไมโจวอี้ถึงทำได้ล่ะ?
เด็กคนนี้ไม่ใช่แม้แต่ปรมาจารย์ นับประสาอะไรกับการเข้าสู่ระดับเซียน เขาจะเข้าใจความลึกลับของดวงจิตและพัฒนาความแข็งแกร่งด้านพลังจิตได้อย่างไร?
ร่างกายของแม่เฒ่าเทียนจี้สั่นไหวเล็กน้อย และดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยประกายที่เหลือเชื่อ
เมื่อมองไปที่โจวอี้ มันก็เหมือนกับการได้มองเห็นสัตว์ประหลาด
ทันใดนั้น หูของเธอขยับเล็กน้อยราวกับได้ยินอะไรบางอย่าง จากนั้นร่างของเธอก็หายวับไป
ภายในสนามหน้าบ้าน
ถังหว่านลากสังขารที่อ่อนล้าของเธอมาที่ประตู ตามมาด้วยซุนเหมิงที่กำลังลากกระเป๋าเดินทาง
ร่างของหญิงชราปรากฏขึ้นต่อหน้าคนทั้งสอง และทำให้พวกเธอตกใจทันที
“คุณ…” ถังหว่านอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
“ฉันมาจากหมู่บ้านโจวเมี่ยว และเพิ่งมาอาศัยอยู่ที่นี่” แม่เฒ่าเทียนจี้มองไปที่ถังหว่าน เธอพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและพูดว่า “ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ น่ารักคนนั้นเติบโตขึ้นมากทีเดียว ซึ่งดีแล้ว”
“คุณคือ… คุณย่าโจวใช่ไหมคะ?” ถังหว่านถามด้วยความประหลาดใจ
“เรียกฉันว่าคุณย่าเฉย ๆ เถอะ” แม่เฒ่าเทียนจี้หัวเราะ
“คุณย่า! ฉันได้ยินจากโจวอี้มาว่าคุณย่ามาที่เมืองจินหลิง ยินดีที่ได้พบอีกครั้งค่ะ!” ถังหว่านยิ้ม
แม่เฒ่าเทียนจี้ยิ้มและพูดว่า “ตอนนี้มีบางอย่างเกิดขึ้นในบ้าน เจ้ายังไม่เหมาะที่จะเข้าไปในตอนนี้ รอตรงนี้ก่อน! เมื่อไหร่ที่เขาตื่นขึ้น เราค่อยเข้าไปด้านใน”
“ตื่น? หมายความว่ายังไงคะ?”
“เขากำลังอยู่ในสภาวะรู้แจ้ง และลูก ๆ ของเจ้าก็กำลังนอนหลับ” แม่เฒ่าเทียนจี้ยิ้ม
สภาวะรู้แจ้ง?
หลับ?
สมองของถังหว่านเบลอไปหมด เธอไม่เข้าใจว่าแม่เฒ่าเทียนจี้หมายถึงอะไร
แต่แม่เฒ่าเทียนจี้เป็นผู้อาวุโสคนสำคัญ ดังนั้นเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจยืนรออยู่ที่สนามหน้าบ้าน
ภายในบ้าน
ตอนนี้ในหัวของโจวอี้เหมือนกับมีคลิปวิดีโอที่กำลังฉายภาพเหตุการณ์ไปเรื่อย ๆ
หลังจากที่เขามาถึงจินหลิง ทุกคนที่เขาพบ และทุกสิ่งที่เขาประสบ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำที่เขาทำลงไป ความเย็นชาที่แสดงออก หรือการได้เฝ้าดูเหตุการณ์จากด้านข้าง ล้วนปรากฏขึ้นมาให้เห็นอย่างเงียบงัน
เขาจมอยู่ในความรู้สึกลึกลับ ขณะที่มวลพลังที่มองไม่เห็นหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเขาเรื่อย ๆ
เวลาผ่านไปทีละนิด
ยี่สิบนาทีต่อมา โจวอี้ก็ลืมตาขึ้น เมื่อเขามองไปรอบ ๆ ก็พบว่าแม่เฒ่าเทียนจี้ไม่อยู่แล้ว
เขาค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน
“ฮะ?” จู่ ๆ เขาก็รู้สึกราวกับว่าเขาหลุดจากพันธนาการบางอย่าง และทั้งหัวใจของเขาก็อบอุ่นและผ่อนคลายมากขึ้นกว่าเดิม เขารู้สึกว่าการหายใจของเขานั้นราบรื่นขึ้นมาก
เกิดอะไรขึ้น
ฉันไม่ได้กินโอสถวิเศษอะไรเลยไม่ใช่เหรอ?
โจวอี้เกาศีรษะ เขารู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขาเปลี่ยนไป แต่เขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันเปลี่ยนไปแบบไหน
ขณะที่เขากำลังงุนงง ทั้งสามคนก็เดินเข้ามาในห้องโถง คนที่เข้ามาคือแม่เฒ่าเทียนจี้ ถังหว่าน และซุนเหมิง
แม่เฒ่าเทียนจี้ไม่ได้พูดอะไร แต่จ้องโจวอี้ด้วยสายตาที่ซับซ้อน
เธอสามารถมองเห็นได้ว่าโจวอี้ได้รับประโยชน์มากมายหลังจากการเข้าสู่สภาวะรู้แจ้ง ทั่วทั้งร่างของโจวอี้ดูมีสง่าราศีมากขึ้น และไฟโทสะที่เคยสุมลึกอยู่ในหัวใจของโจวอี้ก็สลายไปอย่างหมดจด
“โจวอี้ คุณกำลังทำอะไรอยู่?” ถังหว่านถามขึ้นทันที
“เข้าใจชีวิต…” โจวอี้โพล่งประโยคนี้ออกมา แต่แล้วเขาก็ส่ายหัวด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “บางทีคุณอาจไม่เข้าใจ เอาเป็นว่า แค่คิดว่าผมอยู่ในสภาวะมึนงงก็ได้ ว่าแต่… คุณกลับมาได้ยังไง? การถ่ายทำของคุณจบลงแล้วเหรอ?”
“ไม่ ฉันแค่คิดถึงคุณ…ฉันก็เลยกลับมาดู พรุ่งนี้ฉันต้องกลับไปที่กองถ่ายแต่เช้า” ถังหว่านตอบกลับก่อนจะมองไปรอบ ๆ และถามด้วยความสงสัยว่า “แล้วลูกสาวของเราอยู่ที่ไหน?”