หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า - บทที่ 242 อย่าล้อเล่น เข้าใจไหม
บทที่ 242 อย่าล้อเล่น เข้าใจไหม?
บทที่ 242 อย่าล้อเล่น เข้าใจไหม?
“ไม่ใช่แค่อารมณ์ไม่ดี! แต่มันแย่มากจริง ๆ” ชูเทียนซิงรู้สึกหดหู่ใจมาเป็นเวลานานและไม่มีใครให้ระบาย เวลานี้เมื่อได้เจอกับชายหนุ่มที่ไม่รู้จัก จู่ ๆ เขาก็รู้สึกอยากระบายออกมา
“น้องชาย ให้ฉันสักมวนได้ไหม?”
“อืม!” โจวอี้ยื่นบุหรี่ให้อีกฝ่าย
ชูเทียนซิงสูบบุหรี่และเริ่มเล่าประสบการณ์ของเขาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากนั้นเขาก็พูดอย่างขมขื่นว่า “ว่ากันว่าเมื่อคนเราเข้าสู่วัยกลางคนก็จะเกิดความเปลี่ยนใหญ่ในชีวิต คนที่ดวงรุ่ง ชีวิตจะพุ่งทะยานไปถึงดวงดาว แต่ถ้าใครดวงตก ชีวิตจะดิ่งลงสู่เหวจนหาทางขึ้นมาไม่ได้ ฉันเคยได้ยินประโยคนี้มาก่อน ตอนแรกฉันไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก ตรงกันข้าม ฉันเคยคิดว่าแม้จะเข้าสู่วัยกลางคน แต่หากมีความสามารถมากพอก็ไม่มีทางไร้สิ้นหนทาง ไม่ว่ายังไง ประสบการณ์ที่สั่งสมมาหลายปีมันก็คงช่วยได้…”
“แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ ในที่สุดฉันก็เข้าใจถึงความย่ำแย่ของวัยกลางคน”
“สังคมกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว และคนที่มีความสามารถมากมายก็เกิดขึ้นใหม่อย่างไม่มีที่สิ้นสุด”
“ผู้คนที่มีความสามารถนั้นแข่งขันกันอย่างดุเดือด การจ้างงานก็ยากขึ้น และทุกสาขางานก็แออัดเกินไป”
“สำหรับชายแก่แหรือชายวัยกลางคน แม้ว่าพวกเขาจะทนพายุมรสุมชีวิตได้ แต่พวกเขาก็ยังอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่อยู่ดี”
“ยาก! ชีวิตแม่งยากเหลือเกิน!”
ทุกคำที่เขาพูดออกมาเป็นการระบายความกดดันจากใจของเขาทั้งสิ้น
โจวอี้คอยฟังอย่างตั้งใจ แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจทั้งหมดมากนัก แต่เขาก็สัมผัสได้ว่ากำลังใจของชายวัยกลางคนผู้นี้กำลังถดถอย
การเข้าสู่วัยกลางคนของชายคนนี้กลายเป็นเรื่องยาก
แต่บางที… นี่แหละคือชีวิตมนุษย์
คนที่ไม่มองการณ์ไกลจะต้องทุกข์ทนในภายหลัง
การเตรียมตัวล่วงหน้าอย่างดีเท่านั้นที่จะทำให้เราเผชิญกับวิกฤตในอนาคตได้
เวลาผ่านไปทีละน้อย
ชูเทียนซิงระบายอยู่นาน จากนั้นเขาก็ดับก้นบุหรี่หลังจากสูบไปมวนที่ห้า และส่ายหัวด้วยรอยยิ้มอ่อนล้า
“น้องชาย ขอบคุณที่ฟังฉันนะ ตอนนี้ฉันรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว” ชูเทียนซิงมองโจวอี้ที่เป็นผู้ฟังที่ดีด้วยแววตาขอบคุณ และทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“ฟังไว้เป็นคำเตือนนะ ฉันหวังว่านายจะรักษาเวลาปัจจุบันเอาไว้ได้ สะสมเงินออมให้มาก รวมถึงความรู้และความมั่งคั่ง พยายามอย่างที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อเตรียมพร้อมในการเผชิญกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต นายจะได้ไม่เหมือนฉัน…”
จากนั้นชูเทียนซิงก็ส่ายหัวและหันกลับไปด้วยท่าทางเศร้าหมอง
“รอเดี๋ยว” โจวอี้ยิ้มออกมาทันที เขารู้สึกว่าเขาเป็นเหมือนลูกรักสวรรค์ เมื่อเขากระหายน้ำ สวรรค์ก็เอาน้ำมาให้เขา เมื่อเขาหิว อาหารก็ส่งมาให้เขา เมื่อเขาต้องการคนที่มีพรสวรรค์ แค่เขามาเดินเตร่ไปเรื่อยที่ตลาดหางาน เขาก็พบกับคนที่มีพรสวรรค์ที่ดีได้
“มีอะไรเหรอ?” ชูเทียนซิงหันมาถาม
“ผมฟังพี่เล่ามานานแล้ว ซึ่งผมได้ประโยชน์มากเลย ว่าแต่พี่ชายชื่ออะไรเหรอ?”
“ชูเทียนซิง”
“พี่ชายชู พี่ต้องการทำงานไหม?” โจวอี้ถามด้วยรอยยิ้ม
“งานเหรอ กับนาย?” ชูเทียนซิงตกตะลึงและระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ถูกต้องแล้ว ผมเอง” โจวอี้ลุกขึ้นและเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายที่กำลังจะเดินจากไป
ชายหนุ่มยื่นมือออกไปและพูดว่า “ผมขอแนะนำตัวเองก่อนก็แล้วกัน ผมโจวอี้ เพิ่งซื้อที่ดินสี่ร้อยไร่เพื่อสร้างโรงเรียนพิเศษ วันนี้ที่ผมมาที่ตลาดหางานก็เพื่อมองหาคนที่จะมาช่วยผมบริหารโรงเรียน”
“น้องชาย อย่าล้อเล่นกันเลย ถึงแม้ว่าตอนนี้ฉันรู้ดีขึ้นมากแล้ว แต่ฉันก็ไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะล้อเล่นหรอกนะ”
อีกฝ่ายพูดจบก็หันหลังเตรียมจะเดินจากไป
“แล้วถ้าผมพูดจริงล่ะ พี่ชูจะเสียโอกาสดี ๆ ไปได้นะ”
โอกาส?
ชูเทียนซิงถึงกับชะงัก
เขาหันกลับมามองโจวอี้ หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ถามอย่างจริงจังว่า “นายล้อเล่นหรือเปล่า?”
“พี่ชูคิดว่าหน้าตาผมตอนนี้เหมือนคนที่กำลังล้อเล่นหรือเปล่าล่ะ?”
“ไม่”
โจวอี้ยิ้มและพูดว่า “อยากดื่มชาสักถ้วยไหม ผมรู้จักร้านน้ำชาร้านหนึ่ง ที่นั่นดีมากเลย”
ชูเทียนซิงยังคงไม่เชื่อทั้งหมด แต่เขาคิดถึงคำว่า “โอกาส” ที่ โจวอี้เพิ่งพูดมา เขาคิดว่าการไปนั่งฟังโจวอี้อีกสักหน่อยคงไม่เสียหายอะไร เขาหางานมาสองเดือนแล้วและยังไม่พบงานที่น่าพอใจจนถึงตอนนี้ ต่อให้อีกฝ่ายพูดเล่นเขาก็ไม่เสียหายอะไรมาก
“ก็ได้!”
ไม่นานพวกเขาก็มาถึงข้างถนน
“คุณไม่มีรถเหรอ?” ชูเทียนซิงถาม
“ใช่! ผมไม่มีใบขับขี่ ผมก็เลยชอบนั่งแท็กซี่”
“…”
ชูเทียนซิงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย และความไว้วางใจของเขาที่มีต่อโจวอี้ก็ลดลงอีกครั้ง
ในความคิดของเขา ชายหนุ่มที่ไม่มีแม้แต่ใบขับขี่กลับบอกว่าตัวเองเพิ่งซื้อที่ดินสี่ร้อยไร่ และยังพูดว่าจะสร้างโรงเรียน
นี่มันเป็นเรื่องที่น่าตลก!
ช่างเถอะ อากาศเย็น ๆ แบบนี้ลองดื่มชาสักแก้วดีกว่า
ชูเทียนซิงตามโจวอี้ขึ้นรถแท็กซี่และมาถึงโรงน้ำชาปาซาน
เมื่อพวกเขามาถึงโรงน้ำชา
ซีชิงอิ่งได้รับแจ้งทันทีว่าโจวอี้มาที่นี่ เธอจึงรีบลงไปหา
“หมอโจว วันนี้คุณอยากดื่มชาแบบไหน?” ซีชิงอิ่งเห็นคนนอกอยู่ด้วยเธอจึงไม่ได้เชิญโจวอี้ขึ้นไปที่สำนักงานชั้นบน
“อะไรก็ได้ เอามาเถอะ” โจวอี้ยิ้ม
“ตกลง ฉันจะจัดการให้”
เมื่อซีชิงอิ่งเดินออกไป แววตาของชูเทียนซิงยังคงจับจ้องอยู่ที่ทิศทางที่หญิงสาวเดินจากไป
เขาเคยเห็นผู้หญิงสวย ๆ มามากมาย แต่มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถเรียกได้ว่านางฟ้า
แต่ผู้หญิงคนนี้สวยจนเขาต้องตะลึง!
“พี่ชายชู คุณมองตาค้างเลยงั้นเหรอ?” โจวอี้หัวเราะ
“แค่ก ๆ โทษที” ชูเทียนซิงรีบฟื้นคืนสติ เขายิ้มอย่างเคอะเขินและพูดว่า “ฉันเคยเห็นผู้หญิงสวยมาหลายคน แต่มีไม่กี่คนที่เทียบได้กับผู้หญิงคนนี้ ก็เลยลืมตัวไปชั่วขณะ”
“มนุษย์ทุกคนต่างหลงใหลในความงามกันทั้งนั้น ผมเข้าใจ!”
“น้องโจว ผู้หญิงสวย ๆ คนนั้นเรียกนายว่าอะไรนะ หมอโจว?” ชูเทียนซิงถามด้วยความสงสัย
“ใช่ ผมเป็นหมอที่โรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิง คนที่รู้จักผมจะเรียกผมว่าหมอโจว” โจวอี้ยิ้ม
โรงพยาบาลการแพทย์แผนจีนจินหลิง?
ชูเทียนซิงถึงกับประหลาดใจ
เขาเคยเดาตัวตนของโจวอี้มาก่อน และคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นทายาทรุ่นที่สองของตระกูลมีเงิน แต่เขาไม่เคยคิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นหมอ และยังเป็นหมอในโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิงอีกด้วย!
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขาคุ้นเคยกับโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิงอย่างมาก เพราะเขาและครอบครัวได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิง
“หมอโจวอยู่แผนกไหน?”
“แผนกผู้ป่วยนอก”
“แผนกไหนล่ะ?”
“ไม่มีแผนกไหนหรอก แค่ทำงานในแผนกผู้ป่วยนอก”
“…”
ชูเทียนซิงพูดไม่ออก
ตอนนี้เขาเริ่มคิดว่าสถานะหมอของโจวอี้เริ่มไม่น่าเชื่อถืออีกแล้ว
เท่าที่เขารู้มา โรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิงมีหลายแผนก และแต่ละแผนกมีห้องผู้ป่วยนอก แต่การที่อีกฝ่ายไม่กล้าบอกคงเพราะกลัวว่าความจริงที่ตัวเองไม่ได้เป็นหมอจะถูกเปิดเผย
แท้จริงแล้วอาจจะเป็นแค่บุรุษพยาบาลก็ได้
“พี่ชู เรามาคุยเรื่องโรงเรียนกันไหม?”
“ยังจะคุยเรื่องนั้นกันอีกเหรอ?” ชูเทียนซิงขมวดคิ้ว
เขาคิดว่าโจวอี้เป็นเพียงชายหนุ่มที่กำลังเล่นตลกกับเขา
“แน่นอนสิ จุดประสงค์หลักของการเชิญพี่มาที่นี่ก็เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการจัดตั้งโรงเรียน” โจวอี้มองไปที่สีหน้าผิดหวังของอีกฝ่าย เขาคาดเดาความคิดของอีกฝ่ายได้ จึงยิ้มและพูดต่อไปว่า “โรงเรียนที่ผมต้องการจะจัดตั้งขึ้นค่อนข้างพิเศษนิดหน่อย มันไม่แสวงหากำไร ดังนั้นผลตอบแทนที่คุณจะได้รับคงไม่สูงมากเท่าไหร่”
“เหอะ ๆ!” จู่ ๆ ชูเทียนซิงก็สนใจขึ้นมา เขาต้องการที่จะดูว่าอีกฝ่ายจะโกหกอะไรขึ้นมาอีก
คิดจะหลอกลวงฉันงั้นเหรอ? เล่นผิดคนแล้วไอ้หนุ่ม!
ตอนนี้ทั้งบ้านฉันมีเงินประมาณพันหยวนเอง ไม่มีอะไรให้นายหลอกเอาเงินได้หรอก!