หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า - บทที่ 255 พาลูกสาวมาเยี่ยม
บทที่ 255 พาลูกสาวมาเยี่ยม
บทที่ 255 พาลูกสาวมาเยี่ยม
ในช่วงสามวันที่ผ่านมา โจวอี้ไปที่โรงเรียนของลูกสาวทุกวัน ทางครอบครัวผู้ปกครองและพ่อครัวทุกคนช่วยเขาทำยาจีนกันอย่างต่อเนื่อง
และแล้วในตอนเย็นของวันที่สาม
ครู นักเรียนทุกคนในโรงเรียนอนุบาล รวมไปถึงผู้ปกครองของนักเรียนก็มีสุขภาพแข็งแรงและหายจากอาการไข้หวัด โจวอี้จึงได้รับคำขอบคุณและคำอวยพรมากมาย
พระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตก เมฆยามแสงอาทิตย์ตกทำให้ผืนฟ้าเป็นสีแดงเรื่อทอประกายแสงสีส้มอ่อน
รถออฟโรดรุ่น Knight XV ที่โดดเด่นขับออกจากโรงเรียนอนุบาล การจราจรตลอดเส้นทางนั้นคับคั่งไม่มีที่สิ้นสุด รถคันโตมุ่งหน้าสู่เมืองภาพยนตร์ซีซือ
ภายในรถ
ถงหู่ผู้มีความเชี่ยวชาญในการขับรถรับหน้าที่เป็นพลขับ
ส่วนทางด้านเบาะหลัง โจวอี้อุ้มลูกสาวไว้ในอ้อมแขน ใบหน้าหล่อเหลาเผยรอยยิ้มจาง ๆ ออกมา
ชายหนุ่มได้ข่าวว่าภรรยาของเขาเป็นหวัด
รวมถึงนักแสดงครึ่งหนึ่งก็ยังมีอาการเช่นนี้ ซึ่งน่าจะส่งผลกระทบต่อความคืบหน้าในการถ่ายทำละคร
“พ่อคะ เราจะไปหาแม่จริง ๆ เหรอ?” ถังเหมียวเหมี่ยวถามเสียงใส ในแววตามีประกายความหวัง
“ใช่แล้ว พ่อจะไปหาแม่ เมื่อไปถึงเมืองภาพยนตร์… ลูกจะเอายาไปให้เองเลยดีไหม” โจวอี้ถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“อื้ม!! เหมียวเหมี่ยวโตแล้ว หนูดูแลแม่ได้แล้วนะคะ” เด็กหญิงพยักหน้า
“ฮ่า ฮ่า ลูกสาวพ่อเก่งมาก” ชายหนุ่มไม่อาจต้านความน่ารักน่าเอ็นดูนี้ได้ จึงก้มลงไปจูบน่าผากเล็ก ๆ อย่างแผ่วเบา
“คิก ๆ หนูจั๊กจี้…”
ขณะนี้เวลาสองทุ่มแล้ว และรถ Knight XV ก็มาถึงโรงแรมที่นักแสดงละครเรื่อง ‘Crossing the Jianghu’ พักอยู่
บริเวณล็อบบี้ของโรงแรม
ถังจี้โจวเดินออกมาด้วยความหิวโหย สีหน้ากระสับกระส่าย
ทีมงานและเหล่านักแสดงเป็นไข้หวัด ซึ่งส่งผลกระทบต่อการถ่ายทำอย่างมาก แม้ว่าทางทีมงานจะมีเงินมากเพียงใด แต่การอยู่ที่นี่จำเป็นต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก หากยังอยู่ต่อไป… มีหวังเสียหายหลายแสนแน่ ๆ!
“แค่ก แค่ก…”
ถังจี้โจวรู้สึกคันคอจึงไอออกมาให้หายระคาย ทว่าใบหน้ากลับต้องเปลี่ยนสี เพราะตระหนักถึงบางอย่างขึ้นมาได้…
นี่ฉันคงไม่ติดหวัดหรอกใช่ไหม?
แต่ถ้าฉันเป็นไข้ด้วย มันจะไม่แย่ไปกว่านี้เหรอ?
คิดได้ดังนั้นก็รู้สึกฉุนเฉียวขึ้นมา ตัดสินใจไปซื้อยามากินที่ร้านขายยาใกล้ ๆ แม้ว่าจะมีอาการไม่หนักมาก แต่ก็ต้องระมัดระวังอย่างดี
“ฮะ?”
ทว่าเมื่อก้าวออกจากประตูโรงแรมก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบา ๆ
เขาเห็นรถคันหนึ่ง
เป็นรถออฟโรดหุ้มเกราะที่ดุดันไม่เกรงใจใคร…
“Knight XV งั้นเหรอ ทั่วประเทศจีนมีรถแบบนี้ไม่กี่คันหรอก มีใครบ้างที่ขับรถแบบนี้บนถนน” ผู้กำกับหยุดฝีเท้าเพื่อดูว่าใครกำลังขับรถ
และในไม่ช้าก็เห็นว่าเป็นใคร…
เขาเป็นชายคนหนึ่ง อายุราว ๆ ยี่สิบปี รูปร่างดูสูงโปร่ง แต่ก็ให้ความรู้สึกแปลกในเวลาเดียวกัน
“…”
ประตูด้านหลังเปิดออกกว้างเผยให้เห็นใครบางคน
ถังจี้โจวกำลังจะเดินออกไป แต่เมื่อเห็นสองพ่อลูกจึงชักเท้ากลับ
“โจวอี้?” ผู้กำกับรู้สึกประหลาดใจ
“ผู้กำกับถัง บังเอิญจังเลย!” ชายหนุ่มวางลูกสาวลงกับพื้นและเอ่ยทักทาย “ผมกำลังจะโทรหาพอดีเลยครับ แต่บังเอิญเจอคุณที่นี่ซะก่อน”
“โทรหาผม?” อีกฝ่ายถาม
“ใช่ ผมรู้ว่าทีมงานหลายคนเป็นหวัด ผมก็เลยเอายามาให้พวกคุณทุกคน” โจวอี้อธิบายจุดประสงค์ของตัวเอง
“ยาเหรอ? โอ้… เยี่ยมมาก!” ถังจี้โจวแทบจะกระโดดโลดเต้นเมื่อได้ยินเช่นนั้น
โจวอี้เป็นถึงแพทย์แผนจีนเชียวนะ เป็นที่เลื่องลือกันว่าทักษะทางการแพทย์ของเขายอดเยี่ยมมาก
ถ้าหากยาจีนนี้ได้ผล ก็เท่ากับว่าจะสามารถแก้ไขสถานการณ์ปัจจุบันของทีมถ่ายละครได้
“สาวน้อยคนนี้คือ…” ถังจี้โจวมองเด็กหญิงที่ดูน่ารักน่าเอ็นดูแล้วถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“นี่ลูกสาวของผมเองครับ” ชายหนุ่มหันมาพูดกับลูกสาวว่า “เหมียวเหมี่ยว นี่คือลุงถัง”
“สวัสดีค่ะลุงถัง” เด็กหญิงพูดอย่างชาญฉลาด
“สวัสดีเหมียวเหมี่ยว หนูเป็นเด็กน่ารักมาก” ถังจี้โจวจำได้ว่าโจวอี้กับถังหว่านมีลูกคนหนึ่งด้วยกัน และทันทีที่มองก็รู้ได้เลยว่าเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้เป็นลูกสาวของถังหว่าน
“ขอบคุณค่ะลุงถัง ลุงก็หล่อเหลาเอาเรื่องเลยนะคะ” ถังเหมียวเหมี่ยวยิ้มอย่างสดใส
“ฮ่า ๆ ดูเด็กสมัยนี้พูดเข้าสิ ขอบคุณนะลูก”
โจวอี้หันไปพูดกับถงหู่ว่า “ถงหู่ นี่คือผู้กำกับถัง ตามเขาไปและเอายากับสมุนไพรจีนทั้งหมดที่เรานำมาให้เขาด้วย เหมียวเหมี่ยวกับฉันจะไปหาพี่สะใภ้ของนายก่อนแล้วเอายาให้เธอเอง”
“รับทราบ” ถงหู่พยักหน้า
ต่อมาโจวอี้ก็ได้คุยกับถังจี้โจวอีกสองสามคำ จากนั้นก็คว้ามือลูกสาวและถือกระติกน้ำร้อนเดินเข้าไปด้านใน
ในไม่ช้า สองพ่อลูกก็มาถึงประตูห้องของถังหว่าน
ภายในห้องรับแขก
หญิงสาวนั่งลงบนโซฟาและกำลังดื่มน้ำอุ่น ๆ ขณะที่ซุนเหมิงไอจามออกมาหลายครั้ง
“พี่หว่าน ฉันจะไม่ติดเชื้อด้วยใช่ไหมคะเนี่ย ตอนนี้คัดจมูกหน่อย ๆ แล้ว” ซุนเหมิงกล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น
“น่าจะนะ เธอควรกินยาแก้หวัดไว้ก่อน” ถังหว่านพูดอย่างอ่อนแรง
“อื้อ”
ก๊อก ก๊อก…
เมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น ซุนเหมิงจึงเดินไปเปิดประตู เมื่อเห็นโจวอี้กับถังเหมียวเหมี่ยวยืนอยู่ข้างนอก เธอก็ส่งเสียงด้วยความดีใจ พลางอ้าแขนออกเพื่อโอบกอดถังเหมียวเหมี่ยว
ทว่าเมื่อกำลังจะกอด จู่ ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าตนเองอาจจะเป็นหวัด เธอจึงรีบชักมือออกและพูดด้วยความอับอายว่า “เหมียวเหมี่ยวที่รัก น้าดูเหมือนจะเป็นหวัดเลย… คงกอดหนูไม่ได้แล้ว …เข้ามาก่อนเถอะ เร็วเข้า!”
“คะ… ค่ะ!!”
ถังเหมียวเหมี่ยวกระโดดโหยงเหยงเข้าไปและตามมาด้วยโจวอี้
ถังหว่านได้ยินสิ่งที่ซุนเหมิงพูดแล้ว
เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นลูกสาว เธอก็ตกใจลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้น
เธอคิดถึงลูกสาวสุดหัวใจ เพราะไม่เคยห่างกันนานขนาดนี้ ถ้างานไม่ยุ่งคงได้กลับบ้านไปนอนกอดเจ้าตัวเล็กนี่แล้ว แต่ตอนนี้บุตรสาวมาถึงก็โผเข้ากอดเธอก่อนเสียแล้ว
ถังหว่านรู้สึกว่าหัวใจอ่อนยวบ… เธอย่อตัวลงกับพื้นตระกองกอดลูกสาวไว้
ทันใดนั้นดวงตาคู่สวยก็ชื้นแฉะขึ้นมา
“แค่ก..”
โจวอี้อยากจะเดินไปกอดคนทั้งคู่ แต่เมื่อพิจารณาว่าซุนเหมิงยังอยู่ที่นั่นจึงขอยอมแพ้
เมื่อได้ยินเสียงชายหนุ่มกระแอมไอ หญิงสาวจึงเงยหน้าขึ้นถามด้วยความเป็นห่วง “คุณก็เป็นหวัดด้วยเหรอ?”
จบแล้ว…
ถังหว่านได้ยินแบบนั้นก็พลันได้สติ เธอรีบปล่อยลูกสาวและถอยไปสองสามก้าว ก่อนจะรีบคว้าหน้ากากอนามัยมาสวม
“ผมไม่ได้เป็นหวัด” ชายหนุ่มยกกระติกน้ำร้อนในมือขึ้นมาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ผมรู้ว่าคุณเป็นหวัด… ผมกับลูกสาวก็เลยเอายามาให้ ควรดื่มในขณะที่ยังร้อนอยู่นะ”
“ใช่แล้ว ยาจีนที่พ่อต้มให้แม่น่ะดีมาก ๆ พวกนักเรียน ครู และพวกผู้ปกครองได้ดื่มยาที่พ่อต้มกันทั้งนั้น ทุกคนก็ต่างยกย่องพ่อด้วย!” ถังเหมียวเหมี่ยวโอ้อวดอย่างภูมิใจ
ถังหว่านตกตะลึงกับข่าวนี้
จากนั้นก็รู้สึกขบขัน
ลูกสาวเธออยู่กับโจวอี้มานานแล้ว เธอจะพูดเกินจริงไปได้อย่างไร? ถ้าคนเหล่านั้นดื่มยาจีนของโจวอี้จริง ๆ… จะมีกี่คนกัน? คงจะมีเป็นพันคนเลยใช่ไหมนะ?
คิดได้เช่นนั้นจึงจ้องไปที่โจวอี้
“หืม? มีอะไรเหรอ?” ชายหนุ่มตกตะลึง
“อย่าคุยโวต่อหน้าลูกสาวมากนักสิ มันจะทำให้เธอเสียคนเอาได้” หญิงสาวเอ่ยเตือน ทว่าความสุขกลับเปล่งประกายในแววตา
“ผมจะโม้ได้ยังไง ที่ลูกสาวของเราพูดมาน่ะเป็นความจริง สามวันมานี้ผมเหนื่อยและเวียนหัวแทบจะเป็นลม” โจวอี้บ่น
เหนื่อยและเวียนหัว?
สามวัน?
หญิงสาวถามต่อไปว่า “คุณต้มยาจีนให้ครูและนักเรียนในโรงเรียนของเหมียวเหมี่ยวเหรอ?”
“ใช่! ครูเล่ยเล่ยมาที่บ้านของเราด้วยตัวเองเพื่อขอให้ผมต้มยาจีนให้เด็ก ๆ ในชั้นเรียน และผู้อำนวยการเฉินก็ขอให้ต้มยาจีนให้อีกเพราะมันได้ผลดีมาก โชคดีที่แม้แต่ผู้ปกครองยังดื่มยาจีนที่ผมต้มด้วย” โจวอี้ยกยิ้มมุมปาก
“มีกี่คน?”
“มากกว่าสามพันสองร้อยคน”
“สามพันสองร้อย…”
ถังหว่านเหม่อมองด้วยแววตาว่างเปล่า ส่วนซุนเหมิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็อ้าปากค้างและเผยสีหน้าประหลาดใจ…