หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า - บทที่ 268 คนที่จะผ่านมาและผ่านไป
บทที่ 268 คนที่จะผ่านมาและผ่านไป
บทที่ 268 คนที่จะผ่านมาและผ่านไป
ฝูงชนที่อยู่รอบ ๆ ระเบิดความโกลาหลทันที
พวกเขาได้กลิ่นความขัดแย้ง
สายตาทุกคู่พากันจับจ้องโจวอี้และสาวงามคนนั้น หลายคนมองโจวอี้ด้วยแววตาคาดหวัง หวังว่าโจวอี้จะกล้าแข่งขันต่อไป ซึ่งมันจะทำให้พวกเขาได้ดูฉากสนุก ๆ
“500,001 หยวน” โจวอี้พูดอย่างใจเย็น
“นาย…” หญิงสาวโกรธจนหน้าแดง
เธอไม่คิดว่าโจวอี้จะสู้ราคาจริง ๆ แถมยังจงใจทำให้เธอขายหน้า เพราะเขาขึ้นราคาเพียงแค่หนึ่งหยวนเท่านั้น
จวงเอ้อร์ยิ้มและมองฉากที่เกิดขึ้นตรงหน้า เขาไม่ได้ตื่นเต้นมาก แต่เขาก็พอใจกับมันและรู้สึกสนใจในเวลาเดียวกัน
เขาไม่ได้ขาดเงิน
ไม่ต้องพูดถึงเงินห้าแสนหยวน เพราะแม้แต่ห้าสิบล้านหยวนก็แทบจะไม่ทำให้เขาตื่นเต้น
เขาพอใจที่ทั้งคู่ดูมีรสนิยมและรู้ว่าเฟอร์เร็ตของเขาแตกต่างจากตัวอื่น ๆ
สุดท้าย โจวอี้ก็ซื้อเฟอร์เร็ตไปในราคาห้าแสนหนึ่งหยวน แม้ว่าหญิงสาวจะโกรธ แต่เธอก็ไม่กลับคำ เธอเผยสีหน้ามืดมนและไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
โจวอี้จ่ายเงินและจากไปพร้อมกับเฟอร์เร็ต
เขาไม่ได้ซื้ออาหารให้เฟอร์เร็ต เพราะอาหารที่เขาทำน่าจะดีกว่า
สี่โมงเย็น
เมื่อกริ่งโรงเรียนอนุบาลดังขึ้น นักเรียนก็พากันเดินออกจากชั้นเรียน
“พ่อจ๋า!” ถังเหมียวเหมี่ยวพุ่งตัวเข้าไปในอ้อมแขนของโจวอี้
“เหมียวเหมี่ยว เราต้องรอพี่เสี่ยวรุ่ยก่อนนะลูก” โจวอี้กล่าว
“ค่ะ หนูรู้”
ในไม่ช้า คุณครูก็พานักเรียนในชั้นเรียนของถังเสี่ยวรุ่ยเดินออกมา
“พ่อคะ” ถังเสี่ยวรุ่ยมาหาโจวอี้และเอ่ยทักทาย
“เสี่ยวรุ่ย วันนี้เป็นยังไงบ้าง?” โจวอี้ยิ้มและอุ้มเธอขึ้นมา
“ก็ดีค่ะ…” ถังเสี่ยวรุ่ยกล่าว
แท้จริงแล้ว เธอคิดว่ามันไม่มีอะไรน่าสนใจสักเท่าไหร่ แม้ว่าตอนนี้เธอจะอายุเพียงหกขวบ แต่เธอรู้สึกว่าเพื่อนร่วมชั้นทุกคนยังเด็กมาก แม้ว่าบางคนจะแก่กว่าเธอหนึ่งหรือสองปี แต่เธอก็ยังรู้สึกว่าแต่ละคนยังเด็กอยู่
โจวอี้อุ้มลูกสาวสองคนของเขาไว้ด้วยแขนทั้งสองข้างอย่างรักใคร่ และเดินออกไปนอกโรงเรียนอนุบาล
ภาพนี้ทำให้ผู้ปกครองที่รู้จักกับโจวอี้บางคนแสดงสีหน้าอยากรู้อยากเห็น
ท้ายที่สุด ผู้ปกครองที่อยู่ใกล้ที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “คุณหมอโจว เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่คุณอุ้มอยู่ทางซ้ายคือใคร? เมื่อครู่ผมหูฝาดไปรึเปล่าที่ได้ยินเธอเรียกคุณว่าพ่อ?”
“ใช่ เธอเป็นลูกสาวของผมเอง ชื่อถังเสี่ยวรุ่ย!” โจวอี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“คุณมีลูกสาวสองคนเหรอ เอ…ทำไมผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าเธอเรียนที่โรงเรียนนี้ด้วย”
“ก่อนหน้านี้ขาของลูกสาวผมได้รับบาดเจ็บน่ะ เธอก็เลยต้องใช้เวลาพักฟื้นที่บ้าน จนกระทั่งไม่นานมานี้ผมได้รักษาขาของเธอจนหายดีแล้ว ดังนั้นวันนี้เธอก็เลยมาโรงเรียนอนุบาลได้แล้ว” โจวอี้อธิบาย
เขาไม่ได้บอกว่าถังเสี่ยวรุ่ยเป็นลูกสาวบุญธรรมของเขา
เขาจะปฏิบัติต่อลูกสาวของเขาอย่างเท่าเทียมกัน ตราบเท่าที่เธอเป็นลูกสาวของเขา ไม่ว่าเธอจะเป็นลูกของใครหรือแม้แต่ของเขาเองก็ตาม
จากนั้น โจวอี้ก็กล่าวลาผู้ปกครองเหล่านั้นและตรงกลับบ้าน
เขารับโทรศัพท์ระหว่างทาง
เหลียนซานโทรหาเขาและถามหาเวลาว่าง เพราะแม่เพื่อนเหลียนซานเพิ่งป่วยเป็นโรคประหลาดและไปโรงพยาบาลชั้นนำมาหลายแห่งแล้ว แต่ไม่มีหมอคนไหนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
โจวอี้ตอบตกลง เพราะเขาเต็มใจที่จะช่วยเหลืออีกฝ่าย
เมื่อพ่อและลูกสาวกลับถึงบ้าน โจวอี้ก็พาถังเหมียวเหมี่ยวไปที่ชั้นสอง
“เหมียวเหมี่ยว พ่อขอถามอะไรหน่อยสิ” โจวอี้ยิ้ม
“อะไรเหรอคะ?”
“ลูกชอบสัตว์อะไรอีกนอกจากนกแก้ว”
“หนูชอบหมีแพนด้า!” ถังเหมียวเหมี่ยวตอบพลางหัวเราะ
“…”
โจวอี้ส่ายหัวด้วยรอยยิ้มแห้ง ก่อนจะยกมือขึ้นชี้ไปที่ชั้นหนังสือด้านซ้าย พลางยิ้มแล้วถามว่า “ลูกชอบเฟอร์เร็ตน้อยตัวนั้นไหม มันฉลาดมากนะ”
เฟอร์เร็ตน้อย?
ถังเหมียวเหมี่ยวดูงงงวย แต่เมื่อเธอเห็นเฟอร์เร็ตสีขาว แววตาของเธอก็สว่างวาบขึ้น เธอปรบมือและตะโกนว่า “พ่อจ๋า มันน่ารักมาก!”
“ลูกชอบมันไหม?” โจวอี้อุ้มเฟอร์เร็ตลงมาส่งให้ถังเหมียวเหมี่ยว
“ชอบ หนูชอบมาก!” ถังเหมียวเหมี่ยวอุ้มเฟอร์เร็ตอย่างระมัดระวัง ดวงตาที่สวยงามของเธอโค้งลงเหมือนพระจันทร์เสี้ยว
เธอชอบมันมาก
เด็กน้อยอุ้มเฟอร์เร็ตไว้ในอ้อมแขน เธอทนไม่ได้ที่จะวางมันลงพื้น จึงได้โอบอุ้มมันด้วยแขนเล็ก ๆ ข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างก็ลูบขนนุ่มนิ่มของมันเบา ๆ ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“ถ้าเทียบกับนกแก้วตัวนั้น ลูกชอบตัวไหนมากกว่ากัน?” โจวอี้ชี้ไปที่กรงนก
“หนูชอบเฟอร์เร็ต มันน่ารักและขนปุยมาก ๆ!” ถังเหมียวเหมี่ยวตอบทันที
อาจเป็นเพราะความรู้สึกถูกชะตา หรือบางทีนกแก้วตัวนั้นดันชอบหลีกเลี่ยงเธอ ดังนั้นเธอจึงเลือกได้ง่ายขึ้น
“หือ?” จู่ ๆ ถังเหมียวเหมี่ยวก็ถามขึ้นว่า “พ่อคะ เรามีนกแก้วสองตัวไม่ใช่เหรอ? ทำไมตอนนี้เหลือตัวเดียว? อีกตัวบินออกไปเล่นหรือเปล่า?”
“อีกตัวหนึ่ง คุณย่าของลูกเอาไปมอบให้พี่ชายของลูกแล้ว ถ้าพี่ชายของลูกกลับมา เขาจะนำมันกลับมาด้วย”
“อ้อ!” ถังเหมียวเหมี่ยวพยักหน้าก่อนจะหันไปลูบขนเฟอร์เร็ตต่อไป
“ในเมื่อลูกตัดสินใจแบบนี้ ตอนนี้เฟอร์เร็ตตัวนี้ก็จะเป็นสัตว์เลี้ยงของลูก และนกแก้วสองตัวนั้นจะเป็นสัตว์เลี้ยงของพี่สาวเสี่ยวรุ่ยและพี่ชายเสี่ยวถัง” โจวอี้ยิ้ม
“หนูเลี้ยงพวกมันทั้งหมดเลยไม่ได้เหรอ?” ถังเหมียวเหมี่ยวถามอย่างสงสัย
“ได้ แต่พ่อต้องการให้ลูกทุกคนมีสัตว์เลี้ยงของตัวเองคนละหนึ่งตัวก่อน ถ้าในอนาคตลูกอยากเลี้ยงเพิ่มอีกก็ค่อยว่ากันใหม่ ตกลงไหม?”
“ค่ะ!”
หลังจากนั้น โจวอี้ก็เรียกหาถังเสี่ยวรุ่ยและมอบนกแก้วที่พ่นน้ำได้ให้ถังเสี่ยวรุ่ยต่อหน้าถังเหมียวเหมี่ยว
ถังเสี่ยวรุ่ยชอบมันมาก
ในทางกลับกัน แม้ว่านกแก้วจะค่อนข้างรังเกียจถังเสี่ยวรุ่ย แต่ท้ายที่สุดมันก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมตกลงที่จะเป็นสัตว์เลี้ยงคู่หูของถังเสี่ยวรุ่ย
หลังจากนั้น โจวอี้ก็ออกจากบ้านไปคนเดียว
แทนที่จะขับ Knight XV ครั้งนี้เขาเลือกที่จะเดินออกไปนอกบริเวณวิลล่า และนั่งแท็กซี่ไปตามที่อยู่ที่เหลียนซานบอกเขาไว้
โลตัส การ์เด้น
ทุกอาคารในย่านที่อยู่อาศัยบริเวณนี้จะเป็นอาคารสไตล์ตะวันตกแบบเก่า ที่มีประตูใหญ่ด้านหน้าและลานกว้าง
เมื่อโจวอี้มาถึง ชายหลายคนในชุดสูทก็ขวางโจวอี้ไว้ที่นอกลานบ้าน
“ผมได้รับเชิญให้ไปรักษาคนไข้ หมอเหลียน เหลียนซานจากโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิงน่าจะอยู่ในนั้น” โจวอี้เอ่ยอย่างใจเย็นพลางมองชายหลายคนในชุดสูท
“ได้ครับ แต่กรุณารอสักครู่” ชายในชุดสูทหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรออกต่อหน้าโจวอี้
หลังจากได้รับการยืนยัน ชายเหล่านี้ก็ปล่อยให้โจวอี้เข้าไปข้างใน
ทันทีที่โจวอี้เข้าไปในบ้าน เขาก็เห็นเหลียนซานและสาวสวยคนหนึ่ง
เธอคนนั้น?
โจวอี้จำได้ว่าสาวสวยตรงหน้านี้คือคนที่เขาเพิ่งพบที่ตลาดดอกไม้และนก และเธอได้ทะเลาะกับเขาตอนที่ซื้อเฟอร์เร็ต
“นาย!” สาวสวยจำโจวอี้ได้ สีหน้าของเธอจึงเปลี่ยนไปทันที
“เสี่ยวโหรว? นี่…รู้จักกันเหรอ?” เหลียนซานดูประหลาดใจ
“ใช่” โจวอี้พยักหน้า
พูดได้ว่าโจวอี้ไม่ได้เกลียดผู้หญิงคนนี้ แต่แน่นอนว่าเขาก็ไม่ได้ชอบอีกฝ่ายเช่นกัน
เธอคนนี้ก็แค่คนที่จะผ่านมาและผ่านไปเท่านั้น