หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า - บทที่ 3 พบคนรักเก่า (รีไรท์)
บทที่ 3 พบคนรักเก่า (รีไรท์)
บทที่ 3 พบคนรักเก่า (รีไรท์)
เฉินเยว่ฉินรู้สึกสับสนขึ้นมา
แต่การแสดงออกของเพื่อนร่วมงานก็ตอบทุกความสงสัยแล้ว…
เธอพบว่ามันยากที่จะยอมรับว่าถูก ‘คนบ้า’ ช่วยไว้
นอกห้องเรียนมองเห็นรถตำรวจสองคันกำลังพุ่งเข้ามา โดยมีตำรวจหกถึงเจ็ดคนในชุดเครื่องแบบพร้อมอาวุธ พวกเขารีบออกจากรถและตรงเข้าไปในห้องเรียนภายใต้การนำพาของคุณครู
“ใครคือผู้ต้องสงสัย?” ตำรวจวัยกลางคนเลื่อนมือจับปืนที่เอว ขณะกวาดมองที่เกิดเหตุในห้องเรียนด้วยแววตาดุดันและกล่าวถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“นั่น…”
เฉินเยว่ฉินยกแขนขึ้นและชี้ไปที่โจวอี้ แต่คำพูดติดอยู่ในลำคอจนเอ่ยอะไรไม่ออก
เมื่อโจวอี้เห็นตำรวจ แทนที่เขาจะตื่นตระหนก ทว่ากลับเผยท่าทีมีความสุขออกมาซะอย่างนั้น
[กฎข้อที่ห้าของตระกูลโจวในการออกจากภูเขา ตำรวจของประชาชนเปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ หากพบปัญญาจงไปหาตำรวจ]
รอยยิ้มสดใสปรากฏขึ้นบนใบหน้าของโจวอี้อีกครั้ง เมื่อเดินไปหาตำรวจผู้เป็นผู้นำ เขาพูดอย่างกระตือรือร้นว่า “โอ้ คุณตำรวจ ขอบคุณมาก ๆ นะครับที่มา ผมต้องการความช่วยเหลืออยู่พอดี”
“คุณ…”
เจิ้งเจี้ยนหมิง ในฐานะรองผู้อำนวยการสถานีตำรวจในบริเวณใกล้เคียงเคยเจอคดีอาญาต่าง ๆ มากมาย แต่สถานการณ์ตรงหน้าทำให้เขาสับสนหนัก
นี่หรือคือผู้ต้องสงสัย?
เขาเหมือนผู้ต้องสงสัยตรงไหนกัน?
แทนที่จะถืออาวุธจับตัวประกัน แต่กลับทำหน้าระรื่นและยังร้องขอความช่วยเหลือ!
“วางมือลงก่อน แล้วบอกผมว่าเกิดอะไรขึ้น” เจิ้งเจี้ยนหมิงขมวดคิ้ว
“ครับ ครับ ผมยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับตำรวจของประชาชน” โจวอี้ลดมือลง แต่รอยยิ้มยังคงประทับอยู่บนใบหน้าหล่อเหลา เขากล่าวว่า “ผมคิดว่าเป็นความเข้าใจผิดกัน เพราะในฐานะพ่อแม่ ผมมาที่นี่เพื่อพบลูกสาว แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยข้างนอกทุบตี อีกทั้งคุณครูเหล่านี้ยังมองว่าผมเป็นคนบ้าด้วย ผมรู้สึกผิดเหลือเกิน…”
เฉินเยว่ฉินและครูคนอื่น ๆ มองหน้ากัน
นี่คือ… คนบ้าที่ชิงฟ้องตำรวจก่อนใช่หรือไม่?
เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มทำร้ายเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย แล้วเขาเป็นผู้ถูกกระทำได้อย่างไร???
ครูกลุ่มหนึ่งไม่พอใจและเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ ในขณะที่เฉินเยว่ฉินรู้สึกอับอาย
เจิ้งเจี้ยนหมิงผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการคดีย่อมไม่ฟังความคิดเห็นฝ่ายเดียว เขาค่อย ๆ ทำความเข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมด และเชิดใบหน้าขึ้นพูดด้วยความน่าเกรงขาม “คุณคือโจวอี้ใช่ไหม เรารู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว ถ้าเด็กคนนี้เป็นลูกสาวของคุณจริง ๆ นั่นก็เข้าใจได้ แต่ถ้าโกหก มันถือเป็นอาชญากรรม”
“ผมไม่ได้ก่ออาชญากรรม พ่อแม่ของเด็กมีสิทธิ์มาเยี่ยมลูก แม้ว่าผมจะเคยอาศัยอยู่บนภูเขามาก่อน แต่ท่านอาจารย์ขอให้ท่องบทบัญญัติกฎหมาย ผมจึงรู้ เข้าใจและปฏิบัติตามกฎวินัยต่าง ๆ มาอย่างดี” โจวอี้ยืดอกขึ้นและกล่าวเสริมว่า “ถังหว่านเป็นพยานได้ว่าผมเป็นพ่อของเด็ก”
ถังหว่าน …คือใคร?
ชื่อนี้ฟังดูคุ้น ๆ ไหม?
เจิ้งเจี้ยนหมิงมองไปที่เฉินเยว่ฉินเป็นเชิงถาม
“คุณตำรวจ ถังหว่านเป็นแม่ของเด็ก!” เฉินเยว่ฉินกล่าวอย่างเร่งรีบ
เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว เจิ้งเจี้ยนหมิงก็พูดขึ้นทันที “ติดต่อถัง… ติดต่อแม่ของเด็กและถามว่าโจวอี้ว่าเป็นพ่อของเด็กหรือไม่”
“เราติดต่อไปแล้ว …เธอน่าจะมาถึงเร็ว ๆ นี้” เฉินเยว่ฉินกล่าวตอบ
…
เขตซวนหวู่
บ้านบรรพบุรุษของตระกูลหวง ลึกเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่มีทางเข้าสี่ทางกับทางออกสี่ทาง และได้ยินเสียงไอดังเล็ดลอดเป็นครั้งคราว ในลานบ้านที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ หวงไห่เทาสวมสูทเรียบง่าย เท้าสองข้างเดินย่ำหิมะไปมาด้วยใบหน้าเป็นกังวล
แกร็ก…
ประตูไม้สีเข้มถูกเปิดจากด้านใน เป็นร่างของเฉินเจียนหรง รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิง เขาสวมเสื้อคลุมสีขาวสะอาดก้าวเดินออกมาพร้อมกับกล่องยา ขณะสายตามองไปที่หวงไห่เทา ซึ่งบนหัวมีแต่หิมะและใบหน้ากระวนกระวายใจ
“หมอเฉิน คุณปู่ของผม…” หวงไห่เทามองไปที่ท่าทีของเฉินเจียนหรงและหัวใจแทบจะหยุดเต้น
“ผมไม่สามารถรักษาให้หายจากโรคเดิมได้ ผมทำได้แค่ฝังเข็มให้ก่อนและสั่งยาเพื่อให้อาการของเขาคงที่ชั่วคราว” เฉินเจียนหรงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้แล้วพูดว่า “ถ้าต้องการรักษาโรคของผู้อาวุโสหวง… เว้นเสียแต่คุณจะเชิญปรมาจารย์ด้านแพทย์แผนจีนมา ไม่เช่นนั้นก็ทำได้เพียง…”
“ผมทำอะไรได้บ้าง” หวงไห่เทาเอ่ยอย่างร้อนรนใจ
“เราสามารถตามหาหมอที่เคยรักษาผู้อาวุโสหวงได้เท่านั้น คนผู้นั้นสามารถรักษาเขาได้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ถ้าจะกลับมารักษาตอนนี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหา” เฉินเจียนหรงกล่าว
ที่เคยรักษา….
ลึก ๆ ในใจของหวงไห่เทาคล้ายกับมีความหวัง แต่ก็ขมขื่นยิ่งนัก
เป็นเรื่องยากที่จะเชิญปรมาจารย์ด้านแพทย์แผนจีนมา
ไหนจะตาแก่นั่นอีก ไม่ต้องพูดเลยว่าเขาจะลงจากภูเขา หรือถ้าเต็มใจลงมาละก็ หวงไห่เทาผู้นี้จะมีหน้าไปเชิญได้อย่างไร?
จนถึงตอนนี้ ตระกูลหวงของตนยังคงเป็นหนี้เขาอยู่!
“หมอเฉิน…”
กริ่ง… เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะ
เขาส่งสายตาเป็นเชิงขอโทษให้เฉินเจียนหรง จากนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดู เมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอสี่เหลี่ยม เขาก็ตื่นตระหนกจนพึมพำชื่อที่คุ้นเคยออกมา
ครู่ต่อมาใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปฉับพลัน
เกิดอะไรขึ้นกับโรงเรียนอนุบาล?
แจ้งตำรวจ?
หลังจากที่หวงไห่เทาวางสายแล้ว เขามองไปที่เฉินเจียนหรงและกล่าวว่า “หมอเฉิน โปรดให้ยาคุณปู่ไปก่อนเพื่อให้อาการคงที่ และผมจะคิดหาวิธีในภายหลัง”
“อืม!”
เฉินเจียนหรงเห็นด้วย
รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ขับเข้าไปในโรงเรียนนานาชาติเหิงปิง ถังหว่านที่นั่งอยู่ในรถมองเห็นเหล่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหน้าโรงเรียนได้อย่างชัดเจน
เมื่อลงจากรถได้ เธอก็รีบวิ่งเข้าไป
ดวงหน้าของถังหว่านเต็มไปด้วยความกังวลขณะวิ่งไปที่ประตูห้องเรียนลูกสาว เมื่อมองไปยังประตูห้องเรียนที่มีคนขวางอยู่ เธอจึงร้องเรียกลูกสาวอย่างคนเสียสติหลายครั้ง ก่อนที่ทุกคนจะหลีกทางให้
เมื่อก้าวเข้ามาในห้องเรียน เธอก็กวาดสายตามองหาร่างของลูกสาวอย่างรวดเร็ว
“เหมียวเหมี่ยว ลูกเป็นไงบ้าง” เมื่อเห็นผู้เป็นบุตรสาว ถังหว่านก็รีบวิ่งเข้าไปโอบกอดถังเหมียวเหมี่ยวไว้ในอ้อมแขน
“แม่ หนูสบายดี” ถังเหมียวเหมี่ยวกล่าวเสียงอ่อน
ถังหว่านโล่งใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น
นั่นก็ทำให้เธอเริ่มสนใจคนรอบข้างขึ้นมา
แต่เมื่อหางตาเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย รูม่านตาของเธอก็หดเกร็ง คล้ายกับเห็นบางสิ่งที่เหลือเชื่อจึงกอดลูกสาวไว้แน่นขึ้น
นั่นคือเขา!
ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม!
แต่ลงมาจากภูเขาตั้งแต่เมื่อไร?
ไม่ได้อ้างว่าอยู่บนภูเขาแสนอันตรายเทือกนั่นหรือไง ทั้งยังบอกว่าจะไม่มีวันลงมา เหอะ! นึกว่าจะตายอยู่ที่ภูเขาชางหลางนั่นซะอีก
เขามาเพื่อพรากลูกสาวของเธอไปใช่หรือไม่?
โจวอี้จ้องมองถังหว่าน ในขณะนี้เขารู้สึกคล้ายกับนี่เป็นถังหว่าน แต่ความงามนั้นเกินจะพรรณนากว่ายามที่ทั้งสองแอบชิมผลไม้ต้องห้าม
พูดง่าย ๆ ก็คือยิ่งนานวันเข้า ความงามก็ยิ่งบานสะพรั่ง!
“คุณคือคุณถังหว่านใช่ไหม แม่ของเด็กคนนี้?” เจิ้งเจี้ยนหมิงมองไปที่คนสองคนและเข้าใจอะไรบางอย่าง แต่ก็ยังถามต่อไป
“ใช่ ฉันเป็นแม่ของเหมียวเหมี่ยว” ถังหว่านกล่าวตอบ
“แล้วคุณโจวเป็นพ่อของเด็กเหรอ?” เจิ้งเจี้ยนหมิงถามอีกครั้งโดยไม่รีรอ
ทุกคนในห้องเรียนต่างมองถังหว่านเป็นสายตาเดียว หูก็ผึ่งเงี่ยฟังคำตอบไปด้วย…