หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า - บทที่ 38 ผมเข้าใจนิดหน่อย
บทที่ 38 ผมเข้าใจนิดหน่อย
บทที่ 38 ผมเข้าใจนิดหน่อย
ทั้งสี่ครอบครัวพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ฝั่งผู้ชายพากันทำบาร์บีคิวและดื่มเหล้า ส่วนฝั่งผู้หญิงและเด็กก็กำลังคุยกันหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องครอบครัว งานบ้าน การศึกษาของลูก การดูแลผิว และเครื่องสำอาง…
พวกเขาสนิทกันมากขึ้น และยังทำให้ถังหว่านรู้สึกอบอุ่นราวกับอยู่บ้าน
“พี่หยาง รถเป็นยังไงบ้าง?” หยางจื่อต้งถามขึ้นเมื่อรินเหล้าอีกแก้ว
“ดีมาก ตอนกลับบ้านก็เอาไปได้เลย!” อู๋ฉี่หางยิ้ม
“เดินไปดูกันก่อนไหม? ผมอยากเห็น” หยางจื่อต้งแทบรอไม่ไหว
“ได้! ไปดูกันเลย!” อู๋ฉี่หางยืนขึ้นและหันไปบอกกับหลีฟาง จากนั้นเขาก็เดินนำเหล่าเพื่อนบ้านชายไปที่วิลล่า ข้ามลานหิมะ และเข้าไปในห้องโถงด้านข้างที่ชั้นหนึ่งของวิลล่า
ข้างโถงนี้มีสิ่งของหลายอย่างแต่กลับดูไม่รก
จากการสังเกต โจวอี้พบว่าสถานที่แห่งนี้คล้ายกับสตูดิโอของดาราในละครโทรทัศน์
นอกจากนี้ ยังมีงานแกะสลักไม้ต่าง ๆ ฝังอยู่บนผนัง แต่ละชิ้นมีความวิจิตรงดงามยิ่งนัก
“โจวอี้ คุณเข้าใจงานแกะสลักไม้ไหม?” อู๋ฉี่หางพบว่าโจวอี้กำลังสังเกตอย่างระมัดระวัง จึงถามด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย
“ผมเข้าใจนิดหน่อย” โจวอี้ยิ้ม
เขารู้จักการแกะสลักไม้ เพราะสมัยที่ยังเด็ก เขาเคยเรียนรู้มันมาจากช่างไม้เก่าในหมู่บ้าน
จากคำอวดอ้างของช่างไม้เฒ่า เขาเป็นถึงทายาทของปรมาจารย์หลู่ปาน และยังเป็นช่างฝีมือของบรรพบุรุษ ดังนั้นเขาจึงเกลี้ยกล่อมและเคี่ยวเข็ญโจวอี้ให้ฝึกฝนมามากมายในด้านนี้
“คุณคิดยังไงกับการแกะสลักไม้ของเรือใบที่อยู่ตรงหน้าคุณ?” อู๋ฉี่หางถามด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เลวเลย…” โจวอี้พยักหน้า
แค่ไม่เลว?
รอยยิ้มบนใบหน้าของอู๋ฉี่หางจางหายไป คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นเล็กน้อย
หวังเจิ้งเหว่ยและหยางจื่อต้งต่างมองหน้ากันและยิ้มอย่างขมขื่น
บางครั้งพวกเขาคิดว่าโจวอี้ฉลาดพูดเพื่อให้คนอื่นรู้สึกดี แต่บางครั้งก็ไม่คาดคิดว่าเขาจะทำให้คนอื่นขุ่นเคืองได้ โดยเฉพาะกับเฒ่าอู๋ผู้นี้
นี่มันคือความขัดแย้ง!
อู๋ฉี่หางไม่ได้พูดอะไรอีก จากนั้นเขาก็ไปที่ชั้นหนึ่ง หยิบไม้แกะสลักรูปรถออกมา แล้วส่งให้หยางจื่อต้ง “คุณพอใจไหม?”
“พอใจ…พอใจมาก! พี่หยาง ทักษะการแกะสลักไม้ของคุณช่างประณีตเหลือเกิน!” หยางจื่อต้งชมเปาะ
“แค่คุณพอใจก็ดีแล้ว!” อู๋ฉี่หางได้ยินคำชมนั้นก็รู้สึกสบายใจขึ้น
“ถ้าผมกลับถึงบ้าน ผมจะส่งรูปใน WeChat เพื่อน ๆ ต้องอิจฉาแน่ ๆ” หยางจื่อต้งยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
โจวอี้ถึงกับพูดไม่ออก
ระดับการแกะสลักไม้ของอู๋ฉี่หางนั้นดีมาก แต่ก็แค่ ‘ดี’ เท่านั้น เพราะเขาคิดว่างานเหล่านี้ค่อนข้างแตกต่างจากงานของเขา!
หยางจื่อต้งสามารถอวดไม้แกะสลักที่อู๋ฉี่หางแกะสลักได้ ถ้าอย่างนั้นผลงานของเขาก็ย่อมสามารถนำไปอวดได้เหมือนกันใช่ไหม?
โจวอี้คิดเรื่องนี้ก็แอบรู้สึกขบขัน เขาไม่ใช่คนที่ชอบความสูงส่ง ไม่ได้โหยหาแสงและกระหายความชื่นชม แต่บางครั้ง การเป็นคนมีชื่อเสียงก็มีข้อดีเหมือนกัน!
“โพสต์ไว้บน WeChat เถอะ อย่าเสียอารมณ์กับคำพูดนายน้อยแห่งภูเขาชางหลาง!”
“อืม! ตัดสินใจได้แล้ว”
โจวอี้หยุดดูงานแกะสลักไม้ การวาดตัวอักษรและภาพวาดหลายชิ้นที่แขวนอยู่บนผนัง ซึ่งหนึ่งในนั้นได้ทำให้เขาประหลาดใจ
ไม่ใช่ว่าการวาดตัวอักษรและภาพวาดนั้นไม่ดี แต่ชื่อของผู้ลงนามนั้นคือ จ้าวซือป๋อ
เขาเคยเห็นภาพวาดและการวาดตัวอักษรของจ้าวซือป๋อในห้องรวบรวมสมบัติ จากลายมือการเขียนนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นคนเดียวกัน
“น้องโจวรู้จักการวาดตัวอักษรและภาพวาดด้วยเหรอ?” หวังเจิ้งเหว่ยเป็นคนรักการวาดตัวอักษรและภาพวาดเช่นเดียวกับอู๋ฉี่หาง เขาเป็นสมาชิกของสมาคมเขียนพู่กันและจิตรกรรมจินหลิง
“ผมเข้าใจนิดหน่อย” โจวอี้ยิ้ม
นี่ก็เข้าใจอีกแล้วเหรอ?
ตอแหลได้โล่?
หวังเจิ้งเหว่ยค่อนข้างสงสัย เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจถามว่า “คุณคิดยังไงกับภาพวาดนี้?”
“ไม่เลว! ภาพวาดและการวาดตัวอักษรของจ้าวซือป๋อยังคงคุ้มค่าแก่การสะสมเล็ก ๆ น้อย ๆ” โจวอี้ยิ้ม
“ของสะสมเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเหรอ? โจวอี้ นายไม่ได้จริงจังกับปรมาจารย์ด้านการวาดภาพและตัวอักษรจริง ๆ ใช่ไหม?” หวังเจิ้งเหว่ยส่ายหัวด้วยความผิดหวัง
“เขาน่ะเหรอเป็นปรมาจารย์?” โจวอี้ตกตะลึง
“แน่นอน! เขาเป็นถึงผู้อำนวยการของสมาคมเขียนพู่กันและจิตรกรรมจินหลิง แม้แต่ในมณฑลเจียงซู เขาก็ยังเป็นอันดับหนึ่ง!” หวังเจิ้งเหว่ยกล่าวด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย
“ใช่ ทักษะการวาดของผู้อำนวยการจ้าวนั้นสูงส่งมาก” อู๋ฉี่หางยังคงแสดงความไม่พอใจต่อชายหนุ่ม
ในขณะที่โจวอี้ส่ายหัว เขารู้สึกหมดหนทาง
ชายหนุ่มคิดว่าอู๋ฉี่หาง และแม้แต่หวังเจิ้งเหว่ยนั้นเป็นเพียงผู้ที่ชื่นชอบมันแบบกลวงๆ เพราะพวกเขาไม่แม้แต่จะบอกถึงคุณภาพของงานเหล่านี้ได้เลย
“น่าเสียดาย ผมไม่คิดว่าพรสวรรค์ในวงการนี้จะเหี่ยวเฉาลงไปขนาดนี้ อนิจจา แม้แต่จ้าวซือป๋อก็สามารถเป็นปรมาจารย์ด้านการวาดตัวอักษรและการวาดภาพได้” โจวอี้ยิ้มอย่างขมขื่น
อู๋ฉี่หางและหวังเจิ้งเหว่ยถึงกับโกรธยิ่งขึ้น
พวกเขารู้สึกว่าโจวอี้กำลังดูถูกจ้าวซือป๋อ และดูถูกสถานการณ์ปัจจุบันของวงการนี้
เขาหยิ่งแค่ไหนกัน!
ดื้อดึงเกินไป!
“เมื่อวันก่อน คุณพบผู้อำนวยการจ้าวใช่ไหม?” หวังเจิ้งเหว่ยขมวดคิ้วถาม
“ใช่ และเขายังต้องการซื้อภาพวาดของผม! แต่เขาสู้ราคากับคนอื่นไม่ไหว ก็เลยไม่สามารถซื้อมันได้” โจวอี้ตอบ
“คุณล้อเล่นหรือเปล่า?! เขาต้องการซื้อภาพวาดของคุณเนี่ยนะ?! เขาคงไม่อยากซื้อมากกว่ามั้ง?” หวังเจิ้งเหว่ยหัวเราะเยาะ ทันใดนั้น เขาก็เห็นว่าอู๋ฉี่หางขมวดคิ้วและหันหลังเดินออกไป
หวังเจิ้งเหว่ยมองตามอีกฝ่ายก่อนจะหันไปพูดกับโจวอี้ “ผมจะไปห้องน้ำ ดูกันไปก่อน”
ครู่ต่อมา หวังเจิ้งเหว่ยก็ตามอู๋ฉี่หางไปที่ห้องนั่งเล่นด้านนอก เขาเห็นอู๋ฉี่หางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรออก
“ผู้อำนวยการจ้าว ผมอู๋ฉี่หาง ผมโทรหาคุณดึกมากและคงไม่ได้รบกวนคุณพักผ่อนใช่ไหม? ฮ่า ๆ ผมหวังว่าผมจะไม่รบกวนคุณ ผมมีเรื่องจะถามคุณ…ใช่…โจวอี้…เขา…?! จริงเหรอ?! ผมรู้ ขอบคุณผู้อำนวยการจ้าว เอาไว้เราค่อยมาดื่มกัน!”
อู๋ฉี่หางวางสาย สีหน้าของเขาราวกับพบเจอเรื่องมหัศจรรย์อย่างมาก
“เขาว่าอย่างไร?” หวังเจิ้งเหว่ยรีบถาม
“สิ่งที่โจวอี้พูดเป็นความจริง!!” อู๋ฉี่หางยิ้มอย่างขมขื่น
“จ้าวซือป๋อยอมรับด้วยตัวเองเลยเหรอ?” หวังเจิ้งเหว่ยค่อนข้างแปลกใจ
“ไม่เพียงแต่ยอมรับเท่านั้น แต่เขายังเต็มใจที่จะซื้อภาพของโจวอี้ในราคาสูง”
อู๋ฉี่หางหยิบบุหรี่ออกมายื่นให้อีกฝ่าย จากนั้นก็จุดบุหรี่ของตัวเอง และสูดลมหายใจเข้าลึก
“จ้าวซือป๋อบอกว่า ระดับการวาดภาพและการวาดตัวอักษรของโจวอี้ มาถึงขั้นระดับปรมาจารย์แล้ว โจวอี้วาดภาพแบบสุ่มไปเมื่อไม่กี่วันก่อนและขายให้กับหลี่หงอี้ในราคาหนึ่งล้านห้าแสนหยวน!”
“บ…บ้าไปแล้ว…!!!”
หวังเจิ้งเหว่ยตกตะลึง
ตอนนี้เขากำลังไม่พอใจ ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าโจวอี้หยิ่งเกินไป แต่สุดท้าย…
นี่มัน…นี่มันน่าอาย!
นิ้วของอู๋ฉี่หางสั่นเล็กน้อยขณะเคาะบุหรี่ ในขณะที่ปากก็บ่นออกมา “ตอนที่คุณถามโจวอี้ว่ารู้จักการวาดตัวอักษรและภาพวาดไหม เขาตอบว่าอะไร?”
“ตอบมาแค่ว่า ผมเข้าใจนิดหน่อย!” หวังเจิ้งเหว่ยกล่าวด้วยรอยยิ้มแห้ง
“แล้วเขาตอบว่าอะไร ตอนที่ผมถามเขาว่ารู้จักงานแกะสลักไม้ไหม?” อู๋ฉี่หางถามอีกครั้ง
“ผมเข้าใจนิดหน่อย…”