หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า - บทที่ 51 งานสุ่ม
บทที่ 51 งานสุ่ม
บทที่ 51 งานสุ่ม
เมืองจินหลิง เขตชีเสีย
แสงดาวกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณลานบ้าน กงซุนหงอิงผู้มีผมสีเงินถือดาบสีเขียวสามฟุต ท่วงท่าของเธอดูราวกับห่านที่กำลังทะยานออกไป อีกทั้งยังสง่างามราวกับมังกร และคมดาบของเธอก็ราวกับงูขาวที่พร้อมพุ่งจู่โจมออกมา
อีกด้านหนึ่ง เหลียนซานที่เพิ่งมาถึงก็ยืนนิ่งด้วยความประหลาดใจ
รำดาบกงซุน!
นี่คือทักษะศิลปะการต่อสู้ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งสืบทอดมาจากครอบครัวของคุณยาย น่าเสียดายที่เธอไม่มีความสามารถในการฝึกศิลปะการต่อสู้ แม้ว่าเธอจะเรียนรู้ได้อย่างยากลำบาก แต่เธอก็ไม่สามารถแสดงเสน่ห์ของมันออกมาได้ เพราะสิ่งที่เธอแสดงออกมามีแต่ความแข็งกร้าวและดุดัน ขาดความอ่อนช้อยอย่างเห็นได้ชัด
ตรงกันข้าม คุณยายของเธอละเลยกฎของตระกูลเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว และได้ทำข้อยกเว้นในการสอนระบำดาบกงซุนให้กับผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ได้เป็นคนในตระกูล วันนี้เธอจึงมาที่นี่เพราะผู้หญิงคนนั้น
“มีธุระอะไรเหรอ? หรือจะให้ยายติดต่อเมิ่งเหว่ยและช่วยดันเรื่องขอยกเลิกการเป็นผู้ช่วยของชายหนุ่มที่ชื่อโจว?” กงซุนหงอิงฝึกฝนเทคนิคดาบครบชุดและค่อย ๆ ถอนหายใจ
“ไม่ ไม่ ไม่ อย่าผลักไสให้หนู หนูคิดว่าการติดตามหมอโจวก็ดีแล้ว” เหลียนซานรีบโบกมือพัลวัน
“หืม? น่าสนใจมาก ทำไมผ่านไปแค่วันเดียวหลานก็เปลี่ยนใจแล้วล่ะ” กงซุนหงอิงถามด้วยรอยยิ้ม
“คุณยายพูดถูก รองผู้อำนวยการเฉินย้ายหนูไปหาหมอโจวเพื่อช่วยเขา มันคงเป็นความตั้งใจของเขาจริง ๆ นั่นแหละ” เหลียนซานยิ้มอย่างเชื่องช้าแล้วพูดว่า “ทักษะทางการแพทย์ของหมอโจวทรงพลังมาก วันนี้เขารักษาคนไข้ไปสองสามคน และมันทำให้หนูประทับใจมากค่ะ”
“ไหนลองเล่ารายละเอียดให้ฟังหน่อย” กงซุนหงอิงเริ่มที่จะตื่นเต้น
“หนูจะยกมาแค่ตัวอย่างเดียว หมอโจวสามารถรักษาโรคให้ลูกศิษย์ของคุณยายได้” เหลียนซานยิ้ม
“หลานว่าไงนะ?! โจวอี้รักษาโรคพลังหยินนั่นได้เหรอ?!!” สีหน้าของกงซุนหงอิงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
“ใช่ วันนี้เขารักษาซีชิงอิ่งด้วยการฝังเข็ม เธอบอกว่าหลังจากฝังเข็มแล้วก็รู้สึกสบายตัวขึ้นมาก”
กงซุนหงอิงได้ฟังแล้วก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
เธอนึกไม่ออกว่าหมอโจวที่ยังเด็กนั้นจะสามารถรักษาชีพจรหยินได้อย่างไร?
แม้ว่าตัวเธอจะไปไม่ถึงระดับปรมาจารย์หมอผี แต่เธอก็ยังเชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนจีนอีกด้วย แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังรักษาซีชิงอิ่งไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ชายหนุ่มคนนั้นกลับทำได้!
เขาทำได้อย่างไร?
“คุณยาย คุณคงไม่รู้ว่าอาจารย์ของเขาเป็นใคร”
“เขาคือใคร?” กงซุนหงอิงถามในทันที
“แม้ว่าโจวอี้จะไม่ได้บอกหนูว่าเป็นใคร แต่หนูเดาว่าอาจารย์ของเขาคือหมอผีฉู่เทียนฮุ่ย” เหลียนซานกล่าว
“เธอเหรอ?” กงซุนหงอิงดูประหลาดใจและถามต่ออีกว่า “ตอนที่โจวอี้ กำลังรักษาซีชิงอิ่ง เขาใช้การฝังเข็มแบบเก้าเข็มมรณะหรือเปล่า”
“หนูถามหมอโจวแล้ว เขาตอบว่าไม่ใช่ แต่หนูเห็นว่าเทคนิคการฝังเข็มของเขาคล้ายกับเก้าเข็มมรณะมาก!” เหลียนซานยังดูสับสน
ไม่ใช่เก้าเข็มมรณะ?
แต่ถ้าเขาเป็นลูกศิษย์ของฉู่เทียนฮุ่ยจริง ๆ แล้วทักษะการฝังเข็มของเขาคืออะไร…
หญิงชราบ่นออกมาว่า “มันคือเข็มเกิดใหม่รึเปล่านะ ทักษะเฉพาะตัวของชายชราผู้ไร้หัวใจ? เป็นไปได้ว่าชายชราคนนั้นคืออาจารย์ของฉู่เทียนฮุ่ย อาจารย์ปู่ของโจวอี้ และเข็มการเกิดใหม่นั้นวิเศษกว่าเก้าเข็มมรณะ…”
…
ย่านช็องเซลิเซ่ ลานติง วิลล่า
อู๋ฉี่หางตามโจวอี้ไปที่ประตูลานบ้าน แววตาของเขาเป็นประกายเล็กน้อย จากนั้นก็เดินไปที่ Knight XV
แม้ตัวเขาจะไม่ใช่แฟนรถยนต์ แต่เขาก็รู้เกี่ยวกับรถยนต์ และเพื่อนที่ดีของเขาอย่างหยางจื่อต้งก็เป็นแฟนตัวยงของรถยนต์ตกแต่ง
“น้องโจว นี่รถคุณเหรอ?” อู๋ฉี่หางถามขึ้น
“ถูกต้อง” โจวอี้ยิ้ม
“ยอดเยี่ยมจริง ๆ! Knight XV ผลิตมาน้อยมาก และในจีนก็หายากมาก แต่คุณกลับมีมันในครอบครอง ถ้าคุณมีเวลา พาผมออกไปนั่งรถคันนี้เล่นบ้างนะ!” อู๋ฉี่หางยกนิ้วให้
“ไม่เอาน่า ผมไม่กล้าพาคุณออกไปหรอก” โจวอี้รีบส่ายหัว
“ไม่กล้า?” อู๋ฉี่หางตกตะลึง
“ไม่! ผมได้ยินมาว่าการขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตจะไม่เพียงถูกปรับเท่านั้น แต่ยังต้องถูกขังคุกตั้งสิบห้าวันอีกด้วย ผมต้องดูแลลูกสาวของผม! ผมจะไม่เสียเวลาอยู่ในสถานกักกันนั้นหรอก” โจวอี้กล่าว
“คุณไม่มีใบขับขี่เหรอ?” อู๋ฉี่หางตกตะลึง
“ผมเพิ่งลงจากเขาได้ไม่นาน แล้วจะไปทำใบขับขี่ที่ไหน ถ้าคุณอยากนั่งรถคันนี้ก็เอาออกไปขับเองเถอะ !” โจวอี้ยิ้ม
อู๋ฉี่หางได้ยินแล้วก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
เขามั่นใจว่าโจวอี้ไม่มีแม้แต่ใบขับขี่ แต่ชายหนุ่มคนนี้กลับซื้อรถหรูมา นี่เอาเงินไปเผาเล่นเท่าไหร่แล้ว?!
“งั้นเข้าไปดื่มกันเถอะ”
หลังจากเข้าไปด้านใน โจวอี้ตั้งใจที่จะทำอาหารและเครื่องดื่ม แต่อู๋ฉี่หางนำไวน์ชั้นดีมาพร้อมกับอาหารมาด้วยแล้ว
แทนที่จะไปยังห้องอาหาร
โจวอี้กลับเปิดพัดลมดูดอากาศ หยิบบุหรี่ในกระเป๋าออกมาวางลงบนโต๊ะน้ำชา จากนั้นก็หันหลังกลับมาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พี่อู๋ เชิญนั่งได้เลย ยินดีต้อนรับ ทำตัวตามสบายเหมือนเป็นบ้านของคุณได้เลยนะ”
“ดี!” อู๋ฉี่หางพึงพอใจ แต่ร่างกายของเขาราวกับถูกดึงดูดด้วยแม่เหล็กให้เดินไปที่ตู้หนังสือ
เขาเห็นเรือไม้…
และมันดูน่าทึ่งมาก!
สีของมันไม่อาจปกปิดเนื้อไม้อันละเอียดและทักษะการแกะสลักอันวิจิตรได้ เรือแกะสลักนี้ยาวประมาณสองฟุต มีห้องโดยสารกลวง เสาทรงกระบอก ตัวเรือสวยงาม และใบเรือมีพื้นผิวเป็นไม้ซึ่งปลิวอยู่บนสายที่พันธนาการด้วยด้ายสีทอง
“พี่อู๋?” โจวอี้สังเกตเห็นดวงตาที่เปล่งประกายของอู๋ฉี่หางจึงถามด้วยรอยยิ้ม
“งานของปรมาจารย์ด้านการแกะสลักคนนี้ยอดเยี่ยมมาก” อู๋ฉี่หางเอ่ยชม
“คุณยกย่องมากเกินไปแล้ว” โจวอี้พูดอย่างสุภาพ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาดูสดใสยิ่งนัก
“หรือว่านี่คืองานของคุณงั้นเหรอ?” อู๋ฉี่หางหันกลับมาถามด้วยความตกใจ
“ใช่” โจวอี้พยักหน้า
“เยี่ยมมาก ๆ เมื่อหลายปีมาแล้ว ผมเคยได้รับการยกย่องในฐานะปรมาจารย์ด้านประติมากรรม และผมได้แกะสลักงานมาแล้วกว่าแปดร้อยชิ้น แต่ผมเกรงว่างานอันยอดเยี่ยมของคงจะเอาชนะเรือไม้ลำนี้ไม่ได้เลย” อู๋ฉี่หางยิ้มอย่างขมขื่น
“พี่อู๋ถ่อมตัวเกินไปแล้ว” โจวอี้โบกมือและชักชวนอีกฝ่าย “มาเถอะ มาดื่มกินกันเลยเถอะ…”
บนโต๊ะปรากฏอาหารเย็นสี่จาน เนื้อสองจาน และผักสองจาน
ชายสองคนถือแก้วและชิมไวน์อย่างผ่อนคลาย
“รสชาตินุ่มและกลมกล่อม และรสที่ค้างอยู่ในคอก็ดูไม่มีที่สิ้นสุด นี่เป็นเหล้าชั้นดี!” โจวอี้เอ่ยปากชม
“ไม่เลว! เหล้าหยางเหอจากมณฑลเจียงซูนี่ไม่เลวเลย” อู๋ฉี่หางยิ้ม
“มันดีจริง ๆ มันดีกว่าไวน์ที่ผมดื่มที่ภูเขาอีก” โจวอี้ยิ้ม
“น้องโจว ถ้าคุณชอบ ผมจะเอามาให้อีก ผมมีเยอะแยะเลยที่บ้าน” อู๋ฉี่หางยิ้มและเหลือบมองชั้นหนังสืออีกครั้งก่อนจะถามว่า “น้องโจวยังเด็กมาก แต่ยังสร้างผลงานประติมากรรมที่ยอดเยี่ยมนี้ได้ ช่วยบอกผมหน่อยได้ไหมว่าเรียนรู้มาจากใคร?”
“ช่างไม้เฒ่าในหมู่บ้านของผมเอง”
“ช่างไม้เฒ่า?” อู๋ฉี่หางตาเป็นประกายและถามต่ออีกว่า “ผมรู้จักปรมาจารย์ชาวจีนด้านนี้มาเกือบหมดแล้ว อาจารย์ของคุณชื่ออะไรล่ะ?”
“เขาเป็นช่างแกะสลักไม้ที่เป็นคนขี้โกหก” โจวอี้เอ่ยพลางเบ้ปาก
“เขาเป็นคนแซ่หลู่ ชื่อของเขาคือ หลู่เอ้อร์ เขาอวดทั้งวันว่าเขาเป็นลูกหลานของปรมาจารย์หลู่ปาน คิดดูสิว่าเขาหน้าด้านเกินไปไหม?!”
“หลู่เอ้อร์?” อู๋ฉี่หางยืนขึ้นด้วยความตกตะลึง