หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า - บทที่ 55 ประนีประนอมเมื่อใกล้พบกับความตาย
บทที่ 55 ประนีประนอมเมื่อใกล้พบกับความตาย
บทที่ 55 ประนีประนอมเมื่อใกล้พบกับความตาย
แววตาที่เย็นชาของโจวอี้เป็นประกายลุกวาว
เขาโยนก้นบุหรี่ลงบนพื้น เหยียบมันด้วยนิ้วเท้า จากนั้นก็ยืนขึ้น โยนเก้าอี้ออกไปข้าง ๆ มองตรงไปที่เจี่ยงจื่อหาวและกล่าวว่า “คนที่สั่งให้ผมคุกเข่าลง ถ้าหากไม่ตายก็คงพิการไปแล้ว และผมไม่คิดว่าหลังจากที่ผมออกจากภูเขามาอยู่ในเมืองแล้วจะมีคนขอให้ผมคุกเข่าลง…อีกครั้ง!”
“ภูเขา? แกมาจากภูเขาเหรอ?! ฮ่าฮ่า…!!” เจี่ยงจื่อหาวหัวเราะเสียงดัง และสายตาของเขาเต็มไปด้วยการเหยียดหยามอย่างชัดเจน
“เขาเป็นแค่หมอ อย่าไปเสียเวลากับเขา หักขาเขาซะ!” จางเหล่ยโบกมือและหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาอีกครั้ง
ทันใดนั้น เหล่ากุ๊ยท่าทางโหดเหี้ยมสองคนก็รีบพุ่งไปหาโจวอี้
“ผมรู้อยู่แล้วว่ามันไม่ง่าย…” โจวอี้ส่ายหัว
เขาหลบแท่งเหล็กที่ชายสองคนทุบลงมาอย่างง่ายดาย และหมัดของเขาก็เร็วราวกับสายฟ้า มันพุ่งกระทบหน้าอกของชายสองคนนั้นทันที จนพวกเขากระเด็นออกไปสามสี่เมตร ชายหนุ่มทุบพวกเขาลงกับพื้นอย่างแรง
“เดี๋ยวก่อน!” โจวอี้หยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาแล้วพูดว่า “ผมจะโทรหาใครสักคนมาทำความสะอาดให้ ตกลงไหม?”
เขาถามเหมือนจะขออนุญาต แต่หมายเลขถูกโทรไปแล้ว
“ไอ้เด็กหัวขวด! พวกเราเคลียร์กันได้ ห่วงตัวเองดีกว่าโว้ย!” เจี่ยงจื่อหาวตะโกนด่า “พวกแกยืนบื้อทำเชี่ยอะไร?! ทำไมไม่หักแขนหักขามันล่ะ!”
เหล่าชายร่างกำยำที่มีแท่งเหล็กและมีดในมือได้พุ่งเข้าหาโจวอี้อย่างโกรธจัดทันทีที่พวกเขาได้ยินคำสั่ง
แววตาของโจวอี้เย็นชา เท้าของเขาพุ่งเข้าหาศัตรูหลายคนด้วยขาข้างเดียว
ชายหนุ่มมีความยืดหยุ่นและว่องไวอย่างมาก เขาหลบแท่งเหล็กและมีดที่ตวัดผ่านมา จากนั้นก็พุ่งออกไปด้วยหมัดเดียว
การโจมตีจากหมัดชนเนื้อนั้นรุนแรงอย่างมาก เสียงกระดูกหักดังขึ้นมาท่ามกลางต่อสู้ที่ดุเดือด
ภายในสิบวินาที คนสี่คนถูกทุบตี…
ภายในยี่สิบวินาที เจ็ดคนถูกทุบตี…
และไม่ถึงครึ่งนาทีต่อมา ศัตรูนับสิบที่พุ่งเข้ามาอย่างดุดันก็ล้มลงกับพื้นพากันร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด
ในขณะที่โจวอี้ไม่ได้ถูกแตะต้องแม้แต่ปลายเสื้อผ้า
เจี่ยงจื่อหาวและจางเหล่ยลุกขึ้นจากโซฟาอย่างตกตะลึง พวกเขามองมาด้วยความเหลือเชื่อและรู้สึกว่าหัวใจของพวกเขาเต้นเร็วกว่าปกติ
ผู้คนนับสิบซึ่งล้วนมีประสบการณ์การต่อสู้อย่างโชกโชน คนเหล่านั้นถูกล้มลงอย่างง่ายดายในเวลาอันสั้นเช่นนี้? แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญที่เกษียณแล้วของหน่วยรบพิเศษก็ยังยากที่จะบรรลุระดับนี้เลยนะ?
“เฮ้ย พูดสิ! เกิดอะไรขึ้นกับคุณ?” เสียงของหวงไห่เทาดังมาจากโทรศัพท์มือถือของชายหนุ่ม
“คุณยุ่งอยู่ไหม? คุณพอมีเวลามาช่วยผมแก้ปัญหาหน่อยไหม?” โจวอี้ยิ้มขณะมองไปที่เจี่ยงจื่อหาวและจางเหล่ยซึ่งยังคงยืนอยู่กับลูกน้องอีกสองคน
“ไม่ยุ่งเลย! น้องโจวมีปัญหาอะไรก็พูดมาได้!” เสียงหวงไห่เทาตอบกลับมา
“พาคนมาที่บาร์ซินเทียน ผมกำลังสอนบทเรียนให้ใครบางคนในนี้อยู่ มาช่วยผมทำความสะอาดหน่อยสิ และผมจะถือว่าเป็นหนี้คุณอีกครั้ง” โจวอี้ยิ้ม
“ได้เลย! รอเดี๋ยวนะ!”
โจวอี้ยิ้ม จริง ๆ ไม่ใช่เรื่องดีที่จะเป็นหนี้บุญคุณใคร แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายไปทั้งหมด
คุณเป็นหนี้บุญคุณฉัน และฉันเป็นหนี้บุญคุณคุณ
หวงไห่เทาเป็นวายร้ายท้องถิ่นในเมืองจินหลิง การมีความสัมพันธ์อันดีและใกล้ชิดกับเขาไม่ใช่เรื่องเสียหายมากนัก
ยิ่งไปกว่านั้น เขาต้องการใครสักคนที่จะจัดการกับผลที่ตามมาแบบนี้ได้ ไม่ต้องพูดถึงศัตรูที่ได้รับการสั่งสอนจากเขา มีเพียงพวกหยางจื่อต้งและชายสี่คนที่อยู่ในอาการโคม่าเท่านั้นที่ต้องการความช่วยเหลือเพื่อพาพวกเขาไปโรงพยาบาล
“แกเป็นใคร หมอคงไม่เก่งขนาดนี้หรอก” จางเหล่ยถามอย่างระมัดระวัง
“ดูเหมือนคุณจะเข้าใจหมอผิดนะ! ใครว่าหมอไม่มีฝีมือ?” โจวอี้เย้ยหยัน
“ฉันยอมรับก็ได้ว่าแกเก่งการต่อสู้ แต่แกคิดว่าจะออกไปได้อย่างปลอดภัยงั้นเหรอ?” จางเหล่ยเย้ยหยันอีกครั้งก่อนจะสั่งเสียงเหี้ยม “ไปฆ่ามันซะ!”
ชายสองคนมองหน้ากันก่อนจะเดินไปทางโจวอี้ทีละก้าว
พวกเขาไม่ได้ใช้อาวุธ แต่ฝ่ามือหนานั้นกำหมัด เล็งไปที่ศีรษะและหัวใจของโจวอี้
“ฮะ?”
โจวอี้พบว่าทักษะของชายสองคนนั้นดีกว่าทักษะของคนหลายสิบคนก่อนหน้านี้มาก พวกเขารวดเร็วอย่างมาก หมัดที่แผดเสียงคำรามพิสูจน์ให้เห็นว่าพวกมันทรงพลังยิ่งนัก
ในพริบตา โจวอี้ก็ยิงเข็มเงินสองเข็มออกไปจากนิ้วของเขา
ในขณะที่หมัดของชายทั้งสองสั่นไหว โจวอี้ก็ก้าวไปข้างหน้าในทันที เขาจับข้อมือข้างหนึ่งของอีกฝ่ายด้วยมือทรงพลังราวกับคีมคีบเหล็ก ขณะที่หมัดอีกข้างทุบแขนของอีกคนหนึ่ง
แกร็ก…!
กระดูกแขนของชายคนนั้นหัก และโจวอี้ก็ทุบเขาที่แก้มด้วยหลังมือ กระทั่งชายคนนั้นกระเด็นออกไปทางด้านหลัง
วินาทีถัดมา ชายอีกคนก็พุ่งโจมตีโจวอี้
ความเร็วของเขายอดเยี่ยม แต่ความเร็วของโจวอี้ก็เร็วขึ้นเช่นกัน แขนของเขาถูกยกขึ้นทันทีเพื่อสกัดกั้นขาที่เตะเข้ามา จากนั้นขาขวาของเขาก็เตะขึ้น
“อ๊า!…”
ชายคนนั้นกรีดร้องออกมา แต่สิ่งที่ทักทายเขากลับมานั้นเป็นเหมือนพายุ เพราะแรงต่อยมากกว่าสิบหมัดติดต่อกันทำให้กระดูกอกและแขนของเขาหักในทันที
โจวอี้เห็นว่าเจี่ยงจื่อหาวกำลังยกแขนขึ้น และปากกระบอกปืนสีดำก็เล็งมาที่เขาและเตรียมจะเหนี่ยวไกอย่างแรง
ต้องการที่จะฆ่าฉัน?
หัวใจของโจวอี้เต็มไปด้วยจิตสังหาร เข็มเงินสองเข็มพุ่งออกไปทันที และเร่งหลีกเลี่ยงกระสุนอย่างหวุดหวิด เข็มเงินสองเข็มยิงเข้าไปในจุดฝังเข็มหลายจุดบนร่างของเจี่ยงจื่อหาว
ร่างกายของเจี่ยงจื่อหาวค่อย ๆ แข็งตัว รูม่านตาของเขาหดตัวอย่างรุนแรง และแววตาของเขาแสดงเผยความตระหนก
“แก…!”
“เจ็บไหม? นี่แค่เริ่มต้น และจะเจ็บมากขึ้นเรื่อย ๆ บอกได้เลยว่าในชีวิตนี้คุณคงทำชั่วไม่ได้อีกแล้ว พูดตรง ๆ นอนเป็นผักเถอะ!” โจวอี้เย้ยหยัน
ตุบ…!
ปืนพกที่เจี่ยงจื่อหาวถืออยู่ตกลงมากระแทกพื้น
จางเหล่ยมองไปที่เจี่ยงจื่อหาวด้วยความสยดสยอง และแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่มีความสามารถ แต่การที่ล้มลงกับพื้นและกระตุกไม่หยุดแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าทุกข์ทรมานอย่างมาก
เกิดอะไรขึ้น?
มันเป็นเวทมนตร์เหรอ?
เขาทำมันได้ยังไง?
จางเหล่ยไม่เห็นเข็มเงินสองอันที่โจวอี้ยิงออกมา หัวใจของเขาตอนนี้จึงเย็นเฉียบราวกับถ้ำน้ำแข็ง
เขาเคยทำร้ายหรือฆ่าผู้คนอื่นมามาก แต่เขาไม่เคยเห็นวิธีการชั่วร้ายเช่นนี้มาก่อน วิธีการแบบนี้มันต่างอะไรกับการใช้เวทมนตร์ของพ่อมดล่ะ
หวังเจิ้งเหว่ยและหยางจื่อต้งเองก็ไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน
เกิดอะไรขึ้นกับโจวอี้?
วิธีนี้ชั่วร้ายเกินไปไหม?
ร่างกายของพวกเขาสั่นเล็กน้อย พวกเขามองหน้ากันและพบว่าแววตาของแต่ละคนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
โจวอี้มองไปที่จางเหล่ยซึ่งทรุดตัวลงบนโซฟา และจิตสังหารก็ปรากฏขึ้นในสายตาของเขาอีกครั้ง
“อย่าฆ่าฉันเลย! ฉันจะให้เงินแก!! และสัญญาว่าจะไม่สอบสวนเรื่องนี้และจะจัดการกับเรื่องนี้ให้ดี” จางเหล่ยร้องไห้ด้วยความกลัว
“มันน่าสนใจนะที่คุณพยายามจะประนีประนอมตอนที่ตัวเองใกล้ตาย” โจวอี้ซ่อนจิตสังหารไว้ก่อนจะถามต่ออีกว่า “คุณเป็นใคร แล้วผู้ชายที่ผมทำให้นอนเป็นผักนั่นใคร?”
“ลูกน้องของฉัน” จางเหล่ยรีบตอบ
“มั่นใจนะ?”
“…ใช่!” จางเหล่ยกัดฟันตอบ
“ดูเหมือนเขากำลังทุกข์ทรมาน คุณน่าจะทรมานเป็นเพื่อนเขานะ!”