หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า - บทที่ 56 ลืมมันไปซะ!
บทที่ 56 ลืมมันไปซะ!
บทที่ 56 ลืมมันไปซะ!
“อย่า…! ได้โปรดยกโทษให้ฉันด้วย! ฉันไม่กล้าที่จะยั่วยุนายอีกแล้ว! และฉันจะออกจากจินหลิงทันที! จะไม่ก้าวเข้ามาที่นี่อีก!!!”
จางเหล่ยตัวสั่นและอ้อนวอนขอความเมตตา “เชื่อฉันสิ!! ฉันไม่กล้าคิดแม้แต่จะแก้แค้นหรอกเพราะฉันไม่อยากตาย!!”
“จริงเหรอ?”
โจวอี้ถามอย่างเย้ยหยัน แต่แทนที่จะยิงเข็มเงิน เขากลับเดินไปหาชายคนหนึ่งที่หมอบอยู่บนพื้น ก่อนจะเหยียบหัวของอีกฝ่ายไว้แล้วถามว่า “คุณเป็นคนของเขารึเปล่า? บอกมาหน่อยซิ เขาเคยกลัวความตายแบบนี้มาก่อนไหม?”
“ฉันไม่กลัวแกหรอกโว้ย! ถ้ากล้าก็เข้ามาสิ!” ชายคนนั้นยังดิ้นรนและคำรามอย่างโกรธจัด
“ดูเหมือนว่าคุณกำลังบังคับให้ผมฆ่าคุณ เอาล่ะ ถ้าไม่จัดการต้นตอของปัญหา มันก็คงจะไม่จบสิ้นง่าย ๆ!”
“จู่ซือ แกหุบปากไปเลย! เขาทั้งทรงพลังและชั่วร้ายมาก แกกล้าดียังไงจะไปแก้แค้นเขา? จะยั่วยุเขาไปถึงไหน?! เอ็งอยากให้พวกเราตายกันให้หมดหรือไง?!!”
จางเหล่ยคำรามใส่ลูกน้องอย่างโกรธเคืองเพราะความโง่เง่าและไม่ประมาณตัวของอีกฝ่าย
กล้า?
จู่ซือที่ถูกโจวอี้เหยียบย่ำนั้นถึงกับนิ่งเงียบ
เขารู้ว่าตัวเองไม่กล้า
ชายหนุ่มคนนี้ไม่เพียงแต่มีพลังมหาศาลเท่านั้น แต่ยังดูลึกลับอีกด้วย อีกฝ่ายไม่เคยแม้แต่จะขมวดคิ้วตอนที่กำลังทุบตีทำร้ายผู้อื่น
ปรมาจารย์ที่โหดเหี้ยมและน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ ซ่อนตัวจากเขาให้ไกลที่สุดดีกว่า!
จางเหล่ยพูดอย่างเร่งรีบ ท่าทีดูสุภาพขึ้นทันใด “คุณโจว…คุณโจว อย่างที่คุณเห็น แม้แต่จู่ซือที่เที่ยงตรงที่สุดภายใต้คำสั่งของผมก็ยังไม่กล้าตอบโต้คุณ และผมเองก็จะไม่ตอบโต้ด้วย ได้โปรดไว้ชีวิตผมและพี่น้องเหล่านี้ด้วย ผมจะให้เงินคุณแล้วไปจากจินหลิงพร้อมกับครอบครัวของผมทันที!”
“พอแค่นั้นแหละ!”
โจวอี้นั่งลงบนโซฟาพร้อมจุดบุหรี่อีกครั้ง “คุณไม่จำเป็นต้องไปไหน ผมไม่ได้ต้องการเงินของคุณ ส่วนเรื่องความตายและการบาดเจ็บของคุณกับลูกน้อง ผมมีข้อแม้เพียงข้อเดียว คืนนี้ลืมทุกอย่างไปซะ ถ้าใครกล้าแพร่งพรายเรื่องนี้ก็อย่าหาว่าผมตามล่าฆ่าพวกคุณแล้วกัน”
“ผมไม่กล้า!! สิ่งที่เกิดขึ้นคืนนี้จะย่อยสลายลงในท้องของเราอย่างแน่นอนและไม่มีวันแพร่งพรายออกไปแน่!”
จางเหล่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“คุณชื่ออะไร?” โจวอี้ถามขณะนั่งไขว่ห้าง
“จางเหล่ย เรียกผมว่าเสี่ยวจางได้นะ”
“เสี่ยวจางคงดูไม่เหมาะ ผมเรียกคุณว่าเฒ่าจางดีกว่า!”
โจวอี้ยิ้มอย่างสุภาพแต่คำพูดกลับทำให้คนฟังถึงกับชะงัก
ชายหนุ่มมองดูผู้คนที่นอนกองอยู่บนพื้นพลางส่ายหัวแล้วพูดว่า “อนิจจา ทำไมเป็นเช่นนี้ สิ่งที่เราสามารถแก้ไขได้อย่างสันติแท้ ๆ แต่การนองเลือดแบบนี้…!”
“บทเรียนของคุณที่มอบให้พวกเรา พวกเราจะไม่ทำแบบนี้อีก” จางเหล่ยพูดด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว
เขาเสียใจมาก…
พูดได้เลยว่าเสียใจจนท้องไส้ปั่นป่วน
วันนี้เขาไม่เพียงแต่สูญเสียผู้ช่วยที่มีความสามารถเท่านั้น แต่ยังสูญเสียกลุ่มลูกน้องที่เชื่อถือได้อีกด้วย
ถ้าเขารู้ว่าชายหนุ่มที่ยิ้มแย้มตรงหน้าจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ แม้ว่าเขาจะได้รับความกล้าหาญสักร้อยครั้ง เขาก็จะไม่ปล่อยให้เรื่องเป็นไปเช่นนี้!
ครึ่งชั่วโมงต่อมา…
หวงไห่เทาก็เข้ามาพร้อมกับกลุ่มคนจำนวนหนึ่ง
เกิดอะไรขึ้น?!
เมื่อหวงไห่เทาเห็นภาพตรงหน้า เขาก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้เขาได้ยินเสียงการต่อสู้ดังมาจากปลายสายทาง แต่โจวอี้กลับดูผ่อนคลาย ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้รับความทุกข์ทรมานใด ๆ เลย
“หวง…เถ้าแก่หวงเหรอ?”
จางเหล่ยซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามกับโจวอี้ผุดตัวลุกด้วยความตกใจราวกับมีไฟจุดก้น แววตาของเขาเต็มไปด้วยความอัศจรรย์ใจ
เขารู้ว่าจะมีคนมาที่นี่เพราะโจวอี้ต่อสายหาใครบางคน แต่เขาไม่คิดเลยว่าจะเป็นหวงไห่เทา!
เขากับหวงไห่เทาอยู่กันคนละระดับ เรียกได้ว่าต่างกันราวสวรรค์กับนรก!
“จางเหล่ย?” หวงไห่เทาเลิกคิ้วด้วยความฉงน
“ผมเอง สวัสดีครับเถ้าแก่หวง” จางเหล่ยยิ้มและพยักหน้าอย่างนอบน้อม
หวงไห่เทายิ้มและมองไปที่ โจวอี้ก่อนจะพูดว่า “ผมอยากจะบอกเหลือเกินว่าคุณเป็นคนสร้างปัญหาเก่งมาก คุณมาที่จินหลิงไม่เท่าไหร่ก็วาดลวดลายไว้เยอะขนาดนี้ แล้วดูสถานการณ์ของคนเหล่านี้สิ! คุณเป็นคนที่ทุบตีพวกมันเหรอ?”
“ผมเคยล่าสัตว์บนภูเขามาก่อน ผมยังไม่ได้ลงมือถึงขั้นนั้นด้วยซ้ำ ไม่ได้ใช้กำลังเต็มที่เลยสักนิด แต่หนึ่งในนั้นถูกทำให้นอนเป็นผักโดยไม่ได้ตั้งใจ” โจวอี้ยักไหล่พลางหัวเราะแห้ง ๆ ก่อนจะชี้ไปที่จางเหล่ยแล้วพูดว่า “คุณส่งคนไปจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยในคืนนี้ และปิดข่าวด้วย ผมต้องการใช้ชีวิตอย่างสงบ…”
“…”
หวงไห่เทาขมวดคิ้ว แต่แล้วก็กลับมาผ่อนคลายอีกครั้ง
เขาชำเลืองมองจางเหล่ยอย่างเย็นชา “ไม่ต้องกังวล! ไม่มีใครกล้าท้าทายผมที่คุมเมืองจินหลิงแห่งนี้แน่”
“ใช่ ผมไม่กล้า” จางเหล่ยรีบขอโทษขอโพย
“ตามนั้น! เถ้าแก่หวง คุณเป็นมาเฟียที่เจ๋งมาก! คุณรีบช่วยพาเพื่อนของผมไปโรงพยาบาลที” โจวอี้ยิ้ม
“ได้!”
ในไม่ช้าพวกหยางจื่อต้งทั้งสามและเพื่อนทั้งสี่ที่หยางจื่อต้งพามาด้วยก็ถูกส่งตัวไปที่รถด้านนอก
โจวอี้ไม่ได้รีบออกไป
หลังจากที่ชายหนุ่มหยุดยิ้ม เขาก็หรี่ตาลงและพูดอย่างเย็นชาว่า “จำคำสัญญาของคุณไว้ ผมไม่อยากจะไล่ตามฆ่าคุณหรอกนะ! แต่ถ้ากล้าเล่นสกปรกกับผม… ก็อย่าหาว่าผมไม่เตือน!”
“ผมเข้าใจแล้วครับ” จางเหล่ยพูดอย่างเร่งรีบ
“งั้นก็โทรหาคนที่ไว้ใจได้แล้วส่งพวกเขาไปที่โรงพยาบาลแต่ละแห่งแยกกัน!” โจวอี้สั่งเขา
“ผมเข้าใจแล้ว มีโรงพยาบาลหลายแห่งในจินหลิง ดังนั้นมันจะไม่มีปัญหาใด ๆ เลย”
“อืม!”
จากนั้นโจวอี้ก็หันหลังและเดินจากไป
จางเหล่ยมองตามแผ่นหลังของโจวอี้ ในที่สุดหัวใจของเขาก็สงบลงและได้แต่ยกมือเช็ดเหงื่อเย็นออกจากหน้าผากอย่างขมขื่น
เขาไม่คิดเลยว่าจะเผลอไปเตะแผ่นเหล็กแบบนี้ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองดันไปยุ่งกับคนที่ไม่สมควรยุ่งเข้าให้!
ชายหนุ่มแซ่โจวไม่เพียงแต่ใช้ความรุนแรงและโหดเหี้ยม แต่ยังร้ายกาจอีกด้วย!
ถ้าอีกฝ่ายบอกว่ารู้จักหวงไห่เทาตั้งแต่แรก เขายังจะกล้าที่จะยั่วยุชายหนุ่มเพชฌฆาตหน้าซื่อคนนี้หรือ?!
ไม่เป็นไรแล้ว…
แต่เจี่ยงจื่อหาว ตอนนี้มือขวาของเขาผู้นี้ไม่ต่างจากผักเละ ๆ ไร้ชีวิต และคนสนิทของเขาหลายสิบคนยังได้รับบาดเจ็บสาหัส นี่เป็นความสูญเสียครั้งใหญ่
“คืนนี้เราต้องยอมรับความพ่ายแพ้ ผู้ชายคนนั้นโหดร้ายเกินไป และ หวงไห่เทาผู้นั้น…เราไม่สามารถตอบโต้หรือยั่วยุเขาได้ ส่วนจื่อห่าว…ฉันจะให้เงินจำนวนมากแก่ครอบครัวของเขาเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ต้องกังวลเรื่องความเป็นอยู่ในอนาคต”
จางเหล่ยส่ายหัวอย่างขมขื่น จากนั้นใบหน้าของเขาก็จริงจังขึ้นมา เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “ทุกคนลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้ แล้วถ้าใครหน้าไหนกล้าตายที่จะแพร่งพรายเหตุการณ์คืนนี้ออกไป ก็อย่าหาว่าฉันไม่เตือน!”
แม้ว่าจู่ซือจะไม่เต็มใจรับคำสั่งนี้ แต่เขาก็ทำได้เพียงแบกรับไว้
อันที่จริงเขายังกลัว
คนอื่น ๆ ที่ล้มลงไปพื้นถูกทุบตีอย่างเลือดเย็น ใครจะกล้าคิดที่จะแก้แค้นกัน?