หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า - บทที่ 58 ความคิดที่เปลี่ยนไปของเหลียนซาน
บทที่ 58 ความคิดที่เปลี่ยนไปของเหลียนซาน
บทที่ 58 ความคิดที่เปลี่ยนไปของเหลียนซาน
โจวอี้มาที่คลินิกและพบว่าเหลียนซานได้ทำความสะอาดและกำลังรอเขาอยู่
“อ้าวหมอเหลียน วันนี้มาเร็วจังครับ!” โจวอี้กล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง
“เป็นปกติน่ะ” แววตาของเหลียนซานเป็นประกายเมื่อเห็นโจวอี้ เธอเดินวนไปรอบ ๆ เขาและพูดอย่างมีความสุขว่า “หมอโจวคะ คุณอาจยังไม่รู้ ตอนนี้สาวโสดจำนวนมากในโรงพยาบาลเรากำลังขอข้อมูลติดต่อของคุณจากฉันด้วยล่ะ!”
“คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงน่ะ?” โจวอี้ถึงกับงุนงง
รอยยิ้มของเหลียนซานพลันสดใสยิ่งขึ้น เธอนำชาหอมที่ชงสดใหม่มาให้โจวอี้และกล่าวว่า “ข่าวเรื่องการรักษาอาการพลังงานหยินมากเกินไปของซีชิงอิ่ง รวมถึงการวินิจฉัยมะเร็งตับนั้นแพร่กระจายไปทั่วโรงพยาบาลเมื่อวานนี้ แล้วใครจะคิดว่าคุณจะยังผ่าตัดชายบาดเจ็บที่มีหลอดเลือดแดงขาดที่ขาและยังช่วยชีวิตเขาได้สำเร็จด้วย”
เหลียนซานยังคงอธิบายต่อไป
“…ดังนั้น กลุ่ม WeChat ของเพื่อนร่วมงานในแผนกผู้ป่วยนอกก็แทบระเบิดเลยค่ะ…”
“เมื่อเช้านี้ ข่าวยังแพร่กระจายไปถึงกลุ่มทั่วไปของโรงพยาบาลแล้วด้วย จากนั้นกลุ่ม WeChat ก็ยิ่งเดือดทันที ตอนนี้แพทย์จำนวนนับไม่ถ้วนต้องการมาดูหน้าคุณแล้ว!”
โจวอี้ส่ายหัวด้วยความหงุดหงิด
นี่คือโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิง เขาได้ตรวจสอบข้อมูลของโรงพยาบาลแห่งนี้แล้ว ดูเหมือนจะมีคนเก่งเรื่องยาหลายคนใช่ไหม? รักษาผู้ป่วยเคสหนัก ๆ มาไม่น้อย แต่เขารักษาผู้ป่วยเพียงไม่กี่ราย จำเป็นต้องเอะอะกันขนาดนี้เลยเหรอ?
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าเหลียนซานดูเหมือนจะกระตือรือร้นกับตัวเองมากกว่าเมื่อวาน
“หมอเหลียน คุณไม่รู้สึกเสียใจที่มาที่นี่เพื่อเป็นผู้ช่วยผมแล้วเหรอ?” โจวอี้ถามด้วยรอยยิ้ม
“ฉันจะรู้สึกเสียใจได้ยังไง ฉันรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ช่วยเหลือคุณต่างหาก!” เหลียนซานรีบปฏิเสธ
อันที่จริงช่วงสองวันนี้เธอรู้สึกเหมือนกำลังนั่งรถไฟเหาะ
ตอนแรกเธอถูกย้ายไปเป็นผู้ช่วยให้โจวอี้ ส่งผลให้เพื่อนร่วมงานหลายคนแอบหัวเราะเยาะเธอ และแม้แต่ศัตรูที่สาปส่งเธอก็ยังเยาะเย้ย ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกเสียใจอย่างมาก แต่หลังจากนั้นทัศนคติของเพื่อนร่วมงานก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง พวกคนเหล่านั้นพากันอิจฉาริษยาและเกลียดชังเธอซะอย่างนั้น
แล้วไง?
หัวเราะทีหลังดังกว่า!
เช้าวันนี้ เพื่อนร่วมงานในโรงพยาบาลที่คุ้นเคยหรือไม่คุ้นเคยจำนวนมากพากันแห่มาทักทายเธอ และบางคนถึงกับบอกว่าเธอช่างโชคดีเพียงใดที่ได้เป็นผู้ช่วยของโจวอี้
และอวี๋เสี่ยวเชี่ยน!
วันนี้เหลียนซานบังเอิญเจออีกฝ่าย ส่งผลให้เมื่อยัยนั่นเห็นเหลียนซาน หน้าของอีกฝ่ายแทบดูเหมือนบุพการีเสียชีวิตในวันนี้ และยังหันหลังกลับไปทันทีด้วยความรู้สึกอับอาย ราวกับกลัวว่าจะถูกจับได้และจะถูกเธอหัวเราะเยาะใส่ทีหลัง
เหลียนซานรู้สึกมีความสุขมากเมื่อนึกถึงแผ่นหลังของอวี๋เสี่ยวเชี่ยนที่วิ่งหนีเธอไปอย่างสับสนและดูขี้ขลาด
“ฟู่…!”
โจวอี้ยกมือขึ้นและชี้ไปที่เหลียนซาน “คุณ..คุณกำลังคิดอะไรอยู่ ถึงได้หัวเราะและทำหน้าแบบนี้?!”
“อ๊ะ! ฮ่า ๆ! ไม่มีอะไรค่ะ หมอโจว นี่คือชาที่ฉันทำให้คุณ คุณอยากลองไหม?” เหลียนซานแนะนำชาที่เธอชงให้
โจวอี้ลิ้มรสมันและรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ชานี้มีรสชาติเข้มข้น และยังมีกลิ่นหอมที่กลมกล่อมซึ่งคงอยู่รอบโคนลิ้นเป็นเวลานาน
“ชาอร่อยดี!” โจวอี้ยิ้ม
“ฉันได้รับชานี้มาจากคุณยายเมื่อคืนนี้ และนี่ก็เป็นสมบัติของเธอ…” เหลียนซานพูดไม่จบเพราะเห็นเฉินเจี้ยนหรงที่เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม
“รองผู้อำนวยการเฉิน มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ?” โจวอี้กล่าวทักทาย
“ไม่เป็นไร ผมรู้ว่าวันนี้คุณคงจะว่างก็เลยมาที่นี่ หัวหน้าโรงพยาบาลบอกคุณเกี่ยวกับการตัดสินใจของพวกเขาเมื่อคืนนี้แล้วรึยัง? มีความสงสัยหรือไม่พอใจตรงไหนไหม?”
“ไม่ครับ คุณเกรงใจผมมากไปแล้ว” โจวอี้ส่ายหัว
อันที่จริงเขามีความชัดเจนมากเกี่ยวกับงานของตัวเองอยู่แล้ว เขาสามารถวินิจฉัยอาการของผู้ป่วยได้ด้วยการ ‘ฟังและการสอบถาม’ เท่านั้น แต่แพทย์คนอื่น ๆ นั้นเมื่อทำการวินิจฉัย พวกเขามักจะขอให้ผู้ป่วยทดสอบด้วยเครื่องมือต่าง ๆ
ซึ่งเขาทำแบบนั้นไม่ได้
เพราะเขาไม่มีความรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ของโรงพยาบาล เหลียนชานจึงต้องมีหน้าที่คอยช่วยเหลือเขา
“ไม่มีข้อข้องใจก็ดีแล้ว หลังจากที่โรงพยาบาลของเราสื่อสารกับโรงพยาบาลอื่น ทั้งโรงพยาบาลอื่นในเมือง หรือแม้แต่โรงพยาบาลอื่นในจังหวัด พวกเขาก็ส่งผู้ป่วยเคสยาก ๆ มาให้เรา เกรงว่าคุณคงจะยุ่งในเวลานั้น” เฉินเจี้ยนหรงยิ้ม
“ผมจะช่วยรักษาให้เอง” โจวอี้สัญญา
“อืม ผมเชื่อ!”
เฉินเจี้ยนหรงมาหาโจวอี้เพื่อพูดคุยเล็กน้อยก่อนจะจากไปโดยไม่ลืมที่จะหันมามองเหลียนซานด้วยรอยยิ้ม
ถึงเวลาต้องทำงานแล้ว
แต่ตอนนี้โจวอี้กำลังว่างมาก
นานกว่า 1 ชั่วโมงแล้ว แต่ไม่เห็นมีคนไข้มาขอคำปรึกษาเลย
“หมอเหลียน มีคนไข้ที่ป่วยเป็นโรคต่าง ๆ และมาที่โรงพยาบาลของเรามากน้อยแค่ไหนกัน?” โจวอี้ถามด้วยความสงสัย
“มีคนไข้เยอะมาก เราเป็นโรงพยาบาลแพทย์แผนจีน อันที่จริง โรงพยาบาลของเราเป็นทางเลือกแรกสำหรับผู้ป่วยโรคต่าง ๆ ที่รักษาได้ยาก” เหลียนซานอธิบายต่อ “…อย่างไรก็ตาม ระดับการรักษาในปัจจุบันมีการพัฒนามากแล้ว โดยเฉพาะเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ห้องของเราจะไม่ได้มีผู้ป่วยเข้ามามากนัก หากมีเคสยาก ๆ พวกเขาถึงจะส่งมาให้เรา”
โจวอี้พยักหน้าและกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นใครบางคนก็ปรากฏตัวอยู่ที่ประตูห้อง
ซีชิงอิ่ง?
โจวอี้ดูงุนงงและประหลาดใจเล็กน้อย
วันนี้หญิงสาวแต่งตัวสวย ดูเหมือนว่าเธอจะแต่งหน้าบางเบาบนใบหน้าของนั้นด้วย จึงช่วยขับความงามให้ดูวิจิตรงดงามยิ่งขึ้น
โจวอี้เคยเห็นผู้หญิงสวยมามากมาย แม้ว่าพวกเธอส่วนใหญ่จะอยู่ในทีวี แต่เขากล้าสาบานต่อสวรรค์และปฐพีว่าในบรรดาผู้หญิงที่เขาเคยเห็น ไม่มีใครสวยไปกว่าซีชิงอิ่ง แม้แต่ถังหว่าน ถึงจะสวยแต่ยังด้อยกว่าซีชิงอิ่งเล็กน้อย และแม้แต่เสือตัวเมียก็ยังไม่สวยเท่าเธอเลย….
“ทำไมคุณถึงมาที่นี่อีกล่ะ ผมบอกไปว่าคุณควรมาที่นี่สัปดาห์ละครั้งไม่ใช่เหรอ?” โจวอี้ถาม
“ฉันแค่อยากมาเดินเล่น” ซีชิงอิ่งยิ้มอย่างอ่อนโยน
เธอกลัวว่าจะไม่ได้พบชายหนุ่มที่ช่วยชีวิตเธอไว้ และโอกาสที่จะได้พบเขานั้นไม่ต่างอะไรกับแสงวาบในกระทะที่สามารถหายวับไปได้อย่างกะทันหัน
เมื่อเห็นโจวอี้แล้ว เธอก็รู้สึกโล่งใจ
โจวอี้ไม่รู้ว่าซีชิงอิ่งกำลังคิดอะไรอยู่ เขาจึงส่ายหัวแล้วพูดว่า “โรงพยาบาลนี้ต่างจากโรงพยาบาลอื่นตรงไหนกัน คุณเดินเล่นรอบ ๆ ได้ แต่อย่าทำอะไรที่ส่งผลกระทบต่องานของผม”
“…”
ความไร้หนทางได้ผุดเพิ่มขึ้นในใจของหญิงสาว
โจวอี้ดูเหมือนจะไม่สนใจความงามของเธอเลย
ที่โรงน้ำชาตอนนั้นก็ด้วย!
ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่น ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีเวลาอยู่กับเธอเพิ่มขึ้นเล็กน้อย พวกเขาก็จะทำทุกอย่างเพื่ออยู่ใกล้เธอ แต่ตรงกันข้าม โจวอี้กลับตีตัวออกห่างจากเธอ
“ไม่มีผู้ป่วยอยู่ในห้องนี้เลยเหรอคะ?” ซีชิงอิ่งยังคงไม่ต้องการที่จะจากไปในทันที
“ผม…”
โจวอี้เปิดปากของเขาคล้ายกับจะเอ่ยบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ส่ายหัวและหยิบถ้วยชาขึ้นมาดื่ม
ก๊อก ก๊อก…
ประตูห้องปรึกษาถูกเคาะ และหมอวัยกลางคนในชุดขาวก็เดินเข้ามา พร้อมกับใครหลาย ๆ คนที่อยู่ข้างหลัง
“หมอโจว ผมไม่ได้รบกวนคุณใช่ไหม?” หมอวัยกลางคนถามขึ้น
“ไม่ครับ คุณ..?”
“ผมชื่อคังเฟิงจากแผนกผู้ป่วยนอก คนไข้ต้องการคำปรึกษาวินิจฉัยโรคจากคุณ คุณพอมีเวลาไหม?”
“เข้ามาเมื่อได้ทุกเมื่อครับ!” โจวอี้มองไปยังคนเหล่านั้น และพบว่ามีคู่สามีภรรยาวัยกลางคนเข้ามาพร้อมกับหญิงชราที่มีปากและดวงตาที่บิดเบี้ยว
“หมอคังวินิจฉัยคนไข้แล้วหรือยังครับ? สถานการณ์เป็นอย่างไร?” โจวอี้ถาม
“เธอเป็นโรคหลอดเลือดสมอง” คังเฟิงอธิบาย
“โรคหลอดเลือดสมองถือเป็นโรคที่ยากหรอกเหรอ?” โจวอี้ถึงกับตกตะลึง