หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า - บทที่ 61 เยี่ยมบ้านคนรวย
บทที่ 61 เยี่ยมบ้านคนรวย
บทที่ 61 เยี่ยมบ้านคนรวย
ภายในวอร์ด ทั้งสามครอบครัวอยู่ที่นั่นแล้ว พวกเขาตื่นเต้นมากกับการมาเยี่ยมเยียนของถังหว่าน
หลังจากขอบคุณดาราดังแล้ว พวกเขาก็พูดคุยกันครู่หนึ่ง จากนั้นถังหว่านก็พาซุนเหมิงออกไป โจวอี้เพียงส่งพวกเขาออกจากวอร์ด จากนั้นก็ไปที่วอร์ดถัดไป
มีชายสามคนอยู่ในวอร์ดนั้น…
พวกเขาถูกโกนหัวเพราะบาดแผล ชายหนุ่มมองเห็นผ้าพันแผลที่พันรอบศีรษะ ขา และแขนของพวกเขา
ร่างกายพวกเขาแข็งแรงดีแต่ตอนนี้ดูค่อนข้างเซื่องซึม โจวอี้รู้ตัวตนของพวกเขา พวกเขาทั้งหมดเป็นโค้ชของโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้
“รู้สึกยังไงบ้างพี่น้อง” โจวอี้ถามด้วยรอยยิ้ม
“คุณคือใคร?” ชายคนที่นอนตรงกลางถามขึ้น
“คนที่พาคุณกลับมาจากบาร์”
“คุณคือหมอโจว?” ชายคนนั้นถามด้วยความประหลาดใจ
“ดูเหมือนคุณจะรู้อยู่แล้ว” โจวอี้ยิ้มพลางโบกมือและพูดต่อ “พวกคุณไม่ได้บาดเจ็บสาหัส ถ้าออกจากโรงพยาบาลแล้วเดี๋ยวให้คุณหยางเชิญพวกคุณไปดื่มกัน”
“ไม่มีปัญหา ขอบคุณหมอโจวมาก ไม่งั้นเราคงจะต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้…”
“ขอบคุณ!”
ทั้งสามพากันกล่าวขอบคุณ
ช่วงบ่าย…
คลินิกที่ปรึกษาว่างมาก ไม่มีผู้ป่วยคนใดเข้ามารักษาจนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาสี่โมงเย็นแล้ว
“หมอโจว คุณต้องการเพิ่มกลุ่ม WeChat ของแพทย์ผู้ป่วยนอกของเราไหมคะ?” เหลียนซานถามขึ้นหลังจากที่เล่นโทรศัพท์มือถืออยู่พักหนึ่ง
“ดีครับ!” โจวอี้เห็นด้วย
เหลียนซานจึงเพิ่มไอดี WeChat ของโจวอี้เข้าไปในกลุ่ม
หลังจากเข้าร่วมกลุ่มแล้ว ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะทักทายใด ๆ เพียงแต่ส่งซองแดงใบใหญ่มูลค่าสองพันหยวนเข้าไปแทน
จากนั้นเขาก็พิมพ์ไปว่า ‘ผู้มาใหม่รายงานตัว ช่วยดูแลผมด้วย!’
จำนวนสมาชิกในกลุ่มมีน้อยกว่าร้อยคน และจำนวนคนกดซองแดงก็น้อยเช่นกัน
โจวอี้ตระหนักว่าทุกคนยังคงทำงานอยู่ และคาดว่าซองแดงที่เหลือคงจะมีคนมาแย่งกดกันหลังเลิกงานแน่นอน
หลังเลิกงาน…
โจวอี้รีบไปที่โรงเรียนอนุบาลนานาชาติเหิงปางซื่อ
หลังจากไปรับลูกสาวแล้ว เขาก็พาเธอไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้ ๆ เพื่อซื้อขนมหนึ่งกอง แล้วก็ส่งเธอกลับบ้านไปหาเหม่ยหลาน
จากนั้นเขาก็รีบไปที่บ้านของเฉิงฮ่าวตามที่อยู่ของหวงไห่เทา
เซียงจางวิลล่า…
ย่านวิลล่าชั้นนำในจินหลิงนั้นย่อมดีและหรูหรากว่าย่านช็องเซลิเซ่ ลานติง วิลล่า ที่โจวอี้อาศัยอยู่มาก
จากการแนะนำของคนขับรถแท็กซี่ โจวอี้จึงรู้ว่าคนที่สามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้ต้องมีฐานะทางการเงินที่ร่ำรวยมาก
“การใช้ชีวิตที่นี่หรูหรามาก ค่าทรัพย์สินและค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดอื่น ๆ มีค่าใช้จ่ายราว ๆ หลายแสนต่อปี”
โจวเงินล้านได้ฟังเช่นนั้นก็รู้สึกว่าเงินของเขาไม่เพียงพอขึ้นมาทันที
“แน่นอน วิลล่าที่ถูกที่สุดที่นี่มีราคาตั้งเก้าหลักแน่ะ รถแท็กซี่เข้าไปไม่ได้หรอก!”
คนขับอ้วนพูดอย่างอารมณ์เสีย “ถ้าแท็กซี่เข้าไปไม่ได้ ผมจะให้คุณลงที่ประตูแทนนะ!”
“ตกลง” โจวอี้พยักหน้า
หลังจากชำระค่าโดยสารแล้ว โจวอี้ก็ลงจากรถและเดินเข้าไปข้างใน
ทันใดนั้น เขาก็ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหยุดไว้ และจะให้เข้าไปด้านในก็ต่อเมื่อเขาได้รับอนุญาตจากคนข้างในเท่านั้น
“น้องโจว…” เฉิงฮ่าวขับรถกอล์ฟออกมาหยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มและส่งเสียงทักทาย
“คุณเฉิง ทำไมคุณถึงออกมาล่ะ” โจวอี้ถามยิ้ม ๆ
“ออกมารับคุณไง!” เฉิงฮ่าวหัวเราะ
ห้านาทีต่อมา โจวอี้ก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเฉิงฮ่าวถึงต้องขับรถออกมารับ
เพราะถ้าเขาเดิน เขาจะต้องเดินสองขาจากประตูพื้นที่วิลล่าไปยังประตูบ้านของเฉิงฮ่าวอย่างน้อยสิบนาที…
“สภาพแวดล้อมในพื้นที่วิลล่าของคุณดีมาก มีทั้งภูเขาและน้ำ ทั้งยังมีพืชสีเขียวมากมายในสภาพอากาศหนาวเย็นแบบนี้” โจวอี้ลงจากรถกอล์ฟและกล่าวด้วยความชื่นชม
“ชอบไหม คุณอยากย้ายมาอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนบ้านกับผมไหม?” เฉิงฮ่าวถามด้วยรอยยิ้ม
“ลืมมันไปเถอะ ผมคงต้องใช้เวลาขับรถมากกว่าหนึ่งชั่วโมงจากที่นี่ไปโรงเรียนลูกสาว” โจวอี้ส่ายหัวแล้วยื่นถุงที่อยู่ในมือของเขาให้อีกฝ่าย “นี่คือ ‘ยาต้มอี้เฉิน’ สองขวด ใช้สองสามหยดทุกเช้าและเย็น สองขวดนี้เพียงพอที่จะใช้ได้ถึงสองเดือน…”
“ขอบคุณ” ดวงตาของเฉิงฮ่าวเป็นประกาย
แม้ว่าเขาจะรักครอบครัวและรักภรรยา แต่เฉิงฮ่าวก็แอบไปหาเศษหาเลยนอกบ้านเล็กน้อย เมื่อเขาเจอสาวงาม ‘ส่วนนั้น’ ของเขาก็เริ่มทำงานติดขัด เขารู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถทำให้มันแข็งตัวได้…
หากผลประโยชน์จากพระเจ้านี้ได้ผล แสดงว่านี่คงจะเป็นข่าวดี!
หลังจากเข้าไปในลานบ้าน เฉิงฮ่าวก็พาโจวอี้เข้าไปในวิลล่าหรูหราที่มีพื้นที่หลายพันตารางเมตร จากนั้นจึงแนะนำอวี๋ซิน ภรรยาของเขาให้รู้จักกับโจวอี้
หลังจากสนุกสนานกันเล็กน้อย โจวอี้ได้ตรวจร่างกายของอวี๋ซินและพบว่ากระดูกของเธออ่อนแอ อีกทั้งไตของเธอก็มีปัญหาบางอย่าง เขาจึงเขียนใบสั่งยาให้หลังจากการฝังเข็ม และบอกให้อวี๋ซินดื่มยาจีนหลายสูตรตามที่เขาสั่ง
โจวอี้รับประทานอาหารเย็นพร้อมกับเฉิงฮ่าว จากนั้นพวกเขาก็เริ่มดื่มกัน
“น้องโจว มาคุยกันในห้องหนังสือของผมดีไหม?” เฉิงฮ่าววางจานลงแล้วถามด้วยรอยยิ้ม
“ไม่มีปัญหา!” โจวอี้คืดว่าอีกฝ่ายคงจะมีบางอย่างจะพูดกับเขา
ไม่นานพวกเขาก็มาที่ห้องหนังสือชั้นสอง
เฉิงฮ่าวขอให้โจวอี้นั่งลง จากนั้นก็ยื่นบุหรี่ให้ชายหนุ่มและถามว่า “น้องโจว ถ้าผมจำไม่ผิด คุณบอกว่าคุณเพิ่งลงมาจากเขาใช่ไหม?”
“ใช่!” โจวอี้พยักหน้า
“ภูเขาชางหลางใช่ไหม?”
“ใช่…”
“คุณเคยเจอโสมพันปีไหม? เท่าที่ผมรู้ ในส่วนลึกของภูเขาชางหลางก็คือภูเขาเมิ่งหลาน ที่นั่นโสมป่าดูเหมือนจะเติบโตอย่างดีเลย” เฉิงฮ่าวกล่าวเข้าประเด็น
“คุณรู้ได้ยังไง?” โจวอี้ถามด้วยความประหลาดใจ
มีโสมป่าอยู่ในเทือกเขาเมิ่งหลาน และจำนวนก็ยังค่อนข้างมากอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นักสะสมสมุนไพรจำนวนมากได้เข้าไปในภูเขาเมิ่งหลานเพื่อเก็บรวบรวมสมุนไพร จึงเป็นเรื่องยากที่จะเห็นโสมป่ารอบนอก
“ความจริงแล้ว ผมเคยไปที่ภูเขาชางหลางเมื่อสิบปีก่อน และตามนักสมุนไพรไปที่ภูเขาเมิ่งหลานด้วย แต่ตอนนั้นผมโชคไม่ดี ถึงแม้ว่าผมจะพบต้นโสมสองต้น แต่ต้นที่ดีที่สุดมีอายุเพียงหนึ่งร้อยปีเท่านั้น…”
เฉิงฮ่าวส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น
“คุณเคยไปที่นั่นไหม ทำไมผมไม่เคยเห็นคุณเลย” โจวอี้สงสัย
“ภูเขาชางหลางกว้างใหญ่มาก ไม่แปลกที่คุณจะไม่เห็นผม” เฉิงฮ่าวหัวเราะ
“ไม่นะ แต่ถ้าคุณไม่ได้มีวรยุทธ์ที่ดี คุณก็ต้องใช้สะพานของผมเพื่อเข้าสู่ภูเขาเมิ่งหลานเพื่อความปลอดภัย ทุกคนที่เข้าสู่ภูเขาเมิ่งหลานล้วนต้องการความช่วยเหลือจากผม เว้นแต่…”
“เว้นแต่อะไร?”
“เว้นแต่เพื่อนเก่าของผมจะรู้วิธีข้ามสะพานเคเบิล” โจวอี้กล่าว
“สะพานเคเบิลของคุณเหรอ?” เฉิงฮ่าวจำอะไรบางอย่างได้ในทันใดและพูดอย่างโง่เขลาว่า “เมื่อสิบปีก่อน ผมได้ยินมาว่าตาแก่ซุนเม่าไฉพูดถึงนายน้อยแห่งภูเขาชางหลาง และผมเห็นนายน้อยที่อายุเพียงสิบสี่ปีแบกร่างเสือดาวที่ตายแล้ว นั่นใช่คุณรึเปล่า?”
โจวอี้อดหัวเราะไม่ได้
“ช่างเป็นเรื่องบังเอิญ! ผมเกรงว่าผมจะเป็นคนเดียวที่สามารถยืนหยัดเพื่อตำแหน่ง ‘นายน้อย’ บนภูเขาชางหลางได้”
“แล้วมันก็ช่างเป็นเรื่องบังเอิญที่เราได้พบกันอีกในสิบปีต่อมา และได้มาเป็นเพื่อนกันในตอนนี้!” เฉิงฮ่าวหัวเราะเสียงดัง
“ว่าแต่พี่เฉิง พี่จะเอาโสมพันปีไปทำอะไร?” โจวอี้ถามด้วยความสงสัย