หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า - บทที่ 66 พาราไดซ์คลับ
บทที่ 66 พาราไดซ์คลับ
บทที่ 66 พาราไดซ์คลับ
โจวอี้ไม่ใช่คนใจแคบ เขาไม่ได้ทำหน้าที่ดูแลถังหว่าน และลูกสาวในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ดังนั้นแม้ว่าชายหนุ่มจะรู้สึกหดหู่ใจ แต่ก็ทำได้เพียงยอมรับเท่านั้น
เขาตัดสินใจจะหาโอกาสคุยกับถังหว่านหลังจากที่พ่อแม่ของเธอกลับไป
ในฐานะที่เป็นลูกเขย โจวอี้ควรหาเวลาไปเยี่ยมพ่อตาแม่ยายบ้าง แม้ว่าพ่อตาจะไม่พอใจการขาดความรับผิดชอบตลอดหลายปีที่ผ่านมาของเขา ชายหนุ่มก็ยอมรับการลงโทษ
“ลูกสาวตัวน้อย ร้องเพลงได้ พ่ออยากฟังจังเลย” โจวอี้วางโทรศัพท์มือถือของเขาและพูดด้วยรอยยิ้ม
“พ่อคะ คุณตากับคุณยายมาด้วยหรือเปล่า?” ถังเหมียวเหมี่ยวไม่ได้ร้องเพลงและดูเหมือนจะยิ่งไม่สบอารมณ์
“ใช่! เหมียวเหมี่ยวไม่ชอบตากับยายเหรอ?” โจวอี้ตระหนักถึงความผิดปกติของลูกสาว จึงถามด้วยความสงสัย
“หนูไม่ชอบ!”
“ทำไมล่ะ?” โจวอี้ไม่เข้าใจ
“เพราะพวกเขามักจะดุแม่จนร้องไห้หลายครั้ง!” ถังเหมียวเหมี่ยวพูดด้วยท่าทีหม่นหมอง
ผู้ฟังตกตะลึงและเงียบงันไป
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงลำบากใจของถังหว่าน
จู่ ๆ เธอก็ตั้งท้องและคลอดลูกขณะที่ยังเรียนหนังสืออยู่ ไม่ว่าผู้หญิงคนใดก็จะเจอกับแรงกดดันอย่างมาก ในฐานะพ่อแม่ของถังหว่าน พวกเขาคงโกรธและผิดหวังมากเป็นธรรมดา
‘ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ถังหว่าน …คงเจ็บปวดและกดดันยิ่งกว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีก’
‘ไม่น่าแปลกใจที่เธอยังไม่เต็มใจที่จะให้อภัย’
ชายหนุ่มเจ็บปวดจากก้นบึ้งของหัวใจ เขาใช้นิ้วเกาปลายจมูกลูกสาว และถามด้วยผ่านรอยยิ้มอบอุ่น “คุณตาคุณยายดุเหมียวเหมี่ยวหรือไม่?”
“ไม่ดุ!” เด็กหญิงส่ายหัว
“แล้วแม่ล่ะ… ดุลูกหรือเปล่า” โจวอี้ถามอีกครั้ง
“ถ้าเหมียวเหมี่ยวทำอะไรผิด แม่ถึงจะดุเหมียวเหมี่ยว” ถังเหมียวเหมี่ยวกล่าว
“ใช่ ที่คุณยายดุแม่ ก็เหมือนที่แม่ดุหนูนั่นแหละนะ อันที่จริง แม่ทุกคนที่ดุลูกก็เพราะพวกเธอกำลังสอนบางอย่าง” โจวอี้อธิบายอย่างอดทนเมื่อเห็นว่าลูกสาวขมวดคิ้ว เขาก็ยิ้มอย่างขมขื่น “แน่นอน การดุด่าคนอื่นมันผิด เดี๋ยวพ่อจะบอกแม่ว่า ทีหลังอย่าดุหนูอีก โอเคมั้ย”
“อื้ม!” ถังเหมียวเหมี่ยวพยักหน้าและจุมพิตแก้มของโจวอี้
เหม่ยหลานมาเร็วมาก
หลังจากให้ลูกสาวไปกับเธอแล้ว โจวอี้ก็เฝ้ามองไปแผ่นหลังของพวกเขาที่กำลังจนลับสายตา ความรู้สึกเศร้าอย่างไม่สามารถอธิบายได้ผุดขึ้นมาเต็มอก
ชายหนุ่มอยากอยู่กับลูกสาว แม้ว่าจะเต็มใจทำหน้าที่พ่อ แต่ก็ต้องห่างจากเด็กหญิงไปสองสามวัน
“ฉันหวังว่าคู่สามีภรรยาเฒ่าจะกลับไปเร็ว ๆนี้!”
โจวอี้เหม่อมองท้องฟ้าว่าว่างเปล่า และสงสัยว่าตนจะใช้เวลาสองสามวันที่ไหน
กลับบ้าน… ฉันไม่สามารถกลับไปได้ชั่วคราว
ท้ายที่สุด มันง่ายที่จะเผชิญหน้ากับแม่ของถังหว่านโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะเธอรู้จักเขา
ไปหาหวงไห่เทา?
โจวอี้คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ล้มเลิกความคิด
หวงไห่เทายุ่งกับงานของเขาและต้องการคลุกคลีกับผู้หญิง อย่าไปยุ่งกับคนอื่นจะดีกว่า นอกจากนี้ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่รบกวนจิตใจเขาเมื่อเร็ว ๆ นี้
ไปโรงแรม?
โจวอี้หยิบกระเป๋าเงินออกมาและตรวจสอบให้แน่ใจว่าตนเองมีบัตรประชาชนอยู่กับตัว
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ชายหนุ่มจะตัดสินใจ เขาพบบัตรในกระเป๋าเงินของเขา
พาราไดซ์คลับ?
บัตรวีไอพี?
โจวอี้คิดถึงหลี่หงอี้ที่พบกันบนถนนโบราณ
‘คลับส่วนตัวแบบนี้มักจะอยู่ในอันดับที่สูงมากในละครทีวี ทำไมไม่ลองไปเที่ยวที่นั่นสักสองสามวันล่ะ? ยังไงก็เถอะ ฉันก็คงได้เรียนรู้อะไรเยอะแยะ’ โจวอี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและตัดสินใจในทันที
ในตอนเย็น พาราไดซ์คลับมีชีวิตชีวามาก
แม้ว่าราคาจะสูงลิ่วและมีจำนวนสมาชิกน้อย แต่แขกทุกคนก็จะพาเพื่อนสามหรือห้าคนมาที่นี่ อีกทั้งในคลับมีพนักงานจำนวนมาก เช่น พนักงานเสิร์ฟ พนักงานทำความสะอาด นักแสดง และโสเภณี ที่นี่จึงเนืองแน่นไปด้วยผู้คน
หลี่หงอี้มีธุรกิจอื่น ๆ แต่เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ที่นี่เมื่อมีเวลาว่าง เพราะนี่คือที่ที่ดีที่สุดสำหรับเขาในการขยายช่องทางทางธุรกิจ
“ผู้จัดการเฉาสนใจกับห้องโถงกระจกมาก ดูเหมือนว่าเพื่อนที่บอสหูพามานั้นดูจะไม่ธรรมดาเลย คุณควรแจ้งพนักงานเสิร์ฟที่นั่นให้ระมัดระวัง ไม่สร้างปัญหานะ” หลี่หงอี้แนะนำอยู่ในสำนักงาน
“คุณหลี่ คุณวางใจได้เลย ผมจะจัดการให้เอง!” เฉาชางชุนกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“เอาล่ะออกไปได้แล้ว!” หลี่หงอี้กล่าว
หลังจากเหลือตัวคนเดียวภายในห้อง ชายวัยกลางคนก็ลุกขึ้นมาที่หน้าต่าง สายตาทอดไปในมหานครที่เต็มไปด้วยแสงไฟหลากสีสัน แต่เขาไม่ได้ปรารถนาจะชื่นชมทิวทัศน์ยามค่ำคืน
หลี่หงอี้มีบางอย่างในใจ
กล่าวอีกนัยหนึ่ง… คือมีปัญหาที่ยากไม่สามารถแก้ไขได้
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น อยากน้อยเขาก็คงสูญเสียเงินและอย่างมากก็อาจมีอันตรายถึงชีวิต
“กริ้๊ง…”
หลี่หงอี้หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดูหมายเลขที่แสดง ก่อนจะกดรับอย่างรวดเร็ว และถามว่า “เกิดอะไรขึ้น มีใครมาถึงหรือยัง”
“เรากำลังเดินทางครับ”
“พาพวกเขาไปที่วิลล่าที่ฉันจัดไว้ก่อนหน้านี้ และจำไว้ว่า…. ไม่ว่าพวกเขาจะขออะไร พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อตอบสนองความต้องการของพวกเขา”
“เข้าใจแล้ว!”
โจวอี้นั่งบนม้านั่งใต้ต้นวิลโลว์ริมทะเลสาบเทียมของพาราไดซ์คลับ พร้อมคีบบุหรี่ไว้ในปาก และเพลิดเพลินกับเงาสะท้อนของอาคารสูงในทะเลสาบอย่างเงียบงัน
ในอีกด้านหนึ่ง
ผู้หญิงในชุดกี่เพ้าตัวสั่นเทาด้วยความหนาวเหน็บ กำลังมองไปที่ใบหน้าด้านข้างของโจวอี้อย่างหมดหนทาง
เธอชื่อหลินเว่ย เป็นพนักงานของคลับที่รับผิดชอบในการรับแขก แต่หลังจากรับหน้าที่ดูแลชายหนุ่มที่ตรงหน้าแล้ว อีกฝ่ายกลับไม่ไปพักผ่อนในสถานบันเทิงทางฝั่งตะวันตกหรือไปยังที่พักทางฝั่งตะวันออก เขากลับเดินไปรอบ ๆ คฤหาสน์แล้วนั่งลงบนม้านั่งริมทะเลสาบแทน
พิลึกคน!
ไม่รู้วิธีที่จะอ่อนโยนกับผู้หญิงหรือไง!
หลินเว่ยบ่นในใจ แต่โจวอี้ก็ไม่ได้ขอให้หญิงสาวตามมาเช่นกัน ถึงกระนั้นเธอก็ไม่กล้ากลับออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงต้องทนความหนาวอยู่ที่นี่
“เอาล่ะ!”
โจวอี้ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนและหันไปมองหลินเว่ย ความขุ่นมัวในแววตาของเขาจางหายไป
“หนาวไหม?” โจวอี้ถามด้วยรอยยิ้ม
“นิดหน่อยค่ะ” หลินเว่ยยิ้มพลางสาปแช่งอีกฝ่ายในใจ
“ผมก็หนาวพอ ๆ กับคุณ” โจวอี้เม้มริมฝีปากของเขา พลางโยนก้นบุหรี่ทิ้ง แล้วถามด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “หลินเจียรุ่ย… เขายังใช้ขาของตัวเองเดินเองได้อยู่ไหม?”
หลินเว่ยตกตะลึง
น้องชายของเธอชื่อ หลินเจียรุ่ยแต่แขกรู้ได้อย่างไร?
“รู้จักน้องฉันด้วยเหรอ” หลินเว่ยถามด้วยความสงสัย
“แล้วคุณไม่รู้จักผมเหรอ” โจวอี้ส่ายหัวและพูดว่า “คิดถึงขาน้องชายของคุณ บางทีคุณอาจจำผมได้”
‘ขา? อะไร?’
‘เกิดอะไรขึ้นกับขาของน้องชายฉัน?’
‘เขามีความสุขมากทุกวัน และขาของเขาก็อยู่ดี’
‘เดี๋ยว!’
หลินเว่ยจ้องไปที่ใบหน้าของโจวอี้ จากนั้นจึงก้าวถอยหลังและร้องออกมาโดยไม่รู้ตัว “คุณเป็นเด็กป่า… ไม่สิ คุณคือโจวอี้?”
“จำผมได้แล้วสินะ?” โจวอี้หัวเราะเสียงดัง
หลินเว่ยจ้องที่โจวอี้ด้วยสีหน้าไม่สู้ดี ดวงตาคู่นั้นยังคงฉายแววความตื่นตกใจ
เมื่อสิบสองปีก่อน โจวอี้ทำขาน้องชายของเธอหักในหมู่บ้านโจวเมียวของภูเขา ชางหลาง หญิงสาวจึงแอบตามโจวอี้ออกไปเพื่อล้างแค้น และทุบตีเขาในป่าลึก อีกทั้งยังบังคับให้ชายหนุ่มถอดเสื้อแจ็กเก็ตบุนวมที่ทำจากผ้าฝ้าย จนทำให้เขาตัวแข็งท่ามกลางลมหนาวเป็นเวลาหลายชั่วโมง
หลินเว่ยจำได้ว่าทุบตีไอ้สารเลวคนนี้อย่างรุนแรง แต่เขาก็ยังตะโกนว่า เขาจะหักขาสองข้างของน้องชายเธออีกครั้งหากได้เจอกันอีก
หลินเว่ยรู้ว่าไอ้สารเลวนั้นรับมือได้ยาก และตัวเองก็ไม่ใช่คนใจดีอะไร ดังนั้นเธอทิ้งเขาไว้ทั้งแบบนั้นและแอบออกจากหมู่บ้านโจวเมียวกับน้องชายในชั่วข้ามคืน เป็นเวลากว่าสิบสองปีแล้ว แต่… หลินเว่ยไม่คาดคิดว่าจะได้พบโจวอี้ที่นี่อีก!?!