หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า - บทที่ 67 คุณเป็นอะไรไป
บทที่ 67 คุณเป็นอะไรไป
บทที่ 67 คุณเป็นอะไรไป
“โจวอี้ ทำไมคุณถึงยังตามหลอกหลอนเราอยู่อีก เราซ่อนตัวจากคุณมา 12 ปีแล้ว คุณจำเหตุการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ นั้นก่อนหน้านี้ไม่ได้หรือ ฉันขอเตือนคุณไว้ก่อนเลยนะ คุณไม่สามารถเอาชนะฉันได้หรอก?! หากคุณกล้ารังแกน้องชายของฉันอีกครั้ง ฉันจะไม่ไว้ชีวิตคุณแน่!” หลินเวยพูดอย่างโกรธเคือง
“ตอนนั้นผมอายุแค่ 12 ปี ย่อมเป็นเรื่องปกติที่ผมไม่สามารถเอาชนะคุณได้ แต่ตอนนี้ผมอายุ 24 ปีแล้ว คิดว่าผมจะเอาชนะคุณไม่ได้เหรอ?” โจวอี้ถามเคล้ารอยยิ้ม
“ฉัน…ฉันไม่ได้ฝึกฝนเลยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา” หลินเวยรู้สึกประหม่าเมื่อพูดออกมา
“ก็ได้ ๆ เรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้ง ถ้าไม่ได้เจอคุณที่นี่วันนี้ ผมก็คงจะลืมมันไปแล้ว ปล่อยให้คุณอยู่อย่างสงบสุขสักพัก แล้วเราจะได้จัดการกับความแค้นครั้งก่อนของเรา” โจวอี้ ส่ายหัวและหัวเราะ
“หึ ใครจะสนล่ะ” หลินเวยมุ่ยปาก
“ตกลง ๆ คุณไม่สนใจ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าในไม่กี่ปีที่ผ่านมาอาจารย์สาปแช่งใครมากที่สุด?” โจวอี้หัวเราะร่า
“ด่าฉัน?” หลินเว่ยรู้สึกประหม่าอีกครั้ง
“ผิด! ด่าผมต่างหากเล่า แล้วคนถัดไปก็คือคุณ” โจวอี้หัวเราะเสียงดัง
“ไอ้งั่ง!” หลินเวยยกเท้าขึ้นและเตะเข้าที่น่องของโจวอี้ จากนั้นเธอก็พูดอย่างเศร้าสร้อย “ความจริงแล้วเรามีความคิดที่จะออกจากหมู่บ้านโจวเมี่ยวมานานแล้ว แต่ฉันไม่รู้ว่าจะบอกอาจารย์กับลุงรองยังไงดี ฉันจึงฉวยโอกาสตอนที่น้องชายฉันถูกคุณรังแกแอบหนีออกมา ฉันรู้ว่าทั้งลุงรองและอาจารย์จะโกรธมาก…”
“ช่างมันเถอะ! ลุงรองของคุณตัดภาระไปสองคน เขาคนเดียวกินอย่างเพียงพอและไม่ต้องอดอยาก ไม่รู้ว่าเขามีความสุขแค่ไหนในภายหลัง!” โจวอี้กลอกตาและถามว่า “แต่นี่มันเป็นอะไรของคุณ คุณฝึกศิลปะการต่อสู้กับอาจารย์ของเรามากว่าสิบปี ทำไมถึงมาอยู่ในฐานะพนักงานเสิร์ฟของที่นี่ได้?”
“นั่นมันพนักงานต้อนรับ” หลินเว่ยตอบตามความจริง
“พนักงานต้อนรับดีกว่าพนักงานเสิร์ฟต่างกันตรงไหน?” โจวอี้ถาม
“…” หลินเหว่ยก็พูดไม่ออก
“ลืมมันไปเสียเถอะ พวกเราอย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย ไปกันเถอะ! ไปดื่มกับผมสักแก้วสองแก้ว ถ้าขืนยังอยู่ที่นี่ต่อ ผมเกรงว่าคุณจะหนาวจนตัวแข็งเป็นนกกระทา” โจวอี้วางมือบนไหล่ของหลินเวย
“คุณสินกกระทา! คุณเป็นผุ้ชาย คุณสามารถวางไข่ได้” หลินเว่ยโต้กลับอย่างไม่ยอมแพ้ พลางปัดมือโจวอี้ออกจากไหล่
แม้ว่าเธอจะโกรธโจวอี้ที่ไม่รู้ว่าตนเองมีความสำคัญแค่ไหน แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขามีความสัมพันธ์แบบอาจารย์ ศิษยพี่ และศิษย์น้อง ดังนั้นความตื่นตระหนกเมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้งก็เพียงเพราะตัวตนของพวกเขาที่นี่และบุคลิกของโจวอี้
ในเวลานี้ เธอรู้สึกเป็นมิตรกับโจวอี้เล็กน้อย
ระหว่างทาง
พนักงานหลายคนพบว่าหลินเวยสนิทสนมกับแขกหนุ่มและหน้าหล่อเหลา ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกดูถูกเหยียดหยาม
ที่จริงแล้วผู้หญิงที่ทำงานที่นี่ใครเล่าจะไม่อยากพบเศรษฐีหนุ่มหน้าตาดีหรอก ทุกคนต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อสานฝันการเป็นหญิงสาวผู้มั่งคั่ง?
แต่หลินเวยไม่ได้เป็นเช่นนั้น
แม้ว่าปกติเธอจะปฏิบัติกับแขกด้วยความสุภาพ แต่เธอก็ไม่เคยต้องการสนิทสนมกับผู้ชายคนไหนมากจนเกินไป
“ที่แท้หล่อนก็แสร้งทำเป็นไร้เดียงสามาตลอด ตอนนี้เมื่อมีโอกาส ทำไมถึงจะไม่หาชายหนุ่มรูปงามที่ร่ำรวยและมีอำนาจล่ะ?”
“ปรากฎว่าก็แค่แสร้งทำเป็นบริสุทธิ์ผุดผ่อง ทักษะการแสดงยอดเยี่ยมไปเลย”
“ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะเป็นผู้หญิงแบบนี้ ต่อไปเธอคงจะทำไมงานต้อนรับอีกต่อไป เธอกำลังจะไปกับชายหนุ่มคนนั้น”
“ไร้ยางอาย”
“น่าผิดหวัง”
ในอดีต เพื่อนร่วมงานที่สนิทสนมกับหลินเวยเกิดความอิจฉาและไม่พอใจ เสียงซุบซิบนินทาของพวกเขาล้วนเต็มไปด้วยความริษยา
โจวอี้และหลินเวยไม่รู้ว่าคนอื่นคิดอย่างไร เมื่อพวกเขามาถึงพื้นที่พักผ่อนและความบันเทิงทางฝั่งตะวันตก ทั้งสองก็เข้าไปในห้องโถงบนชั้นสอง หลินเวยจึงเอ่ยถาม
“ฉันลืมถามไปเลยว่าทำไมคุณถึงมาที่จินหลิง คุณมาที่นี่คนเดียวงั้นเหรอ?”
“ผมมาที่นี่เพื่อตั้งรกราก และที่ผมมาที่นี่ในคืนนี้เพราะไม่มีอะไรทำ” โจวอี้ยิ้ม
“ตั้งรกราก? แล้วอาจารย์…”
“เธอก็ควรจะไปเหมือนกัน แต่ผมไม่รู้ว่าไปที่ไหน” โจวอี้ยักไหล่กล่าว
“แล้วคุณเข้ามาได้ยังไง พาราไดซ์คลับเป็นระบบสมาชิก คนธรรมดาไม่สามารถเข้ามาได้หากไม่มีบัตรสมาชิก” หลินเวยกล่าวด้วยความสงสัย
“ครั้งหนึ่งผมเคยพบหลี่หงอี้ เขาให้บัตรวีไอพีไว้ให้ผมตอนนั้น” โจวอี้อธิบายด้วยรอยยิ้มว่า “ดื่มไวน์หน่อยเถอะ! ในสภาพอากาศหนาวเย็น ต้องดื่มเครื่องดื่มอุ่น ๆ”
“ฉันต้องทำงาน ไม่สามารถดื่มได้” หลินเวยส่ายหัวและถามอีกครั้ง “คุณมาที่จินหลิงเพื่อตั้งรกราก แล้วตอนนี้อาศัยอยู่ที่ไหน หางานได้หรือยัง? ไม่อย่างนั้น คุณกลับไปฉัน แล้วพักอยู่ที่นั้นสักระยะ ฉันยังมีห้องว่างอยู่ แต่จะแกล้งน้องชายฉันไม่ได้แล้วนะ”
“ไม่เป็นไร ผมเกรงว่าจะอดไม่ได้คันไม้คันมือทุบตีเขา” โจวอี้รู้สึกอบอุ่น หากแต่ปฏิเสธไปโดยตรง
“ทำไมล่ะ?”
“น้องชายของคุณใจร้ายมาก ตอนผมหลับเขาแอบผูกประทัดไว้ด้านหลังบั้นท้ายของผม คุณรู้ไหมว่าการถูกระเบิดตูดเป็นอย่างไร?” โจวอี้พูดอย่างโกรธเคือง
“ปัง…ฮ่า ๆๆๆ!” หลินเวยหัวเราะลั่น
“เอาล่ะ หยุดหัวเราะได้แล้ว” โจวอี้พูดอย่างขมขื่นว่าเขาเสียเปรียบมามากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่เขาถูกระเบิดครั้งใหญ่ในครั้งนั้นซึ่งเกือบจะทิ้งเงาไว้ในใจของเขา
หลินเวยหยุดหัวเราะราวกับคิดเรื่องที่ทำให้ไม่มีความสุข แต่พูดอย่างช่วยไม่ได้ “น้องชายของฉันอย่ามองว่าปกติแล้วเป็นคนฉลาด แต่บางครั้งเขาก็โง่พอที่จะทำให้คนปวดหัว เหตุผลที่ฉันมาทำงานที่นี่ก็เพราะเงินเดือนที่นี่สูงและรายได้ดี ฉันไม่จำเป็นต้องกลับบ้านไปหาเขาทุกวัน”
“เขาสร้างปัญหาเหรอ?” โจวอี้สงสัย
“อย่าพูดถึงมันเลย ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรหรอก” หลินเวยส่ายหัวและเดินออกไปข้างนอก “ฉันจะเตรียมอาหารและไวน์ให้ คุณกินและดื่มจนพอใจแล้วก็กลับไปซะ! ที่นี่…”
เธอไม่ได้พูดต่อ…
เธอทำงานที่นี่มามากกว่าครึ่งปีแล้ว เธอได้เห็นความฟุ่มเฟือยของเงิน ความต้องการทางวัตถุที่หลั่งไหลเข้ามา และความสัมพันธ์ที่เลวร้ายระหว่างชายและหญิง
ก่อนหน้านี้ เถ้าแก่ใหญ่เหล่านั้นเป็นสิ่งที่เธอยกย่องและเคารพ
แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าคนใหญ่คนโตไม่ใช่คนดีเสมอไป!
ห้องโถงถัดไป
เฉิงฮ่าวหน้าแดงก่ำด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์กำลังโอบกอดหญิงสาว รอบตัวเขาหลายล้อมไปด้วยหญิงสาวหน้าตาดีจำนวนมาก
ขณะที่ประตูห้องโถงถูกผลักเปิด ชายวัยกลางคนสองคนเข้ามาจากด้านนอก พวกเขาส่ายหัวเมื่อเห็นเหตุการณ์ในห้องโถง
คนหนึ่งพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พี่เฉิง วันก่อนคุณไม่ได้บอกว่าร่างกายคุณอ่อนแอหรือ ทำไมคืนนี้ถึงออกมาเที่ยวเล่นกับสาว ๆ ได้เล่า”
เฉิงฮ่าวผลักหญิงสาวสองคนในอ้อมแขนออกไป จากนั้นลุกขึ้นยืนและคลี่ยิ้ม “ต้องขอบคุณหวงไห่เทา ที่ช่วงนี้ผลิตยาสูตรลับ มันไม่ใช่ยาเม็ดสีฟ้าแบบนั้น มันแค่เป็นวิธีที่สนุกในการเติมพลังปราณและบำรุงไต ตอนนี้ร่างกายของฉันกลับมาแข็งแรงราวเหมือนเด็กอายุสิบแปดอีดครั้ง!”
“จริงเหรอ?”
ชายวัยกลางคนสองคนตกตะลึง
เฉิงฮ่าวปรบมือและตะโกนว่า “สาว ๆ ออกไปก่อน เดี๋ยวผมค่อยเรียกพวกคุณกลับมาอีกที”
ทันใดนั้น กลุ่มของหญิงสาวก็ลุกขึ้นและจากไป
เมื่อประตูห้องโถงถูกปิดจากด้านในโดยเฉิงฮ่าว เมื่อเขาหันหลังกลับ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาพลันหายไป และถามกลับว่า “ได้ข่าวไหม?”
“ฉันได้ยินมาว่าพวกทางตะวันตกเฉียงเหนือไม่ใช่คนดี” หนึ่งในนั้นพยักหน้าอย่างหนัก
“จะแก้ไขยังไงดี?” เฉิงฮ่าวถาม
“เราจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร? เราจะใช้มาตรการตามสถานการณ์จริง หากพวกมันรุกล้ำเกินไป เราจะปล่อยให้พวกมันหลั่งเลือดในดินแดนของเรา” อีกคนบ่นอย่างเย็นชา