หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า - บทที่ 70 ยังเกลียดฉันอยู่เหรอ
บทที่ 70 ยังเกลียดฉันอยู่เหรอ?
บทที่ 70 ยังเกลียดฉันอยู่เหรอ?
โจวอี้หันไปหาเถี่ยหยางอย่างรวดเร็ว มือใหญ่ของเขาราวกับคีมเหล็กคู่หนึ่ง ชายหนุ่มคว้าคอหลังของอีกฝ่ายในทันที ส่วนอีกมือผลักเกาจ้านเหวินที่พยายามหยุดเขาออก จากนั้นเขาก็ทุบเถี่ยหยาง
พลั่ก!
ร่างเถี่ยหยางกระแทกลงบนโต๊ะยาว ทำเอาขวดไวน์และผลไม้หล่นกระจายลงบนพื้น
โจวอี้ปรี่เข้าไปพลางยกเท้าขึ้นเหยียบแขนอีกข้างของเถี่ยหยาง
กร๊อบ!
เสียงกระดูกหักดังชัดเจน
โจวอี้เตะเถี่ยหยางที่ท้องอีกครั้งแล้วถีบไปชนมุม
“ทำเกินไปแล้ว ” เกาจ้านเหวินไม่กล้าทำอะไร ได้แต่ตะโกนด้วยความโกรธ
โจวอี้ชำเลืองมองมาอย่างเย็นชา ก่อนจะย่างเท้าไปยังเถี่ยหยางที่กำลังกระเสือกกระสน เขาย่อตัวลง ถามขึ้นว่า “นายรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงต้องทำแบบนี้”
“ทำไม…?” เถี่ยหยางถามด้วยความเจ็บปวด
“เพราะดวงตาที่อาฆาตของนายตอนมองฉัน” โจวอี้เงื้อมือขึ้น ตบลงที่แก้มของเขาดังผวัะแล้วเยาะเย้ย “อาจารย์ของฉันเคยบอกว่า ฆ่างูต้องตีให้ตาย ถ้าปล่อยไว้ คราวหน้าจะมีปัญหาไม่จบไม่สิ้น”
จากนั้นเขาก็เหยียดกายขึ้นเต็มความสูง ถามอีกครั้งว่า “นายเกลียดฉันไหม”
เถี่ยหยางเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “เกลียด!”
แกร๊ก!
โจวอี้ยกขาของเขาขึ้น หมายจะหักกระดูกขาขวาของเถี่ยหยาง ชายหนุ่มถามย้ำอีกครั้ง “ตอนนี้ล่ะ ยังเกลียดฉันอยู่ไหม”
“ไอ้เวร ฆ่าฉันเลยสิวะ” เถี่ยหยางเงยหน้าขึ้น คำรามด้วยความโกรธ
แกร๊ก!
โจวอี้หักกระดูกขาซ้ายของเถี่ยหยาง จากนั้นก็ตวัดกล่องบุหรี่ขึ้น หยิบบุหรี่สามมวนออกมา
เท่านั้นยังไม่พอ เขาวางขวดไวน์ลงหน้าเถี่ยหยาง ถามใหม่ว่า “ตอนนี้นายยังเกลียดฉันอยู่หรือเปล่า”
บุหรี่สามมวน?
ไวน์หนึ่งขวด?
เถี่ยหยางชักจะกลัว ความเกลียดชังในดวงตาของเขาถูกแทนที่ด้วยความกลัวไปแล้ว
เขาคิดว่าตนเป็นคนโหดเหี้ยม ไม่กล้าตาย แต่ความจริงก็แค่ไม่เคยเผชิญกับความตายอย่างใกล้ชิดมาก่อน
ในเวลานี้ เขาตระหนักได้อย่างชัดเจนว่าหากตอบประโยคถัดไปไม่ถูกต้อง อีกฝ่ายจะไม่ใช่แค่หักแขนขาของเขาแล้ว แต่อาจจะถึงขั้นฆ่า
“ฉันไม่เกลียดแล้ว” เถี่ยหยางเอ่ยเสียงสั่นเครือ
“น่าเสียดาย…”
โจวอี้ดูผิดหวัง เขาเหยียบบุหรี่ทั้งสามมวน กระดกไวน์ลงคอแล้วโบกมือให้เกาจ้านเหวิน
การแสดงออกของเกาจ้านเหวินนั้นเต็มไปด้วยความซับซ้อน หัวใจประดังประเดด้วยความรู้สึกหลากหลาย
ขนาดเห็นเถี่ยหยางยอมแพ้ก็ยังไม่รู้สึกรังเกียจอะไร
เพราะเขารู้ว่าหากเกิดอะไรขึ้นกับเขา เขาก็คงยอมแพ้เช่นเดียวกับเถี่ยหยาง
อยู่ดีกว่าตาย!
ชายผู้โหดร้ายที่ชื่อโจวคนนี้กล้าฆ่าคนจริง ๆ
เกาจ้านเหวินพยุงเถี่ยหยางออกจากห้องโถงอย่างเร่งรีบโดยไม่กล้าที่จะทิ้งคำขู่
“ขอบคุณครับพี่หลี่” โจวอี้หยิบบัตรวีไอพีทองคำสีกุหลาบออกมา ชายหนุ่มเขย่าบัตรต่อหน้าหลี่หงอี้ด้วยสายตาซับซ้อน ก่อนจะวางมือบนไหล่ของหลินเหว่ย แล้วเดินออกไป
หลี่หงอี้เข้าใจแล้ว เหตุผลที่โจวอี้ช่วยเขาในคืนนี้ไม่ใช่เพราะเรื่องมิตรภาพ แต่เพราะตอบแทนที่ตนที่มอบการ์ดวีไอพีให้เขา
เฉิงห่าวแลกเปลี่ยนสายตากับเหลียงฟางและไป่จ้านเผิง รอยยิ้มจาง ๆ ผุดขึ้นตรงริมฝีปาก “บอสหลี่ ฉันไม่คาดคิดว่าคุณมีมิตรภาพกับน้องโจว หมอนี่น่ะรักความยุติธรรมอย่างกับอะไร ฉันไม่แปลกใจเลยที่เขาจะช่วยคุณคืนนี้ ฉันมีธุระ ไว้มาดื่มด้วยกันนะ”
“แน่นอน เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง” หลี่หงอี้พยักหน้า ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “คืนนี้ขอบคุณทั้งสามคนเลยนะ”
“ด้วยความยินดี!”
“แล้วเจอกัน”
เฉิงห่าวและเพื่อนทั้งสามของเขาออกจากห้องโถงด้วยกัน
หลี่หงอี้โบกมือให้คนสนิทของเขา จากนั้นมองไปที่จ้าวฉางชุนที่กำลังจับมือเขาอยู่ “เป็นไง”
“ไม่เลว” จ้าวฉางชุนยิ้ม
“ผู้จัดการเฉา แล้วศิษย์พี่ของน้องโจวล่ะ?” หลี่หงอี้ถาม
“หมายถึงหลินเวยน่ะเหรอ! เธอเป็นพนักงานต้อนรับของคลับของเรา ทำงานในคลับมากว่าครึ่งปีแล้ว ถึงจะดูอ่อนโยน แต่จริง ๆ แล้วเธอปิดบังเรื่องที่ตนเองเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้” จ้าวฉางชุนยิ้มอย่างขมขื่น
หลี่หงอี้เงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “หลังจากคืนนี้ไปคุยกับเธอซะ ถ้าเธอไม่อยากลาออกก็ให้เธอเป็นรองผู้อำนวยการคลับ หรือ… หัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยก็ได้”
“ครับ ผมจะคุยกับเธอ” จ้าวฉางชุนพยักหน้า
ส่วนโจวอี้ เขากลับไปที่ห้องโถง เรียกร้องให้หลินเวยเอาอาหารและไวน์มาให้เขา
ชายหนุ่มรู้ว่าหลังจากเรื่องวุ่นวายครั้งนี้ หลี่หงอี้จะมาหาเขาอย่างแน่นอน
เป็นดังคาด!
ทันทีที่เสิร์ฟอาหารและไวน์ หลี่หงอี้ก็เข้าไปในห้องโถงพร้อมกับไวน์ชั้นดีสองขวด
“พี่หลี่ เสร็จแล้วเหรอ?” โจวอี้ลุกขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“น้องโจว ถ้าเธอไม่ช่วยขับไล่พวกก่อความวุ่นวายออกไป ที่นี่คงเละเทะกว่านี้” หลี่หงอี้กล่าวอย่างนับถือ “ฉันไม่รู้ว่าเธอมาที่นี่ ถ้าไม่ได้ดูแลตรงไหน โปรดอย่าถือสาฉันเลยนะ”
“ไม่หรอกครับ” โจวอี้ยิ้มพลางส่ายหัว
หลังจากที่พวกเขานั่งลงและพูดคุยกันซักพัก หัวข้อก็เปลี่ยนไปเป็นเรื่องสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้
“น้องโจว เถี่ยหยางและเกาจ้านเหวินมาที่จินหลิงเพราะมีเป้าหมาย” หลี่หงอี้กล่าว
“หม้อระงับวิญญาณ?” โจวอี้ถาม
“ใช่ มันคือหม้อระงับวิญญาณ” หลี่หงอี้พยักหน้าอย่างหนักแน่นแล้วถามว่า “น้องโจว รู้จักหม้อระงับวิญญาณไหม”
“ผมไม่รู้ ผมเพิ่งได้ยินตอนเกาจ้านเหวินพูด” โจวอี้ส่ายหัว
“หม้อระงับวิญญาณเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดของประเทศเรา ในสมัยก่อนราชวงศ์ฉินมีหม้อระงับวิญญาณทั้งหมดเก้าชิ้น มันมีไว้ปกป้องพื้นที่พิเศษเก้าแห่งของอาณาจักรรุ่งอรุณ สำหรับผู้ที่ควบคุมหม้อระงับวิญญาณเก้าชิ้น ฉันเชื่อว่าเธอเคยได้ยินชื่อของเขาแล้ว เทพแห่งการสังหารยังไงล่ะ” หลี่หงอี้กล่าว
“แล้วไงต่อ?” โจวอี้ถาม
“ว่ากันว่ามีคำสาปพิฆาตอยู่ในหม้อระงับวิญญาณแต่ละหม้อ หลังจากได้รับหม้อระงับวิญญาณทั้งเก้าและรวบรวมคำสาปสังหารทั้งเก้าได้ พวกมันก็จะแสดงพลังอำนาจที่น่ากลัวที่สุดออกมา” หลี่หงอี้กล่าวอย่างจริงจัง สีหน้าเคร่งขรึม
“มีคำสาปในหม้อระงับวิญญาณจริง ๆ เหรอ” โจวอี้ถามด้วยความสงสัย
“มี แต่ฉันไม่เข้าใจ” หลี่หงอี้ยิ้มเศร้า ๆ
“มีประโยชน์ไหม?” โจวอี้ชะงักทันทีที่ได้ยิน
“ไร้ประโยชน์ แต่หม้อระงับวิญญาณเป็นสมบัติ หลังจากที่ฉันได้มันมา ฉันก็วางแผนที่จะรวบรวมมันเสียเอง แต่คนที่ขายมันให้ฉันกระจายข่าวให้ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ทั้งหลายรู้ว่าฉันได้รับมัน” หลี่หงอี้อธิบายอย่างจดปัญญา
“คงมีคนจับตาดูคุณอยู่อีกมากมาย” โจวอี้ยิ้ม
“ใช่! ฉันเลยต้องการขอความช่วยเหลือจากเธอไง ฉันอยากจะร่วมมือกับเธอจริง ๆ นะ!” หลี่หงอี้กล่าวอย่างเคร่งขรึม
“ร่วมมือกับผมเหรอ?” โจวอี้ไม่รู้จะรู้สึกอย่างไร “หม้อเป็นของคุณ ไม่เกี่ยวอะไรกับผม ผมจะช่วยอะไรคุณได้ ต่อให้มีคนมากมายต้องการมันก็เถอะ ผมไม่อยากจะแตะต้องหรอก”
“น้องโจว ถ้าเราร่วมมือกันก็ไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงอะไรนี่” หลี่หงอี้กล่าวเสียงจริงจัง
มีความเสี่ยง?
โจวอี้เลิกคิ้ว ปฏิเสธออกไปตามสัญชาตญาณ
ชายหนุ่มพักอยู่ที่ภูเขาชางหลาง เรื่องอันตรายนอกภูเขา เขาไม่ได้อยากยุ่งสักเท่าไหร่
เขาเพิ่งได้ออกจากภูเขามาหาลูกสาว ตอนนี้อยากดูแลลูกสาวให้เต็มที่ จะกล้าเสี่ยงได้ยังไง!
ครั้งล่าสุดที่บาร์ เขาทำเพื่อช่วยชีวิตผู้คน ครั้งนี้เขาช่วยหลี่หงอี้เพื่อตอบแทนมิตรภาพก็เท่านั้น
มาคิด ๆ ถึงสิ่งที่จะได้แล้ว เสี่ยงไม่ไม่คุ้มสักนิด!