หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า - บทที่ 81 สงครามรุนแรง
บทที่ 81 สงครามรุนแรง
บทที่ 81 สงครามรุนแรง
“ปัง ปัง ปัง…”
ชายชุดดำสี่คนถือปืนเล็งไปที่คนคนหนึ่งพร้อมกัน และเหนี่ยวไกโดยไม่ลังเล กระสุนแต่ละนัดเปลี่ยนสีหน้าของชายวัยกลางคนไปในพลัน แม้ว่าเขาจะรวดเร็วอย่างมากและหลบกระสุนได้หลายนัด แต่ก็ยังมีกระสุนหลายนัดที่ยังคงแทงทะลุร่างกายของเขา!
“เป็นไปได้ยังไง?”
ชายวัยกลางคนดูตกใจขณะมองลงไปยังบริเวณที่มีเลือดออกจากหน้าอกของเขา ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกที่เหลือเชื่อ
ชายอีกสองคนผู้ถือดาบพุ่งเข้ามาปะทะกับชายวัยกลางคนอีกคน เงาดาบหลายชั้นปกคลุมชายวัยกลางคนในทันที
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
ใบมีดอาบโลหิตสีแดงฉาน เลือดสาดกระเด็นไปทุกที่
ชายวัยกลางคนมีบาดแผลเปื้อนเลือดมากกว่าสิบบาดแผลบนร่างกายของเขา และเงาหมัดที่แปลกประหลาดของเขาก็บดบังคมดาบจำนวนมาก กระแทกร่างของชายทั้งสอง
ในเวลานี้ เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้ง
ชายวัยกลางคนที่ถูกมีดแทงไม่สามารถหลบได้และถูกยิงในทันที
“เฮือก…”
นักดาบทั้งสองก้าวถอยหลัง คุกเข่าข้างหนึ่งโดยใช้มือจับดาบไว้และกระอักเลือดออกมาอย่างหนัก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส
แววตาของต้าเจียงอูหดลง ในขณะที่เฝ้าดูศิษย์สองคนที่มีพื้นฐานการบ่มเพาะที่ดีถูกยิงจนเสียชีวิต แรงกดดดันที่น่าสะพรึงกลัวปะทุออกมาจากร่างเขาทันที
“ตายซะ!”
นิ้วมือของเขาราวกับคมดาบ กวาดผ่านคอของมือปืนทั้งสี่ ก่อนที่คนทั้งสี่จะกุมคอของตนเองทีละคน และล้มลงกับพื้นพร้อมเลือดที่ไหลรินออกมา
ในเวลาเดียวกัน ด้วงสีเทาและสีดำสองตัวพุ่งออกมาจากปลายนิ้วของต้าเจียงอู และเจาะเข้าไปในร่างของชายสองคนที่ถือดาบคุกเข่าอยู่ในทันที
“กล้าดียังไง!”
หญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างเกาเฟิงตะโกนขึ้น เธอรีบไปหาต้าเจียงอูในทันทีและตบหัวเขา
ใบหน้าของต้าเจียงอูเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน และปราณที่พลุ่งพล่านในร่างกายพลันไหลเข้าสู่ฝ่ามือ ก่อนจะปะทะกับฝ่ามือของหญิงวัยกลางคนอย่างดุเดือด
วินาทีต่อมา ต้าเจียงอูก้าวถอยหลังไปสามสี่ก้าว ฝ่ามือขวาของเขาบาดเจ็บ และแขนก็ยังเริ่มชา และเมื่อมองลงไปก็เห็นว่ามีรอยฝ่ามือบนหน้าอกของเขาด้วย
ทันใดนั้น หญิงวัยกลางคนก็กระเด็นถอยห่างออกไปเจ็ดแปดเมตร โดยที่เลือดไหลออกมาเต็มปาก สตรีคนนั้นสูญเสียแรงใจในการต่อสู้ไปอย่างรวดเร็ว
“พี่เฟิง ฉันกลัว”
สาวสวยที่กอดแขนของเกาเฟิงดูหวาดกลัวยิ่งนัก
ต้าเจียงอูระงับเลือดที่เดือดพล่านของตนเองและจ้องไปที่หญิงสาววัยกลางคนด้วยดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร ก่อนจะหันไปหาเกาเฟิง
“ฉันคิดว่าแกเป็นแค่นักธุรกิจที่ร่ำรวย แต่ไม่คิดว่าจะแข็งแกร่งขนาดนี้ ความประมาทของฉันจะนำไปสู่ความตายอันน่าสลดใจของลูกศิษย์ทั้งสองคน แต่วันนี้แกจะถูกฝังไว้กับพวกเขา!!” ชายชรากล่าว แต่ไม่ได้จู่โจมในทันที
“ผมไม่รู้จักศิษย์ของคุณ คุณควรเป็นฝ่ายไปกับพวกเขามากกว่า” เกาเฟิงทิ้งก้นบุหรี่
“ปากดีนักนะ! ดูซิว่าจะหยิ่งยโสได้อีกนานแค่ไหน!”
ต้าเจียงอูกำลังจะถามว่า ‘หม้อระงับวิญญาณอยู่ที่ไหน’ แต่เขาโกรธมากและตัดสินใจจับกุมฝ่ายตรงข้ามเพื่อบังคับ
“อา… อย่า”
ในขณะที่หญิงวัยกลางคนที่กอดแขนของเกาเฟิงตกใจและกรีดร้อง เธอก็โยนผงสีขาวสีขาวออกมาทันที พร้อมยิงเล็บเหล็กออกมาจากปลายนิ้วพุ่งเข้าใส่อีกฝ่าย
“บัดซบ!”
ต้าเจียงอูรู้สึกเจ็บหน้าอก ก่อนที่ร่างกายของเขาจะเริ่มเซ
เขาปิดตาตนเองด้วยฝ่ามือเพื่อป้องกันไม่ให้ผงสีขาวเข้าตา แต่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าหญิงวัยกลางคนที่ดูเหมือนไม่เป็นอันตรายจะทำให้ตนประมาทเลินเล่อขนาดนี้ ความเจ็บปวดนี้ไม่รุนแรงแต่รู้สึกชาเล็กน้อย นี่ต้องเป็นเล็บเหล็กอาบยาพิษแน่
“เหอะ!”
ต้าเจียงอูดึงเล็บเหล็กนั้นออกมาทันที และดวงตาที่พร่ามัวด้วยฤทธิ์ยาพิษของเขาก็จับจ้องไปที่เกาเฟิง
เกาเฟิงรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดบริเวณลำคอ เมื่อเขาหันไปมองก็พบงูเขียวตัวเล็กกองอยู่บนไหล่ของตัวเอง
“กลับมา!”
ต้าเจียงอูตะโกนเสียงดัง ทันใดนั้น งูเขียวก็พุ่งออกจากไหล่ของเกาเฟิงและกลับไปที่ต้าเจียงอูอีกครั้ง
“ส่งหม้อระงับวิญญาณให้ฉัน แล้วฉันจะให้ยาแก้พิษงู ไม่เช่นนั้น แกอาจจะตายเมื่อไหร่ก็ได้” ชายชราแห่งต้าเจียงกล่าว
เกาเฟิงรู้สึกเวียนหัว
สาวสวยสังเกตเห็นความผิดปกติของเกาเฟิงในทันที ก่อนจะพบร่องรอยของงูที่กัดลงบนคอของเขา หญิงวัยกลางคนเปลี่ยนสีหน้าไปในทันใด หลังแทงเข็มเหล็กบาง ๆ ที่คอ ไหล่ และหลังหูของเกาเฟิง จากนั้นเธอก็หันหลังและพุ่งไปหาต้าเจียงอู
สตรีคนนี้ดูบอบบาง แต่ตอนนี้กำลังคลุ้มคลั่งด้วยความโกรธราวกับกลายเป็นสัตว์ที่ดุร้าย เธอยิงเล็บเหล็กพุ่งเข้าใส่ศัตรูทีละนิ้วจนนิ้วทั้งสิบเปลี่ยนเป็นสีดำ ราวกับตั้งใจจะฉีกต้าเจียงอูเป็นชิ้น ๆ ให้ได้!
“แมวน้อย กลับกันเถอะ” เกาเฟิงต่อสู้กับอาการเวียนศีรษะเหมือนบ้านหมุนและพยายามเปล่งเสียงร้องออกมา
ในเวลาเดียวกัน สาวงามวัยกลางคนผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสก็คว้าปืนพกสีเงินออกมา และเหนี่ยวไกไปที่ต้าเจียงอูโดยไม่ลังเล
ปัง!
ชายชราถูกกระสุนเจาะเข้าที่ไหล่ซ้าย
เขารู้สึกว่าการหมุนเวียนของปราณในร่างกายเริ่มชะลอ และอาการชาในร่างกายก็เริ่มหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ
มันเกิดจากพิษ!
ต้าเจียงอูจ้องมองเกาเฟิงอย่างชั่วร้าย จากนั้นมองไปที่ศพของศิษย์ทั้งสอง ก่อนจะแบกร่างของพวกเขาและวิ่งออกไป
“แมวน้อย คุณไม่เป็นไรนะ?” เกาเฟิงเข้ามาหาสาวสวยและพยายามจะช่วยเธอ แต่ทันใดนั้นร่างกายก็อ่อนแอและทรุดตัวลงกับพื้น
“พี่เฟิง…”
“เจ้านายคะ…”
หญิงวัยกลางคนกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง แต่เธอยังคงกอดเกาเฟิงไว้แน่น ก่อนจะมีหญิงอีกคนพุ่งเข้ามาหาเขาพร้อมคุกเข่าข้าง ๆ
“งูของต้าเจียงอูมีพิษร้ายแรง แม้ว่าแมวน้อยจะช่วยระงับพิษได้ชั่วคราว แต่ผมเกรงว่าจะอยู่ได้ไม่นาน” เกาเฟิงรู้สึกได้ถึงอุณภูมิในร่างกายตนเองที่กำลังลดต่ำลง เรื่อย ๆ
“ฉันควรทำยังไง มีใครสามารถล้างพิษได้บ้างไหมคะ! คุณปู่ที่ออสเตรเลียล่ะ!?” สาวสวยถึงกับน้ำตาซึม
“อย่าร้องไห้… การมีชีวิตและความตายมันถูกกำหนดไว้แล้ว บางทีผมสมควรได้รับมันแล้ว” เกาเฟิงต้องการยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่แก้มของเธอ แต่แขนของเขาไม่มีเรี่ยวแรงเหลืออีกแล้ว “อันเล่ยแมวน้อย ถ้าผมตาย คุณกลับไปออสเตรเลียแล้ว ช่วยซูซูดูแลตระกูลด้วยนะ”
“พี่เฟิง ฉันจะไม่ยอมให้คุณตายแน่” สาวสวยที่ถูกเรียกว่าแมวน้อยร้องไห้
“เช็ดน้ำตาของคุณซะ อย่าร้องไห้ ฟังผมนะ… ตงตงไม่ฉลาด แต่นอกเหนือจากคำสั่งของผม เขาก็ฟังคำสั่งของซูซูด้วย คุณบอกซูซูให้ดูแลตงตงให้ดี …เด็กคนนั้นมีชีวิตที่ย่ำแย่ แค่ก… ” ก่อนที่คำพูดจะจบลง เขาก็ไอออกมามากกว่าสิบครั้งแล้วจึงหมดสติไป
“พี่เฟิง…”
“เจ้านาย…”
สาวสวยทั้งสองคนต่างเศร้าสลด
ทันใดนั้น!
หญิงที่ชื่อ ‘อันเล่ย’ ก็ดูเหมือนจะจำอะไรบางอย่างได้ เธอมองไปที่ลูกน้องสองคนที่กำลังสั่นอยู่บนพื้นและพูดอย่างรวดเร็วว่า “กลับไปที่พาราไดซ์คลับ ที่นั่นอาจมีคนที่สามารถช่วยเขาได้”
“ใคร?”
แม้ว่าจะโศกเศร้าแต่ก็ยังตั้งสติได้ เธอเงยหน้าขึ้นและกล่าวว่า
“ศิษย์นิกายโอสถ ชายแซ่โจว!”