หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า - บทที่ 84 ช่วยชีวิตชายคนหนึ่ง
บทที่ 84 ช่วยชีวิตชายคนหนึ่ง
บทที่ 84 ช่วยชีวิตชายคนหนึ่ง
ภายในห้องโถงกว้างขวางมีเตียงสามเตียง แต่ละเตียงมีคนนอนอยู่ทุกเตียง โจวอี้จำได้ว่าสามคนนี้คือเกาเฟิงและผู้ใต้บังคับบัญชาอีกสองคน
นอกจากนี้ อันเล่ยและแมวน้อยก็เหมือนจะอยู่ที่นี่ด้วย
หลินเวยเอนตัวพิงหน้าต่างอย่างเงียบ ๆ
อันเล่ยเดินไปข้างหน้าด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยการอ้อนวอน เธอยกกำปั้นขึ้นโค้งคำนับและกล่าวว่า “หมอโจว ได้โปรดช่วยเจ้านายของเราด้วย เรายินดีจ่ายเต็มที่”
“อืม!”
โจวอี้พยักหน้าพลางเดินไปหาหลินเวยแล้วพูดว่า “เหมียวเหมี่ยวลูก เรียกเธอว่าป้าสิ”
“ป้า!” ถังเหมียวเหมี่ยวพูดตามอย่างเด็กแสนรู้
“สวัสดี เหมียวเหมี่ยว” หลินเวยตกหลุมรักเด็กหญิงที่บอบบางและน่ารักคนนี้ในทันที เธอมองไปที่โจวอี้แล้วถามว่า “นี่คือ…”
“ลูกสาวผมเอง ช่วยดูแลเธอหน่อย” ชายหนุ่มคลี่ยิ้ม
“ลูกสาวของนาย นาย …นายแต่งงานแล้ว?” หลินเวยเบิกตากว้างด้วยความเหลือเชื่อ แต่ก็ยังเอื้อมมือไปรับเด็กหญิงตัวน้อยมา
“ผมจะเล่าให้ฟังภายหลัง” โจวอี้พูดอะไรบางอย่างและมองไปที่ลูกสาว “เหมียวเหมี่ยว ลูกเล่นกับคุณป้าไปก่อนนะ พ่อเป็นหมอ… อะ… เอ่อ ซูเปอร์แมน! ดังนั้นซูเปอร์แมนต้องไปช่วยผู้คน ลูกต้องเชื่อฟังป้านะ เข้าใจไหม”
“อื้ม…” ถังเหมียวเหมี่ยวพยักหน้าอย่างว่าง่าย
ชายหนุ่มเดินมาหาเกาเฟิง ก่อนจะจับชีพจรที่มือซ้ายแล้วถามว่า “ริมฝีปากเริ่มเป็นสีม่วงแล้ว อีกทั้งใบหน้ายังไร้สีเลือด ที่ต้นคอมีร่องรอยการถูกงูพิษกัด เอ๊ะ ใครแทงเข็มพวกนี้”
“ฉันเอง!”
แมวน้อยกล่าว
“การปิดกั้นชีพจรและการปิดจุดฝังเข็มทำให้ไม่สามารถกระจายสารพิษได้ชั่วคราว คุณเรียนรู้ทักษะนี้มาจากใคร” โจวอี้มองไปที่แมวน้อย
“อาจารย์ของฉัน!”
“…”
โจวอี้รู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่อยากเอ่ยชื่อของใครคนนั้น แต่ในเวลานี้ไม่มีเวลามาใส่ใจอีกต่อไป เขาตรวจสอบสภาพร่างกายของเกาเฟิงอย่างละเอียดและรู้สึกพึงพอใจอย่างลับ ๆ
พิษงูแทรกซึมเข้าทุกอณูของร่างกาย แต่มีพิษเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันทำให้ผู้คนเป็นอัมพาต แต่จะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต
จากนั้นเขาก็ตรวจสอบร่างของชายร่างกำยำอีกสองคน เลือดและลมปราณในร่างอ่อนแอลงมาก และอวัยวะภายในได้รับความเสียหาย สิ่งที่ร้ายแรงที่สุดคือมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในร่างกาย ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ที่จะช่วยพวกเขา
“ถอดเสื้อโค้ท รองเท้า และถุงเท้าออก เตรียมน้ำอุ่นไว้” โจวอี้สั่ง
อันเล่ยกับแมวน้อยเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว หลังจากถอดเสื้อโค้ท รองเท้า และถุงเท้าของเกาเฟิงออกแล้วทั้งคู่ก็เริ่มถอยออกไปด้านข้าง ไม่นานน้ำอุ่นก็ถูกยกมาอย่างรวดเร็ว
โจวอี้หยิบขวดหยกออกมาเทยาเม็ดสีแดงแล้วใส่เข้าไปในปากของเกาเฟิง
จากนั้นก็หยิบกล่องไม้ออกมา ฆ่าเชื้อเข็มเงินด้วยสำลีแอลกอฮอล์ และเจาะจุดสำคัญหลายสิบจุดรอบ ๆ ร่างของเกาเฟิงทีละจุด
“เอาเข็มเหล็กออก” โจวอี้มองไปที่แมวน้อย
แมวน้อยเดินไปข้างหน้าทันทีและดึงเข็มเหล็กบาง ๆ ออกมา
โจวอี้รออย่างเงียบ ๆ ครู่หนึ่ง จากนั้นหยิบมีดขนาดเล็กที่มีขนาดยาวและสั้นออกมาแล้วค่อย ๆ ตัดเนื้อเยื่อบริเวณที่ถูกงูพิษกัด จากนั้นใช้นิ้วกดรอบ ๆ บาดแผลเพื่อเค้นพิษออกทีละน้อย ในขณะที่ถ่ายเทลมปราณเข้าไปด้วย
เลือดสีดำไหลออกมาอย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มใช้มีดกรีดแทงนิ้วมือและนิ้วเท้าของเกาเฟิงเบา ๆ
ปริมาณสารพิษในร่างกายมีน้อยมาก แต่ใช้เวลาในการขับสารพิษออกจากร่างกายนานมาก
โจวอี้ยังคงใจเย็น เขาใช้เวลาเกือบชั่วโมงในการขับพิษมากกว่าเก้าสิบห้าเปอร์เซ็นต์ในร่างกายของเกาเฟิง จากนั้นก็ดึงเข็มเงินออกมาฆ่าเชื้อและพันแผลให้เรียบร้อย
หลังจากทำสิ่งนี้เสร็จ โจวอี้มองกลับไปที่อันเล่ยกับแมวน้อยและพูดว่า “อาการของเขาไม่น่าเป็นห่วงแล้ว ฉะนั้นไม่ต้องกังวล เขาแค่ต้องการพักสักหน่อย”
“ขอบคุณ”
หลายคนตื่นเต้นและกล่าวขอบคุณ แมวน้อยก็ร้องไห้ด้วยความดีใจ
“อย่ารีบขอบคุณผมเลย มันสายเกินไปแล้ว ผมไม่สามารถช่วยชีวิตพวกเขาได้” ชายหนุ่มชี้ไปที่อีกสองคนบนเตียง
ช่วยไม่ได้เหรอ…
หลายคนรู้สึกสลดใจแต่ก็เข้าใจทุกอย่างดี
สิ่งที่พวกเขาสนใจมากที่สุดคือเกาเฟิง ตราบเท่าที่เกาเฟิงมีชีวิตอยู่ได้ การปล่อยให้สองคนนี้ตายก็คงไม่เป็นอะไร…
โจวอี้เงียบไปครู่หนึ่งและถามว่า “ต้าเจียงอูเป็นคนทำร้ายใช่ไหม คุณเกาเฟิงโดนงูพิษและยังมีการใช้แมลงกู่ด้วย มีเพียงต้าเจียงอูเท่านั้นที่สามารถใช้สิ่งนี้ได้”
“ใช่ เป็นเขา” อันเล่ยแสดงความเกลียดชังอย่างรุนแรงและกัดฟันดังกรอด
“อดทนไว้! เกรงว่าต้าเจียงอูจะเป็นปรมาจารย์ไปแล้วเสียอีก หากอีกฝ่ายเต็มใจยอมแพ้ คุณอย่าคิดที่จะแก้แค้นเลยดีกว่า” โจวอี้แนะนำ
“เขาต้องตายเท่านั้น” อันเล่ยกล่าวอย่างขมขื่น
ชายหนุ่มไหวไหล่และไม่พูดอะไรอีก
ทันใดนั้น
โจวถงพุ่งไปหาโจวอี้พลางจ้องเขม็งแล้วพูดว่า “คนโกหก พ่อเลี้ยงยังไม่ไม่ได้สติอีกเหรอ”
เจ้าโง่!
โจวอี้สบถด่าในใจ
เขาเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “พรุ่งนี้เขาจะอาการดีขึ้น”
“ถ้าพรุ่งนี้เขาไม่ตื่น ผมจะตีคุณ” โจวถงถอดเสื้อคลุมออกเผยให้เห็นเสื้อกั๊กที่รัดแน่นขณะกำหมัดเป็นข่มขู่
“ไอ้หนู หยุดพูดจาไร้สาระแล้วไปยืนห่าง ๆ” อันเล่ยตะโกนใส่
“เดี๋ยว!”
สายตาของโจวอี้หยุดอยู่ที่แขนซ้ายที่เต็มไปด้วยหมัดกล้ามของโจวถง
ผิวสีน้ำตาลคล้ำคล้ายรอยไหม้ ลายดาวและจุดสีแดงขนาดเท่าเมล็ดข้าวอยู่ที่แขน
โจวอี้คุ้นเคยกับลักษณะนี้จริง ๆ
เพราะเขาเองก็มีลายดาวที่แขนซ้ายเช่นเดียวกัน
“คุณคือใคร?” โจวอี้เงยหน้าขึ้นมองตาของโจวถงแล้วถามด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก
“ผมชื่อโจวถง”
“คุณ…” โจวอี้กำลังจะถามอีกครั้ง แต่เป็นอันเล่ยที่เข้ามายืนขวาง
หน้าเขา
“หมอโจว ถงถงเป็นลูกบุญธรรมเจ้านายของฉัน เขามีปัญหากับไอคิว หากเขาทำให้คุณขุ่นเคือง ฉันหวังว่าคุณจะอภัยให้” อันเล่ยกล่าวขอโทษ
ชายหนุ่มเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหัวไปมา เขาหันหลังและเดินไปทางหลินเวยกับบุตรสาว
เขารู้สึกสับสนเล็กน้อย
ลายดาวบนแขนซ้ายของเขามีมาตั้งแต่จำความได้ แม้ว่าอาจารย์จะเป็นคนเก็บเขามาเลี้ยงก็ตาม
นอกจากนี้รูปแบบดาวนี้ยังมีความพิเศษ มันไม่ใช่รอยสักธรรมดา แต่เป็นรูปแบบเสน่ห์ที่ฝังอยู่ใต้ผิวหนังด้วยเทคนิคลับ
เขาต้องการรู้ว่าโจวถงคือใคร
ทั้งคู่มีนามสกุลว่าโจวและมีดาวอยู่ที่แขนซ้าย
“คุณพ่อไม่เห็นแปลงร่างเป็นซูเปอร์แมนเลย” ถังเหมียวเหมี่ยวอ้าแขนเล็ก ๆ ออกกว้างและกระโดดเข้าไปในอ้อมแขนของผู้เป็นพ่อ
“พ่อเจอปัญหาจิ๊บ ๆ น่ะเลยไม่ต้องแปลงร่าง” โจวอี้สงบอารมณ์ลงอย่างรวดเร็ว เขาอุ้มลูกสาวไว้ในอ้อมแขน จากนั้นหันไปมองอันเล่ย “พรุ่งนี้ตอนเย็นผมจะกลับมาที่นี่เพื่อตรวจสุขภาพของคุณเกาเฟิง สำหรับรางวัล… พรุ่งนี้ก็ค่อยให้!”
“ได้เลย!” อันเล่ยพยักหน้า
โจวอี้ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป เขาเดินออกจากห้องโถงไปพร้อมกับหลินเวยและหลี่หงอี้
ทันใดนั้น
เขาเห็นว่าลูกสาวกำลังถือเครื่องรางหยกแกะสลักที่ประณีตและมีคุณภาพสูง มองเพียงแวบเดียวเขาก็รู้ว่าแผ่นหยกแกะสลักนี้มีค่ามาก
“พี่หลี่ ของแพงเกินไปแล้ว” โจวอี้กล่าว
“ไม่หรอก ผมชอบเหมียวเหมี่ยว เธอเชื่อฟังและมีเหตุผลมาก” หลี่หงอี้ยิ้มบาง ๆ “เมื่อเห็นหลานสาวคนนี้ครั้งแรก ผมก็นึกแล้วว่าต้องให้ของขวัญเธอ มันเหมาะกับหลานสาวผู้น่ารักน่าชังเสียจริง ๆ”
“เหมียวเหมี่ยว ขอบคุณลุงหลี่หรือยัง” โจวอี้ถามด้วยรอยยิ้ม
“อื้ม” เห็นได้ชัดว่าเธอชอบเครื่องรางนี้ ทั้งยังพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม