หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า - บทที่ 85 พรีเซนเตอร์รับเชิญ
บทที่ 85 พรีเซนเตอร์รับเชิญ
บทที่ 85 พรีเซนเตอร์รับเชิญ
ดวงดาวกระจัดกระจายอยู่เต็มผืนฟ้า
บนทางหลวงในเมืองที่มืดมิด รถเมอร์เซเดสเบนซ์กำลังแล่นตรงไปยังช็องเซลิเซ่ ลานติง วิลล่า
ถังหว่านมองออกไปนอกหน้าต่างรถอย่างเงียบ ๆ และครุ่นคิดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในคืนนี้
เธอเชื่อมั่นว่าเมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นก็ย่อมต้องมีปีศาจ
และปีศาจที่ว่าก็คือโจวอี้
เธอนึกไม่ออกว่าทำไมจู่ ๆ โจวอี้ถึงเป็นมิตรกับหวงไห่เทา? แล้วก็งงเข้าไปใหญ่ตอนรู้ว่าเฉิงฮ่าวเป็นเพื่อนของโจวอี้? นอกจากนี้ ทัศนคติของหยางเซี่ยวหางและภรรยาของเขาในคืนนี้ก็ทำให้เธอสับสนเช่นกัน
“งานเลี้ยงอาหารค่ำคืนนี้มีอะไรน่ากังวลหรือเปล่า” ซุนเหมิงที่ขับรถอยู่สังเกตว่าอารมณ์ของถังหว่านดูผิดปกติเล็กน้อยจึงถามขึ้นมา
“อืม!”
ถังหว่านตอบแต่ก็ไม่ได้อธิบายเพิ่มเติม
โทรศัพท์มือถือของถังหว่านดังขึ้นมาพอดี
เธอหยิบมือถือออกมาพบว่าเป็นเบอร์แปลกจึงคิดจะตัดสายทิ้ง แต่จู่ ๆ เธอก็นึกอะไรขึ้นได้ หลังลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หญิงสาวก็กดรับ
“สวัสดีค่ะ นี่ถังหว่าน ใครโทรมาเหรอคะ”
[สวัสดี ถังหว่าน ฉันชื่อจางซิ่วจือ เราเพิ่งนั่งทานอาหารเย็นด้วยกัน]
จางซิ่วจื่อ?
เพิ่งออกมาจากงานเมื่อครู่เองไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงโทรมาอีก?
ถังหว่านลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “สวัสดีค่ะ ฉันกลับมาจากโรงแรมแล้ว มีอะไรให้ช่วยไหมคะ?”
[มีอยู่เรื่องหนึ่ง ฉันลืมพูดไป] จางซิ่วจือพูดด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร [ถังหว่าน เธอว่างหรือเปล่า บริษัทเครื่องประดับของฉันกำลังมองหาพรีเซนเตอร์ แต่ยังไม่พบคนที่น่าพอใจ คืนนี้พวกเราได้เจอกัน ฉันเห็นว่าเธอสง่างามมากจริง ๆ ฉันเลยอยากจะถามว่าสะดวกมาเป็นพรีเซนเตอร์ให้ฉันไหม]
“บริษัทเกี่ยวกับอะไรคะ” ถังหว่านถามด้วยความสงสัย
[อัญมณีสีน้ำเงินน่ะ] จางซิ่วจือเอ่ยยิ้ม ๆ
อัญมณีสีน้ำเงิน?
ถังหว่านประหลาดใจ
ไม่เพียงแค่เคยได้ยินชื่อแบรนด์นี้เท่านั้น แต่เครื่องประดับหลายชิ้นของเธอยังเป็นแบรนด์อัญมณีสีน้ำเงิน แม้ว่าจะไม่ใช่แบรนด์ระดับสากล แต่ก็เป็นเครื่องประดับที่หรูหราระดับสูงสุดในบรรดาแบรนด์เครื่องประดับระดับไฮเอนด์ในประเทศจีน และแต่ละชิ้นก็มีราคาสูงมาก
เธอรู้ลึกขนาดว่าจ่าวมินจื้อ เทพธิดาอมตะของจีนจะเป็นพรีเซนเตอร์ของอัญมณีสีน้ำเงินในปีที่ผ่านมา
ทว่าด้วยชื่อเสียงและสถานะปัจจุบันของตัวเธอในวงการบันเทิง เธอยังไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นพรีเซนเตอร์ของอัญมณีสีน้ำเงินแต่อย่างใด
แต่! จางซิ่วจือโทรหาเธอด้วยตัวเอง เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเชื้อเชิญเธออย่างเป็นทางการ
ถังหว่านคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบกลับไปว่า “พี่สะใภ้ เป็นเกียรติของฉันแล้วค่ะถ้าได้เป็นพรีเซนเตอร์ของอัญมณีสีน้ำเงิน”
[ตกลง รับปากแล้วนะ! ฉันจะส่งร่างสัญญาให้ในวันพรุ่งนี้…] จางซิ่วจือหยุดไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยต่อ [เสี่ยวหว่าน พรุ่งนี้มีเวลาไหม หรือเราจะพบกันอีกครั้ง จะได้ทานอาหารกลางวันด้วยกัน ฉันจะได้ยืนยันด้วยตัวเอง]
“แน่นอนค่ะ! เจอกันพรุ่งนี้นะคะ”
เมื่อวางสาย ถังหว่านก็วางโทรศัพท์มือถือของเธอลง และนั่งเงียบไปอีกครั้ง
ตอนนี้เธอรู้สึกว่าจางซิ่วจือกำลังจงใจเข้าหาเธอมากกว่าเดิม กระทั่งให้เธอเป็นพรีเซนเตอร์ของอัญมณีสีน้ำเงินได้ตามใจ
มีแบบนี้ในโลกนี้ด้วยเหรอ?
บางทีมีเพียงโจวอี้เท่านั้นที่สามารถให้คำตอบกับเธอได้
ตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่มเกือบเที่ยงคืนแล้ว
ครั้นถังหว่านกลับมาถึงบ้าน เธอก็สงสัยว่าลูกสาวไม่ได้กลับมานอน จึงตรงไปที่บ้านถัดไป และพอรู้ว่าตอนนี้ลูกสาวและโจวอี้ไม่ได้อยู่บ้าน สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป
“คุณอยู่ที่ไหน?” ถังหว่านโทรหาโจวอี้ทันที
[กำลังเดินทางกลับ ผมจะกลับถึงบ้านในอีกสิบนาที] โจวอี้ตอบ
“ดี!” ถังหว่านวางสายโทรศัพท์และเดินออกจากลานบ้าน
สิบนาทีต่อมา รถของโจวอี้ก็มาหยุดที่หน้าถังหว่าน
หญิงสาวเหลือบมองโจวอี้และลูกสาว จากนั้นจึงหันไปมองหญิงสาวที่ออกมาจากที่นั่งคนขับ ทันใดนั้น แววตาเย็นชาก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของนักร้องสาว
“เหมียวเหมี่ยวหลับไปแล้ว ช่วยพาเธอกลับที” โจวอี้พูดขึ้น
เมื่อปรายตามองดู เธอก็เห็นว่าลูกสาวกำลังหลับอยู่ในอ้อมแขนของเขา
แทนที่จะกลับไปดี ๆ เธอกลับมองไปที่หลินเวย
“เธอคือหลินเวย ศิษย์พี่ของผม” โจวอี้แนะนำ
“ศิษย์พี่?” ถังหว่านสับสน
โจวอี้เหลือบมองหลินเวยก่อนจะยิ้มแห้ง ๆ “จำสิ่งที่ผมบอกได้ไหม ศิษย์พี่คนนี้แหละที่แอบทุบตีผมที่ภูเขา และปล่อยให้ผมถูกแช่แข็ง”
ถังหว่านจำเรื่องน่าอายที่โจวอี้เคยพูดได้ จึงจำหลินเวยได้ทันที
“สวัสดีค่ะ ศิษย์พี่หลิน”
“คุณ… สวัสดี คุณคือ…” หลินเวยเอาแต่จ้องไปที่ถังหว่าน เธอแทบไม่เชื่อสายตาของตนเอง
นี่คือถังหว่าน!
นักร้องแห่งชาติ สาวในฝันของผู้ชายนับไม่ถ้วน
เธอ… เธอเป็นภรรยาของศิษย์น้อง?
“ฉันถังหว่าน แม่ของเหมียวเหมี่ยวค่ะ!” รอยยิ้มที่หายากปรากฏขึ้นบนใบหน้าของถังหว่าน
“ดาราใหญ่เลยนะเนี่ย ศิษย์น้อง ทำอีท่าไหนเธอถึงแต่งงานกับนายล่ะ” หลินเวยพึมพำ
ปับ…
โจวอี้ตบไหล่หลินเวยแล้วพูดอย่างโกรธเคืองว่า “ศิษย์พี่ พูดอะไรน่ะ ผมก็ไม่ธรรมดาเถอะ ผมเป็นศิษย์น้องที่รักของคุณเลยนะ ทำไมคนอย่างผมจะแต่งกับเสี่ยวหว่านไม่ได้”
“เปล่า ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” หลินเวยหัวเราะแล้วรีบโบกมือเพื่ออธิบาย
ถังหว่านยิ้มกว้างและเอ่ยต่อ “ศิษย์พี่หลิน เข้ามานั่งในบ้านเถอะค่ะ! ข้างนอกอากาศหนาว เดี๋ยวฉันจะพาเหมียวเหมี่ยวไปที่ห้องนอนก่อน … ”
“ไม่เป็นไร มันดึกเกินไปแล้ว ฉันจะกลับแล้วล่ะ” หลินเวยรีบส่ายหัว
“งั้นก็ดีใจที่ได้เจอศิษย์พี่หลินนะคะ ยังไงก็มาเยี่ยมเราในภายหลังได้นะคะ”
จากนั้นถังหว่านก็หันไปหาโจวอี้แล้วพูดว่า “อย่าเพิ่งกลับ ฉันมีบางอย่างจะคุยกับคุณ”
“ได้สิ!” โจวอี้พยักหน้า
เมื่อถังหว่านเข้าไปในลานบ้านพร้อมกับลูกสาว หลินเวยก็แตะข้อศอกของโจวอี้และพูดว่า “ศิษย์น้อง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงเลี่ยงตอบคำถามฉันตลอดทาง ไม่ยอมบอกว่าใครเป็นแม่ของเหมียวเหมี่ยว ที่แท้ก็คือถังหว่านดาราดังนี่เอง! ว้าว น่าทึ่งมาก”
“ใช่แล้ว น้องชายของพี่น่ะแข็งแกร่งมาก!” โจวอี้ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
“แต่ที่ฉันอยากจะถามคือเหมียวเหมี่ยวเป็นลูกสาวของนายแน่เหรอ” หลินเวยถามด้วยความสงสัย
“พูดอะไรน่ะ แน่นอนสิ ไม่เห็นเหรอว่าคิ้วกับตาของเธอเหมือนผมมาก” โจวอี้กลอกตา
“ก็เหมือนแหละ แต่ถังหว่านเนี่ยนะ…! ยิ่งคิดก็ยิ่งเหลือเชื่อ นายจับเธอได้ยังไง?” หลินเวยชักสนใจใคร่รู้ เรื่องนี้ปลุกต่อมเผือกเธออย่างยิ่ง “ถ้าอยากรู้เรื่องอดีต ไว้ผมจะเล่าให้ฟัง แต่น่าจะเล่ายาวถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน” โจวอี้หัวเราะ
“ไปตายซะ นายมีเวลาพูดขนาดนั้น แต่ฉันไม่มีเวลาฟัง!” หลินเวยกลอกตา จากนั้นจึงหันกลับมาแล้วโบกมือไปที่ประตูคนขับ “ฉันต้องไปแล้ว” เธอกล่าว “สักวันฉันจะไปกินข้าวที่บ้านนายนะ”
“ยินดีเสมอครับ” โจวอี้ตอบ