หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า - บทที่ 93 การค้าใหญ่
ตอนที่ 93 การค้าใหญ่
สองคนนั่งเกวียนวัวมาด้วยกันจนถึงหมู่บ้านตระกูลหลิวเพื่อหาฉินเหยา
ห่างจากครั้งก่อนที่หวังอวี่มาเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น
ฉินเหยาเองก็ไม่คิดว่าพวกเขาจะตัดสินใจได้รวดเร็วเช่นนี้
หลิวจี้ยกชามสุราหมักใส่น้ำตาลสองชามมาให้พวกเขาคนละชาม จากนั้นก็ยืนอยู่ข้างฉินเหยาอย่างรู้หน้าที่ ก้มศีรษะฟังพวกนางปรึกษากันเรื่องการค้าใหญ่ที่ต้องใช้เงินถึงสิบห้าตำลึง
พูดตามตรง ว่าก็ว่าเถอะ ภรรยาของเขานี้ช่างเข้าใจการค้าจริงๆ กังหันน้ำที่ใช้ต้นทุนแค่หนึ่งตำลึงกลับกล้าตั้งราคาไว้ถึงสิบห้าตำลึง
แต่ฟังจากที่พูด ดูเหมือนว่าจะเป็นกังหันน้ำขนาดใหญ่ขึ้นทว่าอย่างไรก็คงไม่อาจใหญ่ขึ้นได้ถึงสิบห้าเท่า
ความต้องการของพวกหวังอวี่ทั้งสองคนนั้นง่ายมากก็คือต้องการให้สร้างโรงโม่น้ำของหมู่บ้านให้เสร็จก่อนเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วง
ฉินเหยากล่าวว่าไม่มีปัญหา เวลานั้นเพียงพอแน่นอน
“แล้วราคา…ลดให้ถูกลงหน่อยไม่ได้หรือ” หวังอวี่ถามหยั่งเชิง
ฉินเหยาทำหน้าลำบากใจ “ลดให้ไม่ได้จริงๆ อีกทั้งนี่เป็นเพียงราคาประเมิน สถานการณ์จริงยังต้องวิเคราะห์เพิ่มเติม แต่ในเมื่อพวกท่านตัดสินใจให้ข้าช่วยทำโรงโม่น้ำนี้แล้ว ข้ารับรองว่าจะต้องให้ผลลัพธ์ที่พวกท่านพอใจอย่างแน่นอน”
เมื่อพูดถึงขนาดนี้ ดูท่าว่าคงจะลดราคาไม่ได้แม้แต่เหวินเดียวแล้ว หวังอวี่จึงหันไปสบตากับลุงหวังที่มาด้วยกัน ก่อนจะถามฉินเหยาว่าตอนนี้มีเวลาว่างหรือไม่ หากว่างก็ไปดูทางน้ำที่หมู่บ้านเซี่ยเหอตอนนี้เลยดีไหม เพื่อจะได้กำหนดราคาสุดท้ายให้แน่ชัด ทุกคนจะได้มีหลักยึด
ฉินเหยาตอบรับอย่างยินดี “ได้เลย ข้าว่างพอดี พวกท่านนั่งเกวียนวัวมากันใช่หรือไม่”
สองคนพยักหน้า ทั้งสามคนจึงลุกขึ้นเตรียมเดินทางไปหมู่บ้านเซี่ยเหอทันที
หลิวจี้เดินตามออกมาโดยไม่รู้ตัว ช่วงหลายวันมานี้เขาคัดลอกตำราจนตาแทบจะบอดอยู่แล้ว ประตูบ้านก็ไม่ได้ก้าวออกไปแม้แต่ก้าวเดียว หากยังอยู่แบบนี้ต่อไป เขาคงเป็นบ้าแน่
อีกทั้งเขาไม่ได้เจอซุ่นจื่อมานาน หากยังไม่ออกไปพบเสียหน่อย เกรงว่าซุ่นจื่อจะลืมไปแล้วว่ายังมีพี่ชายคนนี้อยู่
ฉินเหยาเดิมทีไม่อยากให้เขาไป แต่คิดไปคิดมาจึงให้หลิวจี้ไปเรียกช่างไม้หลิวมาด้วยกันเสียเลย จะได้สำรวจสภาพพื้นที่ให้ชัดเจนในวันนี้ กลับมาจะได้วางแผนและเริ่มงานได้ทันที ประหยัดเวลาไปได้มาก
การจัดการงานของฉินเหยานั้นมีประสิทธิภาพจนพวกหวังอวี่ทั้งสองคนพอใจ แต่เดิมพวกเขายังคิดว่าการให้สตรีอย่างฉินเหยามาทำเรื่องนี้อาจไม่น่าไว้วางใจ ตอนนี้เห็นชัดแล้วว่าพวกเขาคิดมากไปเอง
ฉินเหยาจึงกำชับต้าหลางกับเอ้อร์หลางให้ดูแลเด็กเล็กสองคนที่บ้าน จากนั้นนางกับสามีและช่างไม้หลิวก็พากันนำเครื่องมือวัด กระดาษ พู่กัน และอุปกรณ์ต่างๆ ตามหวังอวี่ทั้งสองคนไปยังหมู่บ้านเซี่ยเหอด้วยเกวียนวัว
ตอนนั้นเป็นเวลาเที่ยงพอดี ที่ลำน้ำในหมู่บ้านเซี่ยเหอมีแต่เด็กโตที่กำลังอาบน้ำอยู่ริมแม่น้ำ พวกเขาเล่นน้ำอยู่ในแอ่งน้ำตื้นบริเวณตอนล่าง ข้างๆ ยังมีผู้ใหญ่มองดูอยู่ ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าจะจมน้ำ
เมื่อเห็นหวังอวี่พาคนจากหมู่บ้านตระกูลหลิวมา ชาวบ้านจึงพากันล้อมเข้ามาดูด้วยความสงสัย
เด็กโตที่เปลือยล่อนจ้อนเหล่านั้นล้อมพวกเขาไว้ตรงกลาง แต่ละคนผลัดกันถามว่า พวกนางมาทำอะไรกัน
ฉินเหยากำลังจะให้หลิวจี้หยิบกระดาษพู่กันที่เตรียมมาให้ ทว่าเมื่อหันกลับมา เขาก็หายตัวไปแล้ว ของในมือไม่รู้ถูกวางไว้กับหวังอวี่ตั้งแต่เมื่อไร
ฉินเหยาใช้นิ้วเท้าคิดก็คาดเดาได้ทันทีว่าเขาคงหนีไปหาซุ่นจื่อเพื่อทำเรื่องเกเรอีกแล้ว แต่นางยังมีแขกอยู่จึงไม่สะดวกแสดงอารมณ์ออกมา นางและช่างไม้หลิวจึงหยิบเครื่องมือเดินสำรวจสภาพลำน้ำบริเวณนี้แทน
แอ่งน้ำตื้นที่เด็กๆ อาบอยู่กับลำน้ำด้านบนมีความสูงต่างกันประมาณสองเมตรครึ่ง ลักษณะเป็นทางลาดเอียงด้านบนยังมีโขดหินยื่นออกมา น้ำไหลกระทบไม่แรงมากในวันปกติ
แถมพื้นที่แอ่งน้ำด้านล่างยังเล็กเกินไป ไม่สามารถวางกังหันน้ำขนาดใหญ่ได้ ฉินเหยากับช่างไม้หลิวจึงตัดจุดนี้ทิ้งแล้วเดินต่อไปด้านบนเพื่อหาทำเลที่เหมาะสมสำหรับสร้างโรงโม่น้ำต่อ
หมู่บ้านที่ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำทุกแห่ง มักจะล้อมพื้นที่ใกล้ลำน้ำให้เป็นบ่อเก็บน้ำเพื่อใช้ล้างผักและซักผ้า
บริเวณที่ปล่อยน้ำเข้าสู่บ่อ มีการขุดทางน้ำกว้างประมาณห้าสิบเซนติเมตร ลำน้ำที่กว้างกว่าสามเมตรถูกแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนที่ไหลเข้าทางน้ำนั้นมีปริมาณมาก เพราะช่องน้ำมีลักษณะแคบและลึก แรงดันน้ำจึงค่อนข้างแรง
สถานที่นี้ หากเข้าสู่ฤดูแล้ง เพียงแค่กั้นลำน้ำอีกฝั่งก็สามารถกักเก็บน้ำและไหลเข้าสู่ทางน้ำได้เองตามธรรมชาติ
ฉินเหยามองอยู่ครู่หนึ่ง นี่ช่างเป็นทำเลที่เหมาะสมยิ่งนัก!
ช่างไม้หลิวไม่รู้เรื่องพวกนี้มากนัก แต่สิ่งที่ฉินเหยาพูดเขายังพอเข้าใจ
ทั้งสองคนนั่งลงบนแท่นหินริมบ่อ ฉินเหยาหยิบกระดาษและพู่กันออกมา วาดแบบร่างโรงโม่น้ำคร่าวๆ ลงบนกระดาษ เพื่อให้แขกได้ดูง่ายขึ้น
พวกหวังอวี่ทั้งสองเข้ามาดู เปรียบเทียบภาพวาดกับสภาพพื้นที่ของบ่อ ภาพโรงโม่น้ำเริ่มปรากฏขึ้นในจินตนาการของพวกเขา
“ข้าคำนวณคร่าวๆ แล้ว ขนาดของบ่อนี้ใหญ่พอ ความลึกก็เหมาะสม ระดับน้ำลึกประมาณแปดสิบเซนติเมตร เพียงพอสำหรับวางกังหันน้ำแนวนอนที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางสามเมตรได้อย่างแน่นอน”
ฉินเหยาพูดพลางทำมืออธิบาย เพื่อให้หวังอวี่เข้าใจตำแหน่งการวางกังหันน้ำแนวนอน
“บ่อนี้ของพวกท่านมีขนาดใหญ่ ทำงานก่อสร้างได้สะดวก ขอแค่กั้นทางน้ำฝั่งนี้ไว้ก็เริ่มงานได้เลย”
“โรงโม่น้ำสามารถสร้างบนบ่อได้เลย โดยตอกเสาหลักทั้งสี่ด้านของบ่อ สร้างเป็นแท่นลอยขึ้นมา บ่ออยู่ข้างล่าง โรงโม่อยู่ด้านบน”
แต่ส่วนนี้นางไม่รับผิดชอบ ชาวบ้านเซี่ยเหอต้องเป็นคนสร้างตัวอาคารของโรงโม่เอง
พลังงานของกังหันน้ำแนวนอนนั้นแข็งแกร่งกว่ากังหันน้ำแนวตั้ง หากใช้กังหันน้ำแนวตั้ง ข้อกำหนดด้านภูมิประเทศจะไม่เข้มงวดมาก
แต่หากต้องการควบคุมโม่สองตัวพร้อมกันและหินบดอีกหนึ่งชุด พลังงานของกังหันน้ำแนวตั้งจะไม่เพียงพอ จำเป็นต้องใช้กังหันน้ำแนวนอนเท่านั้น
หวังอวี่ฟังคำอธิบายของฉินเหยาแล้วจึงสังเกตได้ว่ากังหันน้ำที่นางพูดถึงนั้นไม่เหมือนกับที่เขาเคยเห็นที่บ้านของฉินเหยา
“ฉินเหนียงจื่อ โรงโม่น้ำของหมู่บ้านเซี่ยเหอของเรากับโรงโม่น้ำที่บ้านเจ้ามันไม่เหมือนกันหรือ”
ฉินเหยารู้ว่าเขากังวลเรื่องผลลัพธ์ นางจึงกล่าวอย่างมั่นใจ “พวกท่านไม่ต้องกังวล กังหันน้ำนั้นมีหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับภูมิประเทศ ลำน้ำและกระแสน้ำ การเลือกใช้กังหันน้ำที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่จะทำให้สามารถใช้ประโยชน์ได้สูงสุด”
ได้ยินฉินเหยาพูดเช่นนี้ หวังอวี่ก็รู้สึกวางใจขึ้นมาก
เมื่อเลือกสถานที่ได้แล้ว หวังอวี่ถือโอกาสที่ยังมีเวลาอยู่ เชิญฉินเหยากับช่างไม้หลิวไปที่บ้านของตน แล้วเชิญเหล่าอาวุโสที่มีอิทธิพลในหมู่บ้านมาด้วย เพื่อปรึกษาหารือกันให้รอบด้าน
แบบแผนอยู่ในหัวของฉินเหยาแล้ว นางจึงวาดแผนผังง่ายๆ เพื่อให้ฝ่ายผู้ว่าจ้างเข้าใจ และแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าฝ่ายใดต้องรับผิดชอบส่วนใดบ้าง
ประการแรก นางและช่างไม้หลิวสามารถรับประกันได้เฉพาะกังหันน้ำ หินโม่ และหินบด โดยรวมทั้งค่าแรง ค่าวัสดุ และค่าติดตั้ง
ต่อมา ค่าก่อสร้างยังคงเป็นสิบห้าตำลึง ลดไม่ได้แม้แต่ตำลึงเดียว หากมีปัญหาอาจเกินงบประมาณไปบ้าง
แต่เพราะนี่เป็นความร่วมมือครั้งแรก ฉินเหยาจึงตั้งใจให้ราคาคนบ้านเดียวกัน
หากวันนี้หมู่บ้านเซี่ยเหอตกลงและจ่ายเงินมัดจำห้าตำลึง ค่าก่อสร้างก็จะคงอยู่ที่สิบห้าตำลึง ส่วนที่เกินนั้นนางจะรับผิดชอบเอง
สุดท้าย ตัวอาคารของโรงโม่ต้องให้ชาวบ้านเซี่ยเหอเป็นฝ่ายจัดการเอง นางจะให้แบบร่าง จากนั้นพวกเขาค่อยไปหาช่างมาสร้างขึ้นเอง
ช่างไม้หลิวยืนฟังเงียบๆ ไม่ว่าอะไรก็พยักหน้าเห็นด้วยกับฉินเหยา ทว่าเมื่อได้ยินราคาคนบ้านเดียวกันสิบห้าตำลึง เขากลับเบิกตากว้างขึ้นมาชั่วครู่
เขาทำงานไม้เองจึงรู้ดีว่าค่าไม้ทั้งหมดนั้นแค่สองสามตำลึงเท่านั้น
แต่เขาก็รีบเก็บอาการอย่างรวดเร็ว เพียงแค่ซุกมือเข้าไปในแขนเสื้อ พลางสั่นสะท้านเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้น
เมื่อมองดูชาวบ้านเซี่ยเหอ แม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกว่าแพง แต่ดูเหมือนจะถูกฉินเหยาชักจูงจนเชื่อว่า กังหันน้ำและหินโม่นี้ควรค่ากับเงินจำนวนนี้
เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจในใจ ช่างมีฝีมือในการพูดจาชักจูงคนจริงๆ