หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า - บทที่ 95 ความลับ
บทที่ 95 ความลับ
บทที่ 95 ความลับ
เฉิงฮ่าวอยู่ในแวดวงธุรกิจมาหลายปีแล้ว เขาเป็นคนช่างคิดและเฉลียวฉลาด จากการสอบถามของโจวอี้ เขาก็เริ่มตระหนักได้อย่างชัดเจนว่าตนเองกำลังตกอยู่ในหัวข้อการสนทนาบางอย่างของชายหนุ่มคนนี้
พูดให้ถูกก็คือ เขาได้ถูกโน้มน้าวให้พูดถึงการทำลายโลกศิลปะการต่อสู้โบราณ
นี่มัน…
เป็นจุดประสงค์ที่วันนี้โจวอี้มาหาเขาใช่หรือไม่?
เฉิงฮ่าวลอบสังเกตท่าทีของโจวอี้เงียบ ๆ และเริ่มต้นเล่าออกมาว่า “เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ตระกูลโจวในมณฑลเสฉวนถูกสังหารโดยกองกำลังลึกลับอันทรงพลัง คนในตระกูลโดนสังหารไปมากกว่าร้อยคน ส่วนเมื่อแปดปีที่แล้ว ตระกูลจางทางเหนือของมณฑลเจียงซูก็ถูกกองกำลังลึกลับสังหาร คร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่าสี่สิบคนจากทั้งตระกูล”
ตระกูลโจว?
และตระกูลจาง?
สองตระกูลนี้ถูกฆ่าตาย ทั้งสองตระกูลนี้มีความสัมพันธ์พิเศษเกี่ยวข้องกันหรือไม่?
กองกำลังที่ฆ่าทั้งสองตระกูลใช่กองกำลังเดียวกันหรือไม่? หรือมีสองกองกำลัง?
โจวอี้ขมวดคิ้วและครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะถามต่อว่า “พี่เฉิง สองตระกูลนี้ถูกทำลายไปแล้ว มีข่าวลืออะไรในโลกศิลปะการต่อสู้โบราณไหม?”
“มี!”
“ข่าวลืออะไร?”
“เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว ว่ากันว่าโจวหงหลู่ ผู้นำของตระกูลโจวได้หนังสือเกี่ยวกับวิธีการฝึกฝนมาโดยบังเอิญ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นหนังสือเกี่ยวกับวิธีการฝึกฝนโดยผู้ฝึกตนในตำนาน มันจึงถูกกองกำลังลึกลับขโมยไป ตระกูลโจวทั้งหมดถูกสังหาร” เฉิงฮ่าวกล่าว
“ผู้ฝึกตน? มันคืออะไร?”
“คุณเคยอ่านนิยายหรือดูละครโทรทัศน์เรื่องเทพเซียนบ้างไหม?”
“ผมไม่ได้อ่านนิยาย แต่เคยดูละครโทรทัศน์” โจวอี้แสดงท่าทางประหลาดและบ่นพึมพำ “พล็อตในละครทีวีเรื่องเทพเซียนมีจริงเหรอ? มีคนผู้ฝึกฝนและเป็นอมตะเหรอ?”
“ไม่รู้สิ มันเป็นแค่ตำนาน” เฉิงฮ่าวส่ายหัว
“แล้วตระกูลจางล่ะ ทำไมตระกูลจางถึงถูกทำลาย?”
“ว่ากันว่ามีผู้รอดชีวิตในตระกูลโจวอยู่ ดังนั้นพวกเขาจึงซ่อนตัวอยู่กับตระกูลจาง นี่เป็นข่าวจากสมาชิกที่ยังมีชีวิตอยู่ของตระกูลจาง แต่ไม่นานหลังจากที่ข่าวออกมา ตระกูลจางก็หายตัวไปอย่างลึกลับ บางทีอาจถูกพบตัวและโดนกลุ่มคนลึกลับสังหารไปแล้วก็ได้”
“แค่นั้นน่ะเหรอ?” โจวอี้ถาม
“นั่นคือทั้งหมดที่ผมรู้ หากคุณต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม คุณสามารถไปที่ตลาดมืดเพื่อซื้อข้อมูลเฉพาะเกี่ยวกับเรื่องของทั้งสองตระกูลที่ถูกกำจัด แต่…” เฉิงฮ่าวลังเล
“แต่อะไร?”
“ผมแนะนำว่าอย่าซื้อข่าว เพราะไม่มีใครรู้ว่ามีกองกำลังลึกลับที่ฆ่าสองตระกูลแอบแฝงตัวอยู่ในนั้นไหม พวกเขากำลังติดตามสถานการณ์ของตลาดมืดในโลกศิลปะการต่อสู้โบราณอยู่เหมือนกัน”
“ความหมายของคุณคือ อย่าหาเรื่องใส่ตัว?” โจวอี้ถามอย่างลังเล
“ถูกต้อง” เฉิงฮ่าวพยักหน้า
จิตใจของโจวอี้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
เขารู้สึกว่าเฉิงฮ่าวพูดถูก
หากข่าวลือของเฉิงฮ่าวเป็นความจริงก็พิสูจน์ได้ว่าคนลึกลับที่ฆ่าตระกูลโจวกำลังมองหาปลาที่หลบหนีจากตระกูลโจว พวกเขาค้นหาอย่างลับ ๆ มานานกว่าสิบปีแล้ว ในที่สุด พวกเขาก็พบว่าคนในตระกูลโจวซ่อนตัวอยู่ในตระกูลจางจึงสังหารตระกูลจางไปด้วยซะ
พวกเขาสามารถตามหาได้นานกว่าสิบปีหรืออาจจะยี่สิบปี
และในช่วงหลายปีที่ผ่านมาพวกเขาไม่ประสบความสำเร็จในบางสิ่ง ดังนั้นพวกเขาจึงไล่ตามมันอย่างไม่ลดละ
ตัวอย่างเช่นที่เฉิงฮ่าวกล่าวถึง ‘คัมภีร์ฝึกตน’
โจวอี้ต้องการค้นหาประวัติชีวิตของเขาว่าเขาเกี่ยวข้องกับตระกูลโจวนั้นหรือไม่
หากว่าไม่ เขาก็ไม่เกี่ยวอะไรกับการที่ตระกูลโจวถูกทำลาย
“พี่เฉิง เนื่องจากคุณเป็นนักศิลปะการต่อสู้แบบโบราณ คุณจึงเป็นผู้สืบทอดตระกูล? หรือคุณเป็นศิษย์นอกสำนัก?” โจวอี้ถามด้วยความสงสัย
“ไม่ ผมเป็นผู้บ่มเพาะอิสระ” เฉิงฮ่าวหัวเราะ
“บ่มเพาะอิสระ?”
“การฝึกฝนอย่างอิสระหมายถึงไม่มีสำนัก และไม่ใช่ศิษย์ของตระกูลศิลปะการต่อสู้โบราณ แต่เป็นคนที่มีโอกาสฝึกฝนศิลปะการต่อสู้โดยบังเอิญ และได้ลงมือบนเส้นทางของศิลปะการต่อสู้โบราณตั้งแต่นั้นมา” เฉิงฮ่าวอธิบาย
โจวอี้ตกตะลึงในทันใด จากนั้นเขาก็หยิบขวดหยกออกมายื่นให้เฉิงฮ่าวและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อันที่จริง จุดประสงค์ที่ผมมาหาคุณในคืนนี้คือการมอบสิ่งนี้ให้คุณต่างหาก”
“นี่คืออะไร?”
“ยาชำระไขกระดูก” โจวอี้กล่าว
“…”
เฉิงฮ่าวมองโจวอี้ด้วยความประหลาดใจ
ในฐานะผู้ฝึกฝนทั่วไป ครั้งหนึ่งเขาเคยซื้อยาชำระไขกระดูกหลายสิบขวดผ่านช่องทางตลาดมืด หลังจากรับประทานแล้ว มันสามารถชำระล้างเส้นลมปราณ ทำให้ร่างกายของเขาดีขึ้นอย่างมาก
แต่ทำไมโจวอี้ต้องให้ยาชำระไขกระดูกกับเขาด้วย?
ฉันไม่ได้ขาดแคลนมันนะ!
“พี่เฉิง ผมจะกลับแล้ว” โจวอี้หันหลังและเดินออกไปข้างนอกโดยไม่สังเกตสีหน้าของอีกฝ่าย
“ให้ผมไปส่งไหม” เฉิงฮ่าวถามขณะถือขวดหยกไว้ด้วยความงุนงง
“ไม่เป็นไรครับ” โจวอี้โบกมือส่งท้ายให้เฉิงฮ่าว
กระทั่งเวลาผ่านไปชั่วครู่
เฉิงฮ่าวกลับบ้านมาพร้อมยาชำระไขกระดูก เขาอาบน้ำชำระล้างกายให้สบายตัว และเปลี่ยนมาใส่ชุดนอน ชายหนุ่มพบว่าภรรยาตนเองเข้านอนเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจึงเตรียมตัวจะเข้านอนบ้าง แต่ก็ยังคงพึมพำกับตัวเองด้วยความสงสัย
“น้องโจวมีไอคิวสูง ในเมื่อเขารู้ว่าฉันเป็นนักศิลปะการต่อสู้แบบโบราณ แต่ทำไมเขาถึงต้องให้ยาชำระไขกระดูกกับฉันด้วยล่ะ?”
“เขาเป็นลูกศิษย์ของสำนักโอสถ คุณภาพของยาชำระไขกระดูกที่เขาให้มาอาจมีคุณภาพสูง?”
“งั้น … ลองดูดีกว่า”
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เฉิงฮ่าวก็ออกจากห้องนอนไปทันทีและไปที่โรงยิมอย่างฉับไว
เเขานั่งคุกเข่าและเริ่มฝึกฝนปราณแก่นแท้ในร่างกายของเขา
ไม่กี่นาทีต่อมา
เฉิงฮ่าวก็ตระหนักถึงปัญหา
เขารู้สึกคันไปทั่วตัวราวกับว่ามีแมลงตัวเล็ก ๆ นับไม่ถ้วนคืบคลานอยู่ในร่างกาย และลมหายใจเย็น ๆ ก็ดูเหมือนจะพ่นผ่านออกมาทางรูขุมขน
เขาได้กลิ่นคาวปลาทีละน้อย
เขาลืมตาขึ้นก้มหน้ามองแขนและหน้าอกของตน ทันใดนั้นก็เห็นว่ามีสารสีเทาและสีดำล้นทะลักออกมาจากรูขุมขน แหล่งที่มาของกลิ่นก็คือสารหนืดสีเทาและสีดำเหล่านี้
“ยาชำระไขกระดูกนี้…”
หัวใจของเฉิงฮ่าวเต้นเร็วขึ้น เขาหลับตาอีกครั้งและทำทุกอย่างเพื่อย่อยสลายยาที่มีอยู่ในร่างกาย
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา เมื่อเขารู้สึกว่าพลังของยาชำระไขกระดูกหมดลง เขาก็ลืมตาขึ้นอีกครั้งและเห็นว่าผิวหนังของเขาถูกปกคลุมด้วยชั้นของสารหนืดสีเทาและสีดำ ซึ่งเป็นสิ่งเจือปนที่ถูกขับออกจากร่างกาย
“หลังจากที่เคยใช้ยาชำระไขกระดูกมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหนที่ดีเท่าครั้งนี้เลย”
“นี่มันเป็นสมบัติล้ำค่าจริง ๆ!”
“สำนักโอสถ…สุดยอดมาก!”
ย่านช็องเซลิเซ่ ลานติง วิลล่า
เมื่อโจวอี้กลับมาถึงบ้าน เขาพบบัตรคอนเสิร์ตสองใบบนโต๊ะน้ำชาในห้องนั่งเล่น
เขาหยิบมันขึ้นมาดูแล้ววางลง
เมื่อเร็ว ๆ นี้เขาเรียนรู้ที่จะท่องอินเทอร์เน็ตบนโทรศัพท์มือถือ และใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อค้นหาข้อมูล ดังนั้นเขาจึงให้ความสนใจกับข่าวในวงการบันเทิงและได้เห็นข้อมูลประจำตัวของอู๋หมิ่นหรูด้วย
อู๋หมิ่นหรูมีชื่อเสียงมาหลายปี ในบรรดานักร้องหญิงในโลกดนตรีแบบนี้ มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถแข่งขันกับอู๋หมิ่นหรูได้
ทุกครั้งที่เธอจัดคอนเสิร์ต ตั๋วจะถูกแฟน ๆ ซื้อจนหมด แม้ว่าตั๋วใบเดียวจะหาซื้อได้ยากก็ตาม
ว่ากันว่าถ้าอู๋หมิ่นหรู่โต้ตอบกับดาราหญิงบนบล็อกของเธอ ยอดการเข้าชมของดาราหญิงคนนั้นจะเพิ่มขึ้นและดึงดูดความสนใจของผู้คนมากขึ้น ถ้าถังหว่านกลายเป็นนักร้องรับเชิญในคอนเสิร์ตของเธอ ก็อาจจะได้ขึ้นอันดับการค้นหาและกลายเป็นคนดังเปรี้ยงปร้างยิ่งกว่าเดิม
“ดูเหมือนว่าฉันจะช่วยถังหว่านได้จริง ๆ”
“นี่ถือเป็นการช่วยเหลือโดยไม่ได้ตั้งใจ!”