หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 154-2 งานฉลองวันเกิด บทเรียนสั่งสอน
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 154-2 งานฉลองวันเกิด บทเรียนสั่งสอน
ตอนที่ 154-2 งานฉลองวันเกิด บทเรียนสั่งสอน
กัวมามาเอ่ยเสียงนุ่มนวลว่า “นี่เป็นแมวของฮูหยินบ้านข้า ไม่ต้องเป็นห่วง ฮูหยินบ้านข้าไม่โกรธหรอก ฮูหยินเป็นคนจิตใจดีมาก” พูดจบก็หันไป กระซิบบอกคณะของเฉียวเวยที่ตามเข้ามาว่า “นางตายแน่!”
มุมปากเฉียวเวยพลันกระตุก
“อ๊า! อะไรกันนี่!” จู่ๆ เสี่ยวลิ่วก็สะบัดมือพลางร้องเสียงดังขึ้นมา
กัวมามามองปลายนิ้วอีกฝ่ายที่มีเลือดออก แล้วมองดอกไม้ที่เขาทำเสียหายก่อนจะระบายยิ้มอ่อนหวานออกมา “นี่เป็นดอกไม้ที่ฮูหยินบ้านข้าปลูก ไม่ต้องเป็นห่วง ฮูหยินบ้านข้าไม่โกรธหรอก ฮูหยินเป็นคนใจดีมาก”
เสี่ยวลิ่ว “…”
คนอื่นๆ “…”
พอกัวมามาไปแล้ว เฉียวเวยเอากล่องเครื่องมือเครื่องใช้ของตนไปวางบนโต๊ะ แล้วหันไปเอ่ยกับเถ้าแก่หรงว่า “งานนี้เจ้าเป็นคนรับ หากเกิดเรื่องอะไรขึ้น ให้ไปคิดบัญชีที่เจ้านะ!”
เถ้าแก่หรงทำคอหด คนที่มาเจรจาเรื่องงานนี้กับเขาไม่ใช่ผู้หญิงคนนี้นี่? เป็นบุรุษอีกคนที่ใจดีมาก
เมื่อวาน เฉียวเวยได้หารือเรื่องรายการอาหารกับพ่อครัวเหมยและพ่อครัวเหอแล้ว แต่ละคนรู้ว่าตนเองต้องทำอะไร จึงไม่จำเป็นต้องให้เฉียวเวยสั่ง ไปเริ่มทำงานของตนเองได้ทันที
พวกเหยาชิงอีกสามคนไปฆ่าไก่ฆ่าห่านที่เรือนหลัง เฉียวเวยเอาผักตะกร้าหนึ่งไปล้างที่เรือนหน้า
เรือนหน้าอยู่ในตำแหน่งที่ดี ตั้งอยู่ตรงข้ามกับสวนดอกไม้เล็กๆ ตรงกลางสวนดอกไม้มีดอกไม้ที่เฉียวเวยเรียกชื่อไม่ถูกบานอยู่เต็มไปหมด พอมีลมเอื่อยๆ พัดมา ก็พากลิ่นหอมของดอกไม้ลอยตามมาด้วย
เฉียวเวยกำลังล้างอยู่ คณะลูกศิษย์ของซู่ซินจงก็มา พวกเขาเดินผ่านสวนดอกไม้เล็กๆ แห่งนั้น เฉียวเวยมีตะกร้าผักใบเขื่องบังอยู่ พวกเขาจึงมองไม่เห็นนาง แต่เฉียวเวยกลับเห็นพวกเขา
ศิษย์น้องหญิงดูจะเป็นที่รักใคร่เอ็นดูของคณะ หัวเราะคิกคักพูดคุยอยู่กับทุกคน แหย่ให้ทุกคนหัวเราะจนท้องแข็ง ไม่ว่าศิษย์ชายหรือศิษย์หญิง สายตาที่ใช้มองศิษย์น้องล้วนเต็มไปด้วยความเอ็นดูและอ่อนโยน
ศิษย์น้องหญิงเดินไปกระโดดไป เป็นแม่นางน้อยที่ร่าเริงสดใสมากทีเดียว
ไม่รู้เพราะเหตุใด เฉียวเวยจึงคิดถึงตัวหลัวหมิงจูขึ้นมา เด็กคนนั้นก็มีนิสัยไม่อยู่ในระเบียบแบบแผนเช่นกัน แต่ที่ต่างกันคือ ตัวหลัวหมิงจูมักไม่เป็นที่ชื่นชอบ ส่วนศิษย์น้องหญิงกลับเป็นที่หลงใหล
เป็นที่น่าหลงใหล หึ
เฉียวเวยดึงหัวผักทิ้งได้ในทีเดียว
พอพูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา
ตัวหลัวหมิงจูเองก็มาที่สวนดอกไม้เช่นกัน ศิษย์น้องหญิงหันหน้ามาหาศิษย์พี่หญิงกับศิษย์พี่ชาย พูดคุยเล่นหัวกันพลางเดินถอยหลัง เลยตกใจเมื่อเดินชนกับตัวหลัวหมิงจูที่สวนมาตรงทางแยกเข้าพอดี
รองเท้าของตัวหลัวหมิงจูถูกเหยียบจนเปรอะเปื้อน นางจึงร้องเสียงแหลมขึ้นมาทันที “โอ๊ย! ใครเนี่ย”
เฉียวเวยเลิกคิ้ว ตัวหลัวหมิงจูผู้นี้เป็นดั่งชนวนระเบิด พอจุดถูกหน่อยก็ไฟลุกทันที จึ๊ ศิษย์น้องหญิงตายแน่
“ขอโทษที เมื่อครู่ข้าเดินไม่ได้ดูทาง เหยียบถูกเจ้าแล้วกระมัง” ศิษย์น้องหญิงเอ่ยด้วยความรู้สึกผิด
ตัวหลัวหมิงจูปัดรองเท้า “ไม่เป็นไร เจ้าก็ไม่ได้ตั้งใจ ข้าชื่อตัวหลัวหมิงจู เป็นบุตรสาวจวนแม่ทัพ เจ้าเล่าเป็นใคร”
ศิษย์น้องหญิงเอ่ยเสียงหวานว่า “ข้าชื่อมู่หลีเย่ว์ ข้าเป็นหลานสาวสายนอกของผังไท่ซือ”
“อ๋อ เจ้าก็คือศิษย์น้องหญิงของหลี่อวี้นี่เอง!”
“เจ้ารู้จักศิษย์พี่เก้าของข้าหรือ”
“เจ้าสารเลวนั่นข้าย่อมรู้จักอยู่แล้ว!”
สองคนนี้แค่นี้ก็สนิทสนมกันแล้วหรือ!
เฉียวเวยล้างผักเสร็จก็เริ่มขัดปู ขัดแรงมากเสียด้วย!
ครู่หนึ่ง จีหว่านก็เดินมา
ซื่อจื่อฮูหยินมีนิสัยเย่อหยิ่งไม่เห็นหัวผู้ใด นางรู้สึกว่าสตรีทั้งใต้หล้าไม่มีผู้ใดคู่ควรกับน้องชายของนางสักคน คุณหนูจากสำนักในยุทธภพคนหนึ่ง เกรงว่าคงจะไม่เข้าตานางกระมัง
ซื่อจื่อฮูหยินจะต้องไม่ชอบนางแน่!
“คุณหนูตัวหลัว ผู้นี้เป็นใครหรือ” จีหว่านถาม
ตัวหลัวหมิงจูจับมือศิษย์น้องหญิงขณะเอ่ยว่า “ผู้นี้คือศิษย์น้องหญิงของหลี่อวี้!”
จีหว่านมองคนที่ถูกแนะนำ “ศิษย์น้องหญิงของหลี่อวี้ ถ้าเช่นนี้ก็เป็นศิษย์น้องหญิงของน้องชายข้าด้วยสิ”
ศิษย์น้องหญิงอึ้งไป “ท่านคือ… พี่สาวของศิษย์พี่สี่”
“เรียกพี่หว่านสิ”
“พี่หว่าน!” ศิษย์น้องหญิงเอ่ยเรียกเสียงหวาน
จีหว่านระบายยิ้มเอ็นดู “น่ารักจริงๆ”
แม้แต่สตรีที่ไม่ชอบยุ่มย่ามกับใครอย่างนางยังชอบศิษย์น้องหญิง!
จิตใจของเฉียวเวยได้รับความกระทบกระเทือนอย่างแสนสาหัส
เฉียวเวยยกผักสดกับปูที่ล้างสะอาดแล้วกลับไปยังห้องครัว ตอนหลังพอคนจากหรงจี้มาเห็นก็คิดในใจว่า วันนี้เถ้าแก่รองล้างผักสะอาดมาก! โดยเฉพาะปู เปลือกแทบจะขัดจนผิวลอกไปชั้นหนึ่ง เรียกได้ว่าเปลือกบางเนื้อแน่นมากทีเดียว
“พี่เฉียว เต้าหู้นี่ให้หั่นอย่างไรดี” เหยาชิงถาม
เฉียวเวยคิดแล้วตอบว่า “หั่นเป็นลูกเต๋าก็แล้วกัน”
“ได้” เหยาชิงจะไปหยิบมีด
“ช่างเถิด ข้าทำเอง” เฉียวเวยเปิดกล่องเครื่องไม้เครื่องมือ แล้วหยิบมีดของตนออกมาหั่นฉับๆๆ ไม่กี่ที ก็หั่นเต้าหู้ก้อนใหญ่จนเรียบร้อย
ทุกคนได้แต่มองจนตาโตอ้าปากค้าง
พ่อครัวเหอหยิบเอาไก่ที่ลูกศิษย์ล้างสะอาดแล้วไป กำลังจะยกมีดขึ้นสับ เฉียวเวยก็เอ่ยว่า “เอามาให้ข้าเถิด”
พ่อครัวเหอเหลือบมองทุกคน ทุกคนพากันส่งสายตาให้เขา พ่อครัวเหอจึงส่งไก่ไปให้
เฉียวเวยหยิบมีดสับขึ้นมา ปักๆๆๆ สับไก่ออกเป็นส่วนๆ
เฉียวเวย “ห่าน”
ห่านที่ล้างสะอาดแล้วถูกส่งมา
“เป็ด”
เป็ดที่ล้างสะอาดแล้วถูกส่งมา
“ซี่โครง!”
“ขาหมู!”
“ซี่โครงแพะ!”
“กระดูกวัว!”
“…”
ผักที่ต้องสับทั้งหมด เฉียวเวยเป็นคนเอาไปสับเองทั้งหมด
ทุกคนหันมองหน้ากัน แล้วพากันถอยออกไปอย่างพร้อมเพรียง
วันนี้เถ้าแก่รองกินรังแตนเข้าไปหรือไร ช่างน่ากลัวอะไรอย่างนี้
“ขอโทษนะ ข้าเข้าไปได้หรือไม่” ตรงหน้าประตู ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่มีแม่นางน้อยในอาภรณ์สีขาวพลิ้วมายืนอยู่ แม่นางน้อยมองดูแล้วอายุสิบห้าสิบหกปีเห็นจะได้ ดวงตารูปหงส์ ปากนิดจมูกหน่อย ระบายยิ้มออกมามีลักยิ้มเข้มลึกทั้งสองข้าง น่ารักน่าเอ็นดูยิ่งนัก
รูปโฉมของนางอาจไม่ถึงขั้นงามเลิศในปฐพี แต่รัศมีที่เปล่งประกายออกมากลับทำให้โลกทั้งใบดูมีชีวิตชีวายิ่งนัก
สตรีสาวเช่นนี้ ไม่มีใครกล้าปฏิเสธสิ่งที่นางร้องขอได้
เถ้าแก่หรงยิ้มตอบว่า “ได้สิๆ เพียงแต่… ในห้องครัวมีควันกับน้ำมันมาก เกรงจะทำให้เสื้อผ้าอาภรณ์ของคุณหนูสกปรกเสีย”
ศิษย์น้องหญิงยิ้มกว้างทันที “ข้าไม่กลัว”
นางยิ้มแล้วน่ามองยิ่งนัก ใจทุกคนพลันอ่อนยวบไปหมด
เฉียวเวยสับปักลงบนกระดูกวัว เสียงที่ดังสนั่นทำให้ฟองอากาศสีชมพูที่อยู่รอบตัวทุกคนพลันแตกสลาย ทุกคนหลุดออกจากภวังค์ กลับไปยังตำแหน่งหน้าที่ของตนเองอย่างเคร่งครัดดังเก่า
ศิษย์น้องหญิงเดินเข้าไปหาเฉียวเวย ยิ้มกริ่มเอ่ยว่า “เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย? เช่นนั้นเมื่อครู่ข้าก็ไม่ได้จำคนผิดน่ะสิ”
มือที่จับมีดอยู่ของเฉียวเวยชะงักไปแล้วระบายยิ้มกว้าง “ขอโทษด้วย ทำให้คุณหนูมู่ผิดหวังแล้ว ข้าเป็นเพียงบ่าวคนหนึ่ง”
ศิษย์น้องหญิงเอ่ยด้วยความตกใจ “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าแซ่มู่ ใช่ศิษย์พี่เป็นคนบอกเจ้าหรือไม่”
เมื่อครู่ข้าได้ยินเจ้าพูดเองกับปากหรอก!
เฉียวเวยเอากระดูกวัวที่หั่นเสร็จแล้วใส่ลงในถาด แล้วเอาปลากะพงตัวอวบอ้วนมาแล่เป็นชิ้นๆ ไม่ได้สนใจศิษย์น้องหญิงผู้นั้น
ศิษย์น้องหญิงก็ไม่ว่าอะไร เดินตามติดนางราวกับเป็นหางเสียอย่างนั้น นางเอ่ยเสียงเบาและอ่อนนุ่มว่า “ข้าได้ยินพวกนางเรียกเจ้าว่าพี่เฉียว เจ้าอายุมากกว่าข้า ข้าก็เรียกเจ้าว่าพี่เฉียวก็แล้วกัน”
เฉียวเวยบีบนิ้วมือที่กำมีดอยู่ “ใครบอกว่าข้าอายุมากกว่าเจ้า เจ้าเห็นว่าหน้าข้าแก่กว่าเจ้ามากงั้นหรือ”
จะว่าก็ว่าเถอะ เฉียวเวยมีใบหน้าที่โกงอายุ มองอายุจริงจากหน้านางไม่ออกเลยจริงๆ เพียงแต่อุปนิสัยนางสงบนิ่งเกินไป จึงไม่เหมือนเด็กสาวที่ไม่เข้าใจความเป็นไปของโลกหล้า
ศิษย์น้องหญิงถูก “ตะคอก” จนอึ้งงันไป นางตั้งสติแล้วเอ่ยเสียงอ่อนว่า “เจ้าอย่าเพิ่งโกรธ ข้าไม่เรียกเจ้าว่าพี่เฉียวก็แล้วกัน ข้าเรียกเจ้าว่าแม่นางเฉียวดีหรือไม่”
เฉียวเวยแล่ปลาเป็นชิ้นๆ ต่อไป
“ฝีมือการใช้มีดของเจ้ายอดเยี่ยมจริงๆ” ศิษย์น้องหญิงเอ่ยชม
ข้ารู้!
ไม่ต้องให้เจ้าบอก!
เฉียวเวยตอบเรียบๆ ว่า “มีดดาบไร้ดวงตา คุณหนูมู่หากไม่มีธุระอะไรก็ออกไปเล่นข้างนอกเถิด หากข้าไม่ทันระวังเดี๋ยวจะทำเจ้าบาดเจ็บได้ แม่ครัวตัวเล็กๆ อย่างข้าต่อให้เอาชีวิตและทรัพย์สินทั้งหมดมาก็ยังชดใช้ได้ไม่พอเลย”
“ข้ามีธุระนี่” ศิษย์น้องหญิงเอ่ยเบาๆ “ข้ามาเรียนทำอาหาร”
เฉียวเวยเอ่ยกลั้วหัวเราะคล้ายเหน็บแนมว่า “คุณหนูตระกูลใหญ่ต้องลงครัวเองกับเขาด้วยหรือ อ้อ ข้าลืมไป เจ้าเป็นคนของซู่ซินจง เป็นบุตรสาวแห่งยุทธภพ คิดว่าคงไม่มีกฎระเบียบมากมายเพียงนั้น”
ศิษย์น้องหญิงไม่เข้าใจประเด็นที่เฉียวเวยต้องการจะบอกสักนิด “เจ้าก็รู้สึกว่ากฎระเบียบในจวนไท่ซือมีเต็มไปหมดเลยใช่หรือไม่ ดังนั้นข้าถึงไม่อยู่ในจวนไท่ซืออย่างไร ไม่ชินเอาเสียเลย”
เฉียวเวยหั่นปลาด้วยความหงุดหงิด
คนโง่ยังดูออกว่าเฉียวเวยไม่อยากสุงสิงกับศิษย์น้องหญิงจริงๆ คนของหรงจี้ยังพากันรู้สึกประดักประเดิดแทนศิษย์น้องหญิง แต่ศิษย์น้องหญิงกลับไม่รู้ตัวสักนิด ยังคงรั้นจะพูดต่อว่า “ฝีมือการทำอาหารของเจ้าดีเยี่ยมเพียงนี้ เจ้าสอนข้าก็แล้วกัน เดี๋ยวศิษย์พี่ของข้าจะมาแล้ว ข้าอยากทำอาหารให้เขากินสักหน่อย”
เฉียวเวยตัดหัวปลาทิ้งอย่างดุดัน “หากเจ้าทำแล้ว ยังต้องให้พ่อครัวแม่ครัวอย่างพวกเราทำอีกทำไม”
เถ้าแก่หรงยังรู้สึกเจ็บแทนปลา เขารู้สึกว่าที่สับลงไปเมื่อครู่ไม่ได้สับลงตรงหัวปลา แต่สับเข้าที่คอของตน เขาหันมองไปยังคนอื่นๆ ทุกคนก็หันมามองทางเขา แล้วเอามือลูบคอตัวเองพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
ศิษย์น้องหญิงไม่รู้สึกอะไรสักนิด นางถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “ข้าก็ไม่ได้อยากทำนี่ แต่ศิษย์พี่ของข้าจะมา”
เฉียวเวยชะงักไป “ศิษย์พี่…คนไหนของเจ้า”
ศิษย์น้องหญิงเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ก็คนที่เจ้ารู้จักนั่นอย่างไร!”
เฉียวเวยจับด้ามมีดไว้มั่น เอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นปกติว่า “ข้าได้ยินว่าเขาไม่ชอบร่วมงานเลี้ยงประเภทนี้”
“ก็ใช่น่ะสิ งานฉลองวันเกิดของไท่จื่อเขายังไม่ไปเลย แต่งานเลี้ยงวันเกิดท่านตาของข้า เขาจะต้องมาแน่ ก็เขาเป็นศิษย์พี่ของข้านี่! เขาเอ็นดูข้าที่สุดแล้ว!” ศิษย์น้องหญิงเอ่ยด้วยความภูมิใจอย่างยากจะปกปิด
แม่นางคนนี้ตั้งใจหรือไม่กันแน่นี่ เหตุใดแต่ละประโยคถึงที่ทิ่มแทงจนทำนางอยากจะบ้าเช่นนี้
“เขามาเจ้าก็จะลงครัวเองงั้นหรือ” เฉียวเวยคล้ายถามไปเรื่อยเปื่อย
ศิษย์น้องหญิงเอ่ยด้วยความหนักใจ “เดิมทีก็ไม่ต้องหรอก แต่ท่านแม่ข้าบอกว่าท่านตาอยากจับข้าหมั้นหมายกับศิษย์พี่สี่ ให้ข้ามาทำอาหาร จะได้ทำให้ศิษย์พี่สี่ชื่นชอบ เฮ่อ ข้าก็ว่าเหตุใดพวกเขาถึงเห็นดีเห็นงามให้ข้าลงจากเขามาได้”
ปัก!
เฉียวเวยสับหัวปลาตัวที่สองจนขาด
คนในครัวตกใจจนจะไม่มีปลาตัวที่สามแล้ว
“ท่านตาเจ้า จะให้เจ้า หมั้นหมายกับศิษย์พี่ของเจ้า” เฉียวเวยเอ่ยถามเว้นจังหวะทีละคำ
ศิษย์น้องหญิงตอบอย่างใสซื่อว่า “ท่านแม่ข้ากล่าวเช่นนี้”
เฉียวเวยคลี่ยิ้ม “ท่านตาเจ้าไม่รู้หรือว่าศิษย์พี่ของเจ้ามีคู่หมั้นคู่หมายอยู่แล้ว”
“เจ้าหมายถึงบุตรสาวจวนเอินปั๋วหรือ ศิษย์พี่ข้ายกเลิกการหมั้นหมายกับพวกเขาไปแล้ว ก่อนหน้านี้เป็นคุณหนูใหญ่จวนเอินปั๋ว จากนั้นเป็นคุณหนูรองจวนเอินปั๋ว ตอนนี้ไม่มีแล้ว!” ศิษย์น้องหญิงกางมือออก
เฉียวเวยกระตุกมุมปากเล็กน้อย “ศิษย์พี่ของเจ้าเพียงเอาหนังสือขอหมั้นกลับไปจากจวนเอินปั๋ว ไม่ได้บอกว่าจะยกเลิก”
ศิษย์น้องหญิงไม่เข้าใจ “หากไม่ยกเลิก เหตุใดถึงต้องเอาหนังสือขอหมั้นกลับไปด้วย หนังสือขอหมั้นเดิมทีควรจะเก็บไว้กับฝ่ายหญิงไม่ใช่หรือ”
อยู่ในมือข้าย่ะ!
… อยู่ที่ก้นสระย่ะ
เฉียวเวยกัดฟันแน่น
ศิษย์น้องหญิงถอนหายใจอีกครั้งหนึ่ง “ข้าเห็นศิษย์พี่เป็นพี่ชายมาตลอด ข้ายังคิดว่าศิษย์พี่จะหาศิษย์พี่สะใภ้มาให้ข้าเสียอีก”
คำพูดนี้ น่าตีเสียยิ่งกว่าที่เฉียวอวี้ซีบอกว่าหมิงซิวเป็นของข้า คนบ้านนอกอย่างเจ้าไสหัวไปให้ไกลเท่าไรยิ่งดีเสียอีก
พูดเช่นนี้คล้ายกำลังพูดว่า ‘เธอสอบติดสักมหาวิทยาลัยหรือยัง อ้อ ฉันสอบติดชิงหวา[1]แล้ว อันที่จริงฉันไม่ได้อยากเข้าชิงหวาสักนิด แต่ชิงหวาจะรับฉันให้ได้ ฉันก็ไม่รู้จะทำอย่างไร!’
ฮา!
เฉียวเวยสับๆๆๆ!
ศิษย์น้องหญิงมองมีดของนางด้วยสายตาแปลกๆ “เจ้าไม่ได้จะเอาปลามาแล่เป็นชิ้นๆ หรือ เหตุใดถึงสับเสียเละเลยเล่า”
เฉียวเวยยิ้มแต่ปาก “ข้าเปลี่ยนใจแล้ว วันนี้จะทำหัวปลาราดพริกแทน”
ศิษย์น้องหญิงจึงเอ่ยว่า “ศิษย์พี่ก็ชอบกินปลา”
อย่าเอาแต่พูดถึงศิษย์พี่ของเจ้าอยู่นั่นได้ไหม รู้แล้วว่าพวกเจ้าสนิทสนมกัน รู้แล้วว่าเจ้ามีพื้นเพครอบครัวดี แต่อย่ามาเอ่ยถึงบุรุษผู้นั้นต่อหน้าข้าได้หรือไม่!
เฉียวเวยสับมีดปักลงกับเขียง สูดหายใจเข้าเฮือกหนึ่งแล้วเอ่ยยิ้มๆ ว่า “อยากทำอาหารให้ศิษย์พี่เจ้าใช่หรือไม่”
ศิษย์น้องหญิงพยักหน้า “ใช่แล้ว เจ้าว่าข้าทำอะไรดี เจ้าเป็นสหายของศิษย์พี่ข้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาชอบกินอะไรมากที่สุด”
เฉียวเวยหัวเราะเสียงเย็นทีหนึ่ง “ย่อมรู้สิ”
“อะไรหรือ” ศิษย์น้องหญิงถามต่อ
เฉียวเวยระบายยิ้ม “ลูกชิ้นกุ้งสับ”
[1] ชิงหวา มหาวิทยาลัยชื่อดังอันดับต้นๆ ของประเทศจีน และติดอันดับระดับโลก