หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 194-2 ถูกกัด จุดจบ
ตอนที่ 194-2 ถูกกัด จุดจบ
คนทั้งห้องนอกจากเฉียวเวยกับสวินหลัน ต่างตระหนกตกใจถอยไปอยู่หลังเก้าอี้
เสี่ยวไป๋ไล่ตามโจวมามา ต้องการเอางูน้อยของโจวมามาคืนให้นาง
ดวงหน้า ‘งาม’ ของโจวมามาถอดสี นางวิ่งหนีไปทั่วห้อง วิ่งจากตะวันตกไปตะวันออก จากตะวันออกไปตะวันตก
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย รีบเอาเจ้าตัวนี้ออกไป!”
เสี่ยวไป๋กระโจนพรวดเดียวโผขึ้นไปบนหัวไหล่ของโจวมามา โจวมามาร้องเสียงแหลมราวกับสุกรถูกเชือด
เสี่ยวไป๋ยัดงูแสนรักเข้าไปในอกเสื้อของนางอย่างรวดเร็วและอ่อนโยน
โจวมามาตกใจจนขวัญบินหนี กระชากเสื้อของตนเองสุดชีวิต ในที่สุดงูพิษน้อยก็ร่วงลงมา
เสี่ยวไป๋ตกใจ ยัดกลับเข้าไปในอกเสื้อของนางใหม่
กรี๊ด นางกรีดร้องเสียงหลง สติเตลิดเปิดเปิง ถอดเสื้อผ้าทิ้ง!
ทุกคนปิดตาตัวสั่นสะท้าน
“โจวมามา!” สวินหลันตวาดเบาๆ
จีเซิ่งรีบจับงูพิษน้อยตัวนั้นไว้
เฉียวเวยยิ้มอย่างมีเลศนัย คิดว่าเป็นงูที่เสี่ยวไป๋จับมาเสียอีก ที่แท้ก็ไม่ใช่หรอกหรือ “โจวมามา เจ้าเป็นคนจับงูพิษมาสินะ”
โจวมามาเก็บเสื้อผ้าบนพื้นขึ้นมาสวมเรียบร้อยแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดของเฉียวเวย สีหน้าก็หวั่นไหว แต่จากนั้นก็ปฏิเสธทันควัน “นั่นเป็นเพียงพอนที่ฮูหยินน้อยเลี้ยงเอาไว้ชัดๆ! มันจับงูพิษมา! มันจะใส่ร้ายข้า!”
โบราณกล่าวไว้ดีนัก ไม่เคยทำเรื่องละอายใจย่อมไม่กลัวภูตผีเคาะประตูบ้าน ในเมื่องูตัวนี้ไม่ใช่พวกที่เสี่ยวไป๋จับมา ถ้าเช่นนั้นก็ไม่มีสิ่งใดให้กังวลแล้ว เฉียวเวยมองโจวมามาอย่างตรงไปตรงมา ตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน “เสี่ยวไป๋บ้านข้าเก็บสมบัติได้ไม่เคยฮุบเป็นของตน มันเพียงแต่อยากจะคืนของของเจ้าให้เจ้าเท่านั้น”
โจวมามาโต้ “นี่จะเป็นของของข้าได้อย่างไรกัน อยู่ในกรงเล็บเพียงพอนของท่านชัดๆ!”
เฉียวเวยเลิกคิ้วเรียวขึ้น “อ้อ ของอยู่ในมือผู้ใดก็เป็นของคนผู้นั้นหรือ อารอง ท่านเป็นคนร้ายหรอกหรือนี่”
จีเซิ่งที่จับงูพิษอยู่เท้าสะดุดวืดทันที เขามาช่วยจับงู เหตุใดเขาจึงเป็นคนร้ายไปได้เล่า
โจวมามาโกรธจนพูดไม่ออก
จีซวงคงเกรงว่าจะโกลาหลไม่พอจึงหัวเราะ กล่าวขึ้นว่า “เหตุผลพอกัน ที่แท้ผู้ใดเป็นคนร้าย หรือว่าเป็นคนร้ายกันทั้งหมด บอกไม่ได้จริงๆ”
โจวมามาเอ่ยขึ้นว่า “ทุกคนก็เห็นแล้ว เพียงพอนตัวนั้นถืองูเดินเข้ามา ไม่พูดพร่ำคำใดก็ยัดใส่ตัวข้า มันอยากให้งูกัดข้าตาย!”
เฉียวเวยโต้ด้วยสีหน้าจริงจัง “เสี่ยวไป๋เปล่าเสียหน่อย”
โจวมามาชี้หน้านางแล้วกล่าวว่า “ใช่แน่! ท่านเป็นคนปล่อยงูไปกัดนายท่าน! วันนี้ท่านมาที่เรือนถงสองหน ตอนเช้าหนหนึ่ง ตอนเย็นอีกหนหนึ่ง! ตอนเย๋นท่านยังถือกล่องอาหารใบหนึ่งมาด้วย บอกว่าจะมอบของกินให้นายท่านอะไรนั่น ความจริงด้านในซ่อนงูเอาไว้ล่ะสิ! ท่านซ่อนงูเข้ามาในเรือนถงตอนนั้น!”
คำพูดนี้เอ่ยออกมา ทุกคนก็พากันหันไปมองเฉียวเวย
การคุ้มกันเรือนถงเข้มงวดอย่างยิ่ง แม้แต่ตัวโจวมามาเองก็ยังไม่ได้พกถุงงูพิษใบโตเข้ามาในเรือนถง นี่ก็เป็นสาเหตุว่าเหตุใดหลังจากซื้องูพิษแล้ว โจวมามาจึงตรงไปปล่อยที่บ้านชิงเหลียน
โจวมามาไม่มีทางนำงูเข้ามาได้
หรือจะเป็นเฉียวเวยจริงๆ
แต่เฉียวเวยจะทำเช่นนี้ไปทำไมเล่า
“ข้ากับท่านพ่อไม่มีความแค้นต่อกัน เหตุใดข้าต้องทำเช่นนี้” เฉียวเวยถามโจวมามา
โจวมามาแค่นเสียงหยัน “คนที่ท่านอยากทำร้ายย่อมไม่ใช่นายท่าน คนที่ท่านต้องการทำร้ายก็คือฮูหยินของข้า เพียงแต่ท่านคิดไม่ถึงว่าคืนนี้นายท่านจะมาค้างที่ห้องของฮูหยิน งูตัวนั้นจึงจับพลัดจับผลูกัดผิดไปถูกนายท่านเข้า!”
ไม่อาจไม่บอกว่าโจวมามาแต่งเรื่องได้มีเหตุผลยิ่งนัก นางก็อยากเอางูมากัดแม่เลี้ยงให้ตายจริงๆ แต่น่าเสียดายนางไม่โง่ถึงเพียงนั้น หากทำแม่สามีตายย่อมกลายเป็นเรื่องใหญ่ นางไม่ฝังอนาคตของตนเองเพียงเพราะแม่เลี้ยงคนหนึ่งหรอก
เฉียวเวยอมยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “เช่นนี้ก็แปลกจริงๆ ข้ากับฮูหยินก็ไม่มีความแค้นอันใดต่อกัน เหตุใดข้าต้องปล่อยงูไปกัดนางด้วยเล่า ทุกคดีล้วนต้องมีแรงจูงใจ ในเมื่อข้าไม่ได้บ้า แล้วก็ไม่ได้โง่ กลับจะไปทำร้ายแม่สามีของตนเองอย่างไร้สาเหตุ นี่ไม่แปลกเกินไปหรอกหรือ หรือเจ้าคิดว่าฮูหยินเคยทำสิ่งใดผิดต่อข้า แล้วถูกข้ารู้เข้า ดังนั้นข้าจึงต้องชำระแค้นกับนาง”
โจวมามาเสียกระบวนทันที “ฮู ฮูหยินจะเคยทำเรื่องผิดต่อท่านได้เช่นไร! ท่านใส่ความผู้อื่น!”
เฉียวเวยทำหน้าไร้เดียงสา “ในเมื่อนางไม่เคยทำผิดต่อข้า เหตุใดข้าต้องปล่อยงูไปกัดนางเล่า”
มีความสามารถเจ้าก็เล่าเรื่องยาห้าทิวาสราญออกมาสิ!
ลำคอของโจวมามาตีบตันทันใด
หากจะบอกว่าเฉียวเวยไม่ถูกกับสวินหลัน ทุกคนล้วนเชื่อ ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องเนื้อวัวตากแห้ง ความสัมพันธ์ระหว่างจีหมิงซิวกับเรือนถงก็ไม่ดีมาแต่ไหนแต่ไร วันมงคลวันนั้น จีหมิงซิวยังทำให้สวินหลันอับอายต่อหน้าผู้คนมากมาย พ่อลูกเกือบทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้จะไม่ลงรอยกันก็ไม่น่าแปลกใจ
แต่จะบอกว่าเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยเท่านี้ เฉียวเวยจะปล่อยงูไปกัดสวินหลัน ก็ฟังดูไม่เข้าเค้าอยู่บ้าง
โจวมามาเค้นสมองขบคิด ทันใดนั้นก็เกิดปฏิภาณไหวพริบ เอ่ยขึ้นว่า “ท่าน…ท่านอิจฉาที่นายท่านรักหลิวเกอร์มากกว่าคุณชายใหญ่มาก ท่านคิดว่าฮูหยินคอยเป่าหูนายท่านอยู่ ดังนั้นท่าน…ท่านจึงฉวยโอกาสแก้แค้นฮูหยิน!”
ทุกคนลอบพยักหน้า ความสัมพันธ์พ่อลูกระหว่างหลิวเกอร์กับจีซั่งชิง สนิทสนมกันมากกว่าหมิงซิวกับจีซั่งชิงมากจรงิๆ
เฉียวเวยยิ้มละไม “นายท่านรักหลิวเกอร์มากกว่าหมิงซิวมากจริงหรือ ถ้าเช่นนั้นเหตุใดนายท่านจึงมอบสิ่งนี้ให้ข้าเล่า”
กล่าวจบเฉียวเวยก็ล้วงกุญแจทองที่ร้อยเชือกแดงดอกนั้นออกมาจากในอกเสื้อ
ทุกคนเห็นกุญแจทองดอกนั้น ดวงตาก็เบิกโตในพริบตา จีซั่งชิงมอบของสำคัญเช่นนี้ให้เฉียวซื่อแล้วหรือ ต้องรู้ก่อนว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เจ้าตระกูลรุ่นปัจจุบันจะฝากไว้กับผู้สืบทอดก่อนสิ้นใจ จีซั่งชิงส่งมอบเร็วเพียงนี้ แล้วยังมอบให้กับลูกสะใภ้คนหนึ่งอีก
ภายในห้อง เงียบจนไม่ได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจ
จีซั่งชิงเอ็นดูเฉียวซื่อเช่นนี้ เฉียวซื่อไม่มีเหตุผลจะต้องอิจฉาผู้ใดจริงๆ สวินหลันก็ดี หลิวเกอร์ก็ดี ในสายตาของจีซั่งชิง ผู้ที่มีคุณสมบัติสืบทอดตระกูลจีมากที่สุดก็ยังเป็นสองสามีภรรยาแห่งบ้านชิงเหลียน
เฉียวเวยเห็นปฏิกิริยาของทุกคน ในใจก็คิดว่าพ่อสามีมอบสิ่งใดให้นางกันแน่ เหตุไฉนทั้งบ้านจึงตกใจจนเป็นเช่นนี้
จีเหล่าฮูหยินรั้งสายตากลับมา บอกกับสวินหลันว่า “ข้าเชื่อว่าไม่ใช่ฝีมือของเฉียวเวย เจ้าไปเรียกคนทั้งหมดของเรือนถงมา ข้าจะสอบสวนทีละคน”
เรื่องเกี่ยวพันถึงชีวิตของบุตรชาย เหล่าฮูหยินไม่ต้องการประมาท
สวินหลันค้อมกาย “เจ้าค่ะ”
เฉียวเวยซุกกุญแจทองเข้าไปในอกเสื้อ แล้วกล่าวกับจีเหล่าฮูหยินว่า “ไม่ต้องสอบสวนทีละคนแล้ว คนร้ายก็คือโจวมามา”
โจวมามาตกตะลึงจนหน้าถอดสี “ไม่ใช่ข้า!”
เฉียวเวยก้าวเข้ามาคว้าข้อมือของนาง จากนั้นดึงแขนเสื้อของอาภรณ์ชั้นกลางออกมาจากในแขนเสื้อ บนนั้นมีจุดสีส้มอยู่ประปราย “เจ้าล้างมือแล้ว เปลี่ยนเสื้อนวมแล้ว ก็คิดว่าตนเองกำจัดหลักฐานสะอาดหมดจดแล้วหรือ เจ้าคงไม่รู้สิว่าบนแขนเสื้อของเจ้าเปื้อนกำมะถันแดงอยู่”
โจวมามาม่านตาหดวูบทันที!
เฉียวเวยเอ่ยต่ออย่างไม่รีบร้อน “กำมะถันแดงมีสรรพคุณขับไล่แมลงและอสรพิษได้ประมาณหนึ่ง คนขึ้นเขาจำนวนไม่น้อยที่เกรงว่าจะถูกแมลงและอสรพิษเกาะติดขบกัด จะทากำมะถันแดงเล็กน้อยไว้ตามตัวก่อนล่วงหน้า คิดว่าตอนที่เจ้าไปซื้องูก็คงทากำมะถันแดงไว้เหมือนกันกระมัง”
โจวมามาอึกอัก “ท่าน…ท่านพูดอะไร บ่าวฟังไม่เข้าใจ!”
เฉียวเวยยิ้มแต่ไม่เหมือนรอยยิ้ม “แขนเสื้อของเจ้าเปื้อนกำมะถันแดง หากกลัวว่าข้าจะดูผิด ก็เรียกบิดาของข้าออกมา หากกังวลว่าบิดาจะเข้าข้างข้า ก็เชิญหมอหลูมา ให้หมอหลูดูว่าบนแขนเสื้อของโจวมามาใช่กำมะถันแดงหรือไม่”
ทันใดนั้นดวงตาของโจวมามาก็ทอประกายวูบหนึ่ง “แต่…แต่…เมื่อครู่ยังไม่มีอยู่ชัดๆ! ท่านเป็นคนป้ายใส่ข้า! ท่านจับแขนเสื้อของข้า แล้ว….แล้วท่านก็ป้ายเอาไว้!”
เฉียวเวยยิ้มอย่างมีเลศนัย “อ้อ ข้าเป็นคนป้ายเช่นนั้นหรือ ข้าป้ายเมื่อใดเล่า”
โจวมามาอ้าปากพะงาบๆ “ก็…ก็เมื่อครู่! ท่านจับแขนเสื้อของข้า ตอนดึงออกมาก็ฉวยโอกาสป้ายผงกำมะถันแดงใส่!”
เฉียวเวยเลิกคิ้ว “อ้อ ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง ถ้าเช่นนั้นโจวมามา เสื้อผ้าที่เจ้าสวมก่อนหน้านี้ ข้าก็เป็นคนป้ายผงกำมะถันแดงไว้ด้วยหรือ”
โจวมามางุนงง “อะ อะไรนะ”
เฉียวเวยยิ้มหวาน “ดึกเช่นนี้ โจวมามาน่าจะยังไม่ทันซักเสื้อผ้ากระมัง ปี้เอ๋อร์ ไปที่ห้องของโจวมามา…ไม่ ไม่ได้ ปี้เอ๋อร์เป็นคนของข้า เพื่อหลีกเลี่ยงคำครหา เชิญหรงมามาช่วยสักหนก็แล้วกัน!”
จีเหล่าฮูหยินพยักหน้า หรงมามาเดินจากไป ไม่นานก็หอบเสื้อผ้ากองหนึ่งกลับมา พวกมันคือเสื้อผ้าที่โจวมามาเพิ่งเปลี่ยนแล้วแต่ยังไม่ทันซักให้สะอาดชุดนั้น
พริบตาที่เห็นเสื้อผ้า โจวมามาพลันหน้าถอดสี
หรงมามาพลิกดูแขนเสื้อ นางมองไม่ออกว่าสิ่งใดคือกำมะถันแดงหรือไม่ใช่ แต่ผงบนนั้นเหมือนผงสีเหลืองส้มที่อยู่บนอาภรณ์ชั้นกลางของโจวมามาอย่างไม่ผิดเพี้ยน
เฉียวเวยว่าอย่างขบขัน “ข้าไม่ได้แตะเสื้อผ้าตัวนี้ของเจ้านะ เจ้าอย่าบอกว่าข้าซื้อตัวหรงมามา แล้วให้นางโรยผงกำมะถันแดงบนแขนเสื้อของเจ้าเชียว”
หรงมามาถลึงตาใส่โจวมามา “บนตัวข้าไม่มีผงกำมะถันแดงอะไรนั่น!”
พูดพลางก็สะบัดเสื้อของโจวมามา ถุงกระสอบน้อยใบหนึ่งร่วงออกมาจากด้านใน
จีเซิ่งเปิดถุงกระสอบออกดมก็รู้สึกคลื่นไส้ทันที “ถุงใบนี้ใส่งูมา!”
กำมะถันแดงมีแล้ว ถุงกระสอบใส่งูก็มีแล้ว หลักฐานแน่นหนา โจวมามากระโดดลงไปในแม่น้ำเหลืองก็ล้างมลทินไม่ได้แล้ว
จีเหล่าฮูหยินโกรธจนตัวสั่น “เหตุใดเจ้าต้องทำร้ายบุตรชายของข้า เขาดีต่อเจ้าไม่น้อย!”
ยามอยู่ในจวนโจวมามาชอบทำตัวกร่างเหิมเกริม แต่จีซั่งชิงเห็นแก่หน้าสวินหลันจึงมักจะลืมตาข้างหนึ่งหลับตาข้างหนึ่ง ผู้ใดจะคิดว่าปล่อยปละจนกลายเป็นหมาป่าตัวร้าย!
โจวมามาคุกเข่าเสียงดัง “บ่าวไม่ได้ทำร้ายนายท่าน! บ่าวไม่ได้ทำ! บ่าวถูกใส่ร้าย! นายท่านมีบุญคุณต่อบ่าวเท่าขุนเขา บ่าวจะทำร้ายนายท่านได้เช่นไร”
จีซวงเอ่ยหยัน “เจ้าโกรธที่พี่ใหญ่ของข้ามอบกุญแจทองให้เฉียวซื่อ ไม่ให้เจ้านายของเจ้า ดังนั้นด้วยโทสะ จึงคิดจะเอางูมากัดพี่ใหญ่ข้าให้ตาย!”
โจวมามาร่ำไห้ “ฮูหยินสี่ บ่าวถูกใส่ร้าย!”
“เจ้าถูกใส่ร้ายหรือ จริงสินะ เจ้าน่าจะถูกใส่ร้าย”
จีซวงกล่าวจบ โจวมามาพลันดีใจวูบหนึ่ง แต่แล้วก็ได้ยินจีซวงถากถาง “บ่าวคนหนึ่งอย่างเจ้าจะเอาความกล้าจากไหนมาทำร้ายพี่ใหญ่ของข้า คงเป็นเจ้านายของเจ้าให้เจ้าทำเช่นนี้กระมัง”
โจวมามาตกใจจนหน้าซีดเผือด “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฮูหยิน! บ่าวเป็นผู้ซื้องูมาเอง! บ่าวทำเองเจ้าค่ะ! ฮูหยินไม่รู้เรื่องด้วยสักนิด!”
สวินหลันมุ่นคิ้ว “เจ้าช่างเลอะเลือน! เหตุใดต้องซื้อของพรรค์นี้มา”
โจวมามาร่ำไห้สะอึกสะอื้นตอบ “บ่าวต้องการบำรุงร่างกายให้ฮูหยิน…ร่างกายของฮูหยินมีโรคเรื้อรังอยู่ บ่าวปวดใจนัก ได้ยินว่าหากใช้งูพิษมาดองเหล้าดื่มจะช่วยให้ฮูหยินหายดีดังเดิมได้ บ่าวจึงซื้อมา…”
เฉียวเวยเลิกคิ้ว โอ้ รู้เสียด้วยว่างูพิษดองเหล้าดื่มแล้วบำรุงร่างกายได้
โจวมามาร่ำไห้ เดินเข่าเข้าไปเบื้องหน้าเหล่าฮูหยิน น้ำหูน้ำตาไหลเอ่ยว่า “เหล่าฮูหยิน ตอนนั้นฮูหยินเกิดเรื่องเช่นนั้นจนต้องมีโรคติดตัวไปตลอดชีวิต บ่าวปวดใจนัก…แม้ทราบว่าไร้หนทางแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ต้องลองดูสักตั้ง…บ่าวก็คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้…บ่าวเลอะเลือนเอง…บ่าวประมาทเกินไปแล้ว…เหล่าฮูหยิน…หากท่านอยากจะฆ่าจะแกง บ่าวจะไม่ปฏิเสธเป็นอันขาด แต่ขอร้องท่าน…อย่าพาลโกรธฮูหยิน…นางเป็นผู้บริสุทธิ์…นางทุ่มเทเพื่อครอบครัวนี้ไปเท่าใด…ในใจท่านทราบดี…”
แม่เลี้ยงเคยเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ เฉียวเวยมองสวินหลันผู้มีสีหน้าสงบนิ่งอย่างประหลาดใจ แล้วจึงหันไปมองจีเหล่าฮูหยินผู้มีสีหน้าปวดใจเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด ความสงสัยในหัวใจยิ่งฉายชัดขึ้นอีก
จีเหล่าฮูหยินถามอย่างโมโห “เจ้าจะดองเหล้าก็ดองไป สารภาพตามตรงมาก็สิ้นเรื่อง เหตุใดต้องใส่ร้ายฮูหยินน้อย บอกว่านางหางูพิษมา”
การโกหกมิใช่เรื่องง่ายปานนั้น คำโกหกที่สมบูรณ์แบบหนึ่งเรื่อง จำเป็นต้องร้อยเรียงรายละเอียดเล็กน้อยที่หาข้อติไม่พบจำนวนนับไม่ถ้วน เห็นชัดว่าโจวมามาลืมจุดนี้ไป นางเริ่มเค้นสมองคิดอีกหน คิดว่าจะทำให้คำพูดของตนสมเหตุสมผลได้เช่นไร “บ่าว…เพราะบ่าวจับงูใส่ถุงไว้…ถุงก็มัดไว้แน่น บ่าวคิดไม่ถึงว่ามันจะหลุดออกมา ดังนั้น ดังนั้นบ่าวจึงเดาว่าเจ้าตัวนี้ไม่ใช่ตัวที่บ่าวซื้อมา”
“เช่นนั้นหรือ” เฉียวเวยลูบคาง “คนปกติหากพบเรื่องเช่นนี้ ปฏิกิริยาแรกไม่สมควรเป็นการไปตรวจดูถุงงูของตนเอง ดูว่างูของตนหลุดออกไปหรือไม่หรือ หากไม่หลุด เรื่องของนายท่านย่อมไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า ต่อให้ทำเพื่อตัดความเกี่ยวข้องกับตนเองให้หมดจดก็ต้องไปตรวจดูงูของตนตั้งแต่แรกจึงจะถูก”
ตรรกะผิดเป็นความผิดพลาดร้ายแรงถึงชีวิตโดยแท้
ทั่วทั้งร่างของโจวมามาเหงื่อกาฬเย็นเฉียบไหลซึมจนเปียกโชก หยดเหงื่อขนาดเท่าเม็ดถั่วตรงขมับไหลลงมา “บ่าว…เป็นห่วงนายท่านมากเกินไป ชั่วครู่…จึงไม่ทันคิด”
“ชั่วครู่หรือ” เฉียวเวยมองนาฬิกาทรายบนกำแพง “ครึ่งชั่วยามแล้วนะ โจวมามา เจ้าตกใจจนไม่ทันคิดว่างูของเจ้าหลุดออกมา หรือเจ้ารู้แล้ว แต่ดึงดันจะโยนความผิดใส่หัวข้ากันแน่”
สวรรค์เป็นพยาน โจวมามาไม่รู้จริงๆ! นางปล่อยงูเข้าไปในบ้านชิงเหลียนหมดแล้ว อุดช่องแล้ว ไหนเลยจะรู้ว่าลูกเพียงพอนน้อยตัวนั้นกลับจับงูมาส่งคืนให้นาง
เฉียวเวยก้มตัวลงเล็กน้อย จ้องนางแล้วเอ่ยทีละคำ “เจ้าต่างหากคิดจะใส่ร้ายข้า!”
สวินหลันลุกขึ้นมาจากที่นั่ง คุกเข่าเบื้องหน้าเหล่าฮูหยินอย่างช้าๆ “ลูกอบรมไม่ดี ปล่อยให้บ่าวทำเรื่องเช่นนี้ ความผิดของลูกไม่อาจอภัย ขอท่านแม่ลงโทษ”
เรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือของสวินหลันจริงๆ หากเป็นยามปกติ จีเหล่าฮูหยินคงไม่ว่าอะไรแล้ว แต่หนนี้ ลูกชายของนางถูกงูกัด ต่อมาหลานสะใภ้ของนางก็ถูกใส่ร้าย นี่มันเรื่องอะไรกัน
นางโกรธแทบตายแล้ว อยากสั่งโบยคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้วขับไล่ออกไป จะให้นางไม่พาลโกรธสวินหลัน นางทำไม่ได้
แต่หากจะให้นางทำอะไรกับสวินหลัน นางก็ทำไม่ลง
ถึงอย่างไรสวินหลันก็…
จีเหล่าฮูหยินกำหมัดแน่น แล้วหันหน้าหนีไม่มองสวินหลันอีก
เฉียวเวยมองความคิดของเหล่าฮูหยินออกจึงเดินเข้าไปประคองแขนของจีเหล่าฮูหยินไว้ แล้วบอกเสียงอ่อนโยน “ท่านย่า ข้าเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นการกระทำของโจวมามาเพียงคนเดียว ฮูหยินเป็นผู้บริสุทธิ์ ท่านละเว้นฮูหยินเถิด”
จีซวงมองเฉียวเวยอยางเย็นชา “อ้อ นางบริสุทธิ์หรือ พี่ใหญ่ของข้า พ่อสามีของเจ้าเกือบถูกงูพิษกัดตายแล้ว! เจ้ายังมีมโนธรรมอยู่หรือไม่ ยังจะช่วยสตรีใจทมิฬผู้นี้พูดอีก! ตามความคิดข้า พี่ใหญ่ของข้าไม่สมควรแต่งนางเข้ามาตั้งแต่แรก! แต่พวกท่านล้วนไม่ฟังข้า จะต้องเอาตัวซวยคนนี้เข้าตระกูลมาให้ได้ ตอนนี้เป็นอย่างไรเล่า พี่ใหญ่ของข้าเกือบถูกนางทำร้ายจนตายแล้ว!”
สวินหลันก้มหน้า ทนรับเพลิงโทสะของจีซวงอย่างเงียบๆ
โจวมามาไม่มีความกล้าพอจะพูดว่าคนที่นางต้องการทำร้ายความจริงแล้วคือเฉียวเวย พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ คนที่เจ็บตัวคือจีซั่งชิง ไม่ว่าแรงจูงใจคือสิ่งใด โทสะหนนี้ของเหล่าฮูหยินไม่มีทางสลายไปง่ายๆ
จีเหล่าฮูหยินนวดขมับที่ปูดนูนออกมา “ลากโจวซื่อออกไปโบยห้าสิบไม้! ไล่ออกจากตระกูลจี!”
คนผู้ใดจะทนการโบยห้าสิบไม้ได้ โจวมามาอายุปูนี้แล้ว โบยห้าสิบไม้นี้เสร็จไม่ตายก็พิการ
โจวมามาร้องโหยหวนขณะที่ถูกคนลากออกไป
สวินหลันคุกเข่าอยู่บนพื้น เงาร่างบอบบางจนคนเห็นใจร้ายไม่ลง
จีเหล่าฮูหยินไม่เรียกให้นางลุกขึ้น เอ่ยเพียงว่า “เจ้าออกไปคุกเข่าข้างนอก”
“เจ้าค่ะ”
สวินหลันลุกขึ้นยืนอย่างแผ่วเบา เดินไปบนแผ่นหินเขียวอันเย็นเฉียบแล้วคุกเข่าลงช้าๆ
จีเหล่าฮูหยินบอกกับคนทั้งหลายว่า “พวกเจ้าทุกคนก็ออกไปเถิด”
“ข้ายังต้องรอพี่ใหญ่…” จีซวงอ้าปาก แต่แล้วก็เห็นอาเขยฉินส่งสายตาให้ นางจึงแค่นเสียงเหอะ เดินออกไปจากโถงหมิงอย่างไม่ใคร่จะยินยอม
จีซวงจากไปแล้ว จีเซิ่งกับภรรยาจึงออกไปบ้าง เฉียวเวยก็กำลังจะออกไปเช่นกัน แต่จีเหล่าฮูหยินเปิดปากเรียกเอาไว้ “เสี่ยวเวยเจ้าอยู่ก่อน ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้า”