หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 210-4 หมิงซิวลงมือ
ตอนที่ 210-4 หมิงซิวลงมือ
จีเหล่าฮูหยินสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย สวินหลันอายุหกขวบเสียบิดา มารดาแต่งงานใหม่ อยู่ในบ้านของผู้อื่นมานานปี หมั้นหมายสามหนกว่าจะได้แต่งเข้ามาในตระกูลจี ชะตาชีวิตของนาง…ก็ลำเค็ญยิ่งนักเหมือนกันนี่นา!
หรือหว่า หรือว่านางต่างหากที่เป็นผู้เกิดใต้ดาวกำพร้าชะตานำพาเคราะห์ร้ายที่ข่มดวงของลูกชายกับหลานชายของนางอยู่
“ท่านแม่ ท่านเป็นอะไรไปเจ้าค่ะ” สวินหลันมองเหล่าฮูหยินอย่างไม่เข้าใจ “ท่นาสีหน้าไม่ค่อยดี มีตรงไหนไม่สบายหรือไม่”
จีเหล่าฮูหยินไม่ได้ฟังว่านางพูดอะไร ในสมองปั่นป่วนไปหมด นับตั้งแต่นางมาถึงตระกูลจี ไม่กี่ปีองค์หญิงก็จากไป แล้วอีกไม่กี่ปีหมิงซิวกับบิดาของเขาก็ผิดใจกัน ระยะนี้ร่างกายของซั่งชิงก็ยังไม่ค่อยดีอีก…
นาง!
นางคือดาวกำพร้านำพาเคราะห์ร้าย!
จีเหล่าฮูหยินถอยพรวดหนึ่งก้าวจนชนเตียงเตาแล้วล้มลงไปนั่ง
เสียงดังทำให้ทุกคนมองมาหาเหล่าฮูหยินอย่างตกใจ
สวินหลันก้าวเข้าไปหาอย่างเป็นห่วง “ท่านแม่ ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ”
จีเหล่าฮูหยินยกมือขึ้น ห้ามนางไว้ “เจ้าอย่าเข้ามา!”
สวินหลันชะงัก
ทุกคนมองหน้ากัน หลี่ซื่อกับจีซวงไม่รู้เรื่องของสวินหลัน ทราบเพียงว่าพักนี้เหล่าฮูหยินปฏิบัติกับสวินหลันต่างไปจากปกติ เพียงแต่แม้จะต่างจากวันวาน แต่ก็ไม่ได้ต่างมากมายนัก วันนี้เกิดอันใดขึ้น ถึงทำให้สวินหลันอับอายต่อหน้าทุกคน
จีเหล่าฮูหยินมองสวินหลันอย่างหวาดผวา “พระชราบอกว่าตระกูลจีไม่สงบสุข ล้วนเป็นเพราะมีดาวกำพร้าที่นำพาเคราะห์ร้ายอยู่คนหนึ่ง ที่แท้ก็เป็นเจ้า!”
สวินหลันมองไข่มุก แล้วหันไปมองเหล่าฮูหยินอีกหน ขนตากระพือไหว วางไข่มุกลง
เฉียวเวยถือไข่มุกขึ้นมาไว้ในมือ คลึงถูจนรอบ สีของไข่มุกเม็ดนั้นก็อ่อนลงใหม่อีกครั้ง
หลังจากนั้นจีซวงกับหลี่ซื่อก็ถือไข่มุกบ้าง ไข่มุกก็ไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย
มีแต่สวินซื่อเท่านั้น
นี่ดูหมือนจะ…ไม่ปกตินัก
จีซวงมองไข่มุกอย่างตกตะลึงอยู่เนิ่นนาน ทันใดนั้นในสมองก็นึกอะไรขึ้นมาได้ “ข้าเข้าใจแล้ว นี่คือมุกขจัดมาร คนที่มีไอชั่วร้ายหากเข้าใกล้มัน มันก็จะมีปฏิกิริยา ข้าก็ว่าแล้วทุกครั้งที่ข้าเห็นเจ้ากลับไปก็ปวดท้องตลอด! ที่แท้เจ้าก็มีไออัปมงคล!”
ปวดท้องย่อมเป็นเรื่องโกหก แต่ได้โยนหินซ้ำเติมคนก็เพียงพอแล้ว
หลี่ซื่อไม่กล้าเอ่ยวาจา นางเป็นลูกสะใภ้ของลูกอนุ หากไม่ลงไปเกลือกกลั้วน้ำโคลนได้ย่อมไม่ลงไปเกลือกกลั้วดีกว่า
จีเหล่าฮูหยินมองสวินหลันเหมือนเห็นผี “เร็ว! รีบไปเรียกหมิงซิวกลับมา!”
จีหมิงซิวกำลังประชุมอยู่ในวังหลวง เมื่อได้ยินว่าเหล่าฮูหยินเรียกเพราะเรื่องด่วนก็รีบเร่งกลับมาโดยมิหยุดแวะพัก ในเวลาเดียวกันนายท่านรองจีเซิ่งกับฉินปิงอวี่ก็ได้ข่าวแล้ว พวกเขาทยอยกันรีบมาจากเรือนของแต่ละคน
เรือนลั่วเหมยครึกครื้นอย่างยิ่งในชั่วพริบตา
จีหมิงซิวเข้ามาในห้องก็เห็นเหล่าฮูหยินนั่งหน้าซีดอยู่บนเตียงเตา “ท่านย่า เกิดอันใดขึ้นหรือ”
จีเหล่าฮูหยินหวาดกลัวจนพูดไม่ออก จีซวงเล่าเรื่องมุกขจัดมารอย่างใส่สีตีไข่จนจบ
จีหมิงซิวฟังจบก็หัวเราะอย่างเหลือเชื่อ “นักปราชญ์มิกล่าวถึงภูตผีสิ่งลี้ลับ ท่านย่าท่านอย่าไปเชื่อที่พระรูปนั้นพูดเลย ตระกูลจีไม่มีดาวกำพร้านำพาเคราะห์ร้ายหรอก”
จีเหล่าฮูหยินสวนว่า “หากไม่มี บิดาของเจ้าเหตุไฉนอยู่ดีๆ จึงล้มป่วย กินยามากมายปานนั้นก็ยังไม่ดีขึ้น”
จีหมิงซิวชะงัก “ท่านพ่อ…อาจจะได้ยาไม่ตรงโรคกระมัง กลับไปข้าจะให้จีอู๋ซวงมารักษาท่านพ่อ”
จีเหล่าฮูหยินไม่เชื่อ “ถ้าเช่นนั้นเจ้ากับเสี่ยวเวยเล่า ก่อนหน้านี้เจ้าสองคนยังดีๆ อยู่เลย แต่พักนี้ก็ไม่ค่อยจะดีแล้ว!”
จีหมิงซิวเหลือบมองเฉียวเวย เฉียวเวยแค่นเสียงเหอะอย่างเย็นชาแล้วผินหน้าหนี
สวินหลันยืนอยู่ท่ามกลางผู้คน แววตานิ่งสนิท
จีหมิงซิวเอ่ยปลอบ “ข้าจะให้จีอู๋ซวงมารักษาท่านพ่อเดี๋ยวนี้ ท่านอย่ากังวลไปเลย มุกขจัดมารเม็ดนี้ก็รีบทิ้งไปเสียเถิด”
เฉียวเวยกลอกตาอย่างเย็นชา
จีเหล่าฮูหยินคว้ามือของจีหมิงซิวเอาไว้ไม่ปล่อย บอกอย่างกังวลใจอย่างยิ่ง “หากพ่อของเจ้ารักษาไม่หาย ข้าขอบอกเจ้า ถึงตอนนั้นต้องเชื่อไข่มุกเม็ดนี้!”
จีหมิงซิวให้คนไปเรือนสี่ประสานเรียกจีอู๋ซวงมาทันที
ทุกคนมุ่งหน้าไปที่เรือนถง อัดแน่นอยู่เต็มห้องของจีซั่งชิง
จีอู๋ซวงดูเทียบยาของหมอหลูก่อน เขายืนยันว่าเป็นยารักษาไข้หวัดที่ถูกต้องตรงโรคอย่างยิ่ง แต่จีซั่งชิงกลับไม่ได้เป็นไข้หวัดเสียหน่อย!
“ไม่ใช่ไข้หวัดหรือ” จีเหล่าฮูหยินตกตะลึง
จีอู๋ซวงจับชีพจรซ้ำๆ แล้วมองนิ้วมือ ลูกนัยน์ตากับฟันของจีซั่งชิง จากนั้นตอบอย่างหนักแน่น “ชีพจรเหมือนชีพจรของไข้หวัด หมอทั่วไปหากตรวจแล้วย่อมคิดว่าเป็นไข้หวัด แต่หากดูนิ้วมือของเขาให้ถี่ถ้วนก็จะพบว่าความจริงแล้วเขาถูกพิษ”
จีเหล่าฮูหยินตกตะลึง “อะไรนะ ถูกพิษหรือ”
จีอู๋ซวงพยักหน้า “เป็นพิษที่ออกฤทธิ์ช้าชนิดหนึ่ง นามว่าผงกล้วยไม้หยก คนที่ถูกพิษจะมีอาการเหมือนเริ่มจะเป็นไข้หวัด โดยทั่วไปจึงรักษาเหมือนไข้หวัด แต่เจ็ดวันให้หลัง ไข้หวัดจะหนักขึ้น มีตุ่มแดงขึ้นทั้งตัว ดูเหมือนกับเป็นฝีดาษ ถึงเวลานั้นก็อาจถูกเข้าใจผิดรักษาโดยคิดว่าเป็นฝีดาษ ต่อมาอีกเจ็ดวันตุ่มแดงจะหายไป แต่หัวใจกับปอดจะเริ่มทรุดโทรม ถึงยามนั้นทั้งร่างก็จะเริ่มกลายเป็นสีม่วงช้ำ ถึงยามนั้นจึงจะมองออกว่าถูกพิษ น่าเสียดายช่วยไม่ได้เสียแล้ว”
ช่วยไม่ได้เสียแล้ว ประโยคนั้นทำจีเหล่าฮูหยินตกใจจนทั้งร่างอ่อนยวบ “ข้า…ลูกชายข้ายังมีทางช่วยหรือไม่”
จีอู๋ซวงตอบว่า “ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงที่หนึ่ง ยังมีทางช่วย ข้าจะไปเตรียมยาก่อน กลับมาแล้วยังต้องฝังเข็มให้นายท่านจีอีกหลายชุด” พูดพลาง จู่ๆ เขาก็หันไปมองเฉียวเวยที่อยู่ด้านข้าง “เจ้าก็รู้วิชาแพทย์ไม่ใช่หรือ เจ้ามองไม่ออกหรือว่าพ่อสามีของเจ้าถูกพิษ”
เฉียวเวยก้มหน้า
จีเหล่าฮูหยินแก้ตัวแทน “เจ้าอย่าโทษนาง ตอนนางออกไปจากบ้าน ซั่งชิงยังดีๆ อยู่เลย หลังจากนางไปแล้วซั่งชิงถึงล้มป่วย หลายวันนี้นางไม่อยู่ที่จวน วันนี้เพิ่งจะกลับมา”
เฉียวเวยทำหน้าละอายใจ “หากรู้ก่อนว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ ข้าก็คงไม่กลับบ้านแม่แล้ว”
“ไม่ใช่เพราะเจ้าเด็กคนนี้ทำเจ้าโมโหจนต้องกลับไปหรือ” จีเหล่าฮูหยินยิ่งคิดก็ยิ่งมีโทสะ ก่อนหน้านี้นางเคยไปเชิญเฉียวเจิงมาหนหนึ่ง วิชาแพทย์ของเฉียวเจิงต้องค้นพบว่าจีซั่งชิงถูกพิษแน่ แต่จนปัญญาที่หลานชายของตนไม่เอาไหน ทำให้ลูกสาวของผู้อื่นคับอกคับใจ สมควรแล้วที่ผู้อื่นจะไม่ยอมมาตรวจให้! แต่สิ่งที่จีเหล่าฮูหยินโกรธที่สุดก็คือคนที่วางยาพิษจีซั่งชิง!
“หมิงซิวเจ้าไปสืบมา ข้าอยากดูซิว่าผู้ใดกินดีหมีหัวใจเสือ กล้าวางยาพิษพ่อเจ้า!”
จีหมิงซิวตอบว่า “ท่านย่า คนในจวนมากมายเช่นนี้ ในเวลาสั้นๆ คงจะสืบออกมาไม่ได้ ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจ”
จีเหล่าฮูหยินนวดหน้าอก “ข้าจะไม่ร้อนใจได้อย่างไร มีคนจะสังหารพ่อของเจ้านะ!”
สายตาของจีอู๋ซวงเลื่อนไปหยุดบนมุกขจัดมารเม็ดนั้นในมือเฉียวเวย “นี่ไม่ใช่มุกขจัดมารหรอกหรือ ใช้มันก็ได้แล้ว คนที่เคยแตะต้องยาพิษมาก่อน พอมาแตะมัน มันก็จะมีปฏิกิริยา”
คำพูดลอยๆ ของเขากลับทำให้ทุกคนอึ้ง
จีเหล่าฮูหยินตาโตอ้าปากค้าง “เมื่อครู่เจ้าบอกว่า…มันจะมีปฏิกิริยาเพราะคนที่แตะมัน…มียาพิษ ไม่ใช่ชะตานำพาเคราะห์ร้ายหรือ”
จีอู๋ซวงหัวเราะ “ชะตานำพาเคราะห์ร้ายเป็นเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้ มันชื่อว่ามุกขจัดมาร แต่ก็มีอีกชื่อหนึ่งว่ามุกทดสอบพิษด้วย ข้าเกี่ยวข้องกับยาพิษมานาน คุ้นเคยกับของสิ่งนี้ดียิ่งนัก”
“เจ้าแน่ใจหรือว่ามันใช้ตรวจสอบพิษ” จีหมิงซิวถามเสียงเข้ม
จีอู๋ซวงพยักหน้า “ข้าแน่ใจ”
หากกล่าวเช่นนี้ มือของสวินหลันก็เปื้อนยาพิษมา
จีซวงคว้าข้อมือของสวินหลันไว้ทันที “เจ้าวางยาพิษทำร้ายพี่ใหญ่ของข้าใช่หรือไม่”
สวินหลันตอบอย่างใจเย็น “ข้าเปล่า ไม่เชื่อเจ้าก็ลองไปค้น ในห้องของข้ามีของไม่สะอาดอันใดหรือไม่”
“ค้นก็ค้นสิ!” จีซวงนำคนไปค้นห้องของสวินหลันด้วยตนเอง “ห้องของคนแซ่โจวคนนั้นก็อย่าปล่อยผ่าน!”
โจวมามาตอบราวกับได้รับความอยุติธรรม “เหล่าฮูหยิน ท่านใส่ร้ายฮูหยินแล้ว ฮูหยินเป็นภรรยาของนายท่าน นางจะวางยาพิษนายท่านได้อย่างไรเล่า”
เฉียวเวยหัวเราะ “เมื่อก่อนอาจจะไม่ แต่ตอนนี้ ท่านพ่อของข้าจะขับไล่นางออกจากตระกูลแล้ว ผู้ใดจะรับประกันได้ว่านางไม่คิดเคืองแค้นอยู่ในใจ”
โจวมามาชี้เฉียวเวยแล้วบอกว่า “ข้านึกออกแล้ว! ท่านป็นคนส่งไข่มุกให้ฮูหยิน! ตอนที่ฮูหยินเข้ามาในห้อง ไข่มุกอยู่ในมือท่าน! ท่านจะต้องเล่นตุกติกอะไรกับไข่มุกแน่ ไข่มุกเม็ดนั้นถึงมีปฏิกิริยา!”
“ข้า น่าขัน เหตุใดข้าต้องวางยาพิษท่านพ่อของข้าด้วย ท่านพ่อดีต่อข้าปานนั้น”
โจวมามาเค้นสมอง “ท่าน…ท่าน…ท่าน…ท่านแค้นที่นายท่านไม่ขับไล่ฮูหยินออกจากตระกูล! ท่านถึงเกิดความแค้นเคือง!”
ทุกคนหันขวับไปมองเฉียวเวย จีซวงกับหลี่ซื่อฟังไม่เข้าใจว่าพวกนางกำลังพูดอันใด เหตุใดจีซั่งชิงต้องขับไล่สวินซื่อออกจากตระกูล แล้วเรื่องนี้เกี่ยวข้องอะไรกับเฉียวเวย
แต่จีเหล่าฮูหยินเข้าใจแล้ว ตอนแรกเฉียวเวยเป็นคนสืบหาหลักฐานความผิดของสวินซื่อมา แต่สุดท้ายสวินซื่อกลับไม่ถูกขับไล่ออกจากตระกูล เพราะเหตุนี้ เฉียวเวยจึงไม่พอใจจีซั่งชิงหรือเปล่า
ใจจริงแล้วจีเหล่าฮูหยินไม่ใช่ว่าจะไม่เชื่อถือเฉียวเวยถึงเพียงนั้น แต่ยามนี้คนที่นอนครึ่งเป็นครึ่งตายอยู่บนเตียงคือบุตรชายเพียงคนเดียวของนาง ความคิดของนางจึงสับสนอย่างยิ่ง สูญเสียสติปัญญาในวันวานไปแล้ว
เฉียวเวยคลี่ยิ้มจางๆ หันไปมองโจวมามาแล้วโต้ว่า “ถ้าเช่นนั้นก็ได้ ในเมื่อเจ้าไม่เชื่อข้า ก็มาค้นตัวข้าเลย ดูซิว่าบนตัวข้าซ่อนยาพิษเอาไว้ แล้วป้ายยาพิษให้ฮูหยินของเจ้าต่อหน้าทุกคนหรือไม่”
โจวมามาตั้งท่าจะค้นจริงๆ
เหล่าฮูหยินก็ไม่ได้ห้าม
ตอนที่โจวมามากำลังจะแตะเฉียวเวยนั่นเอง เฉียวเวยก็ถอยหลังก้าวหนึ่ง เอ่ยขึ้นเรียบๆ ว่า “ประเดี๋ยวก่อน หากเจ้ายัดของใส่ร้ายข้า ฉวยโอกาสที่ค้นตัวย้ายยาพิษมาไว้บนตัวข้าจะทำอย่างไร”
โจวมามาโมโห “ข้าไม่มีทางทำเช่นนั้น!”
เฉียวเวยเลิกคิ้วเรียว “ปากเจ้าพูดเช่นนี้ แต่หากทำขึ้นมาเล่า”
โจวมามาสะอึก “ท่าน…”
“ข้าทำเอง” หรงมามตอบ
หรงมามานำเฉียวเวยไปด้านหลังฉากกันลม หลังจากนั้นหนึ่งเค่อ ทั้งคู่ก็เดินออกมา
หรงมามาส่ายหน้า “ไม่มีสิ่งใด”
จีซวงก็พาคนกลับมาเช่นกัน ห้องของสวินหลันกับห้องของโจวซื่อล้วนสะอาดจนแม้แต่ผมสักเส้นก็ยังไม่มี
หรือว่าผู้ที่วางยาพิษจีซั่งชิงจะเป็นคนอื่น
ตอนที่ทุกคนกำลังหัวแทบไหม้กันอยู่นั่นเอง จีหมิงซิวก็พลันมองไปที่ปิ่นของสวินหลัน “นั่นอะไร”
สวินหลันจับเรือนผม “บุปผามุก ทำไมหรือ”
จีหมิงซิวบอกเสียงราบเรียบ “ถอดลงมาดูหน่อยซิ”
สวินหลันถอดบุปผามุกออกมา ทันใดนั้นนางก็ฉุกใจคิดอะไรขึ้นมาได้ ร่างกายแข็งทื่อมองไปทางจีหมิงซิวอย่างไม่อยากจะเชื่อ
จีหมิงซิวสีหน้าไร้อารมณ์ “หรงมามา เจ้าตรวจดูบุปผามุกดอกนี้สักหน่อย”
“เจ้าค่ะ” หรงมามาคว้าบุปผามุกไปจากมือของสวินหลัน แล้วคลี่ออกดู ผงสีดำกองหนึ่งร่วงออกมา
หรงมามาตกใจรีบกระโดดหนี จีอู๋ซวงย่อตัวลง ใช้ปลายนิ้วแตะเล็กน้อยขึ้นมาดมตรงปลายจมูก “นี่ก็คือผงกล้วยไม้หยก”
จีซั่งชิงเป็นเกล็ดย้อนของเหล่าฮูหยิน ผู้ใดแตะจีซั่งชิง ผู้นั้นเท่ากับจะแลกชีวิตกับนาง! อุ้มท้องเด็กอยู่แล้วอย่างไร ถึงอย่างนั้นก็อภัยให้ไม่ได้! คนที่แตะบุตรชายของนาง อภัยไม่ได้ทั้งนั้น!
จีเหล่าฮูหยินโกรธจัด คว้าถ้วยใบหนึ่งขว้างใส่สวินหลัน!
โจวมามาโถมเข้าไป ต้องการจะบังถ้วยไว้ แต่สองขาของนางไม่มั่นคง พอผละออกจากไม้เท้า คนก็ล้มโครมลงกับพื้นทั้งตัว
ถ้วยกระแทกเข้ากับหน้าผากของสวินหลัน แตกเป็นแผลสีเลือดขนาดใหญ่ โลหิตไหลโกรกลงมาเข้าไปในดวงตาของนาง สายตาพร่ามัวในทันใด
นางมองจีหมิงซิวอย่างเสียใจ
หากใต้หล้ามีเพียงคนเดียวที่เล่นงานนางได้ คนผู้นี้ก็คือจีหมิงซิว