หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 232-2 เผยไต๋ตัวปลอม
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 232-2 เผยไต๋ตัวปลอม
ตอนที่ 232-2 เผยไต๋ตัวปลอม
พอกินมื้อกลางวันเสร็จ ใต้เท้าเจ้าสำนักตัดสินใจว่าจะไม่ขังตัวประกันที่ไม่ได้รู้สึกตัวสักนิดเหล่านี้อีก เขาต้องการเอาตัวพวกเขาไปขายให้พ่อข้าเดี๋ยวนี้ ตอนนี้ เวลานี้เลย!
พวกเด็กๆ ขายง่าย ขายพวกเด็กตัวเล็กไปก่อนก็แล้วกัน
ใต้เท้าเจ้าสำนักให้อาต๋าเอ๋อร์คิดหาทางล่อเฉียวเจิงออกไป แล้วหลอกล่อเจ้าตัวเล็กที่เหลือเข้าไปในเมืองโดยใช้ข้ออ้างว่าจะพาไปหาท่านพ่อท่านแม่
ในชนเผ่าถ่าน่ามีเมืองเล็กๆ ของชาวบ้านธรรมดา คนที่นั่นมีทั้งคนดีคนเลว วุ่นวายยากจะหาความสงบ การเจรจาของตลาดมืดก็อยู่ที่นั่น ที่นี่ชนชั้นสูงน้อย ทหารก็ย่อมมีไม่มาก เหมาะที่จะทำเรื่องผิดกฎหมายที่สุดแล้ว
ใต้เท้าเจ้าสำนักเคยเป็นหัวหน้าอันธพาลชื่อดังของที่นี่ เพียงแต่นั่นเป็นเรื่องเมื่อนานมาแล้ว ครั้งล่าสุดที่เขามาก็คือเมื่อสองเดือนก่อน เขามาซื้อยาเพื่อออกจากชนเผ่าลึกลับให้กับอาต๋าเอ่อร์และลูกน้องคนอื่นๆ นอกจากครั้งนั้นเขาก็ไม่ได้มาที่นี่เป็นเจ็ดแปดปีแล้ว
ที่นี่เปลี่ยนแปลงไปไม่มาก ยังคงวุ่นวายและสกปรกดังเก่า
สถานที่ที่งดงามยิ่งกว่านี้ล้วนอยู่ในมุมที่แสงส่องเข้าไปไม่ถึง เมืองเล็กๆ แห่งนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นมุมมืดที่สุดของชนเผ่าลึกลับ คนกลุ่มแรกที่เข้ามาตั้งรกรากที่นี่คือนักโทษที่ถูกปล่อยตัวออกมา เมื่อคนรุ่นแล้วรุ่นเล่าผ่านไป ไม่หลงเหลือนักโทษแต่กลับเหลือคนรุ่นหลังของนักโทษเอาไว้ พวกเขามีชีวิตอย่างต่ำต้อย เป็นกลุ่มคนที่ถูกดูแคลนมากที่สุดของชนเผ่าถ่าน่า
ที่น่าตกใจก็คือ คุณชายและคุณหนูจากตระกูลจีเมื่อมาถึงสถานที่สกปรกวุ่นวายเช่นนี้ กลับไม่แสดงท่าทีรังเกียจหรือหวาดกลัวเลยสักนิด
“ไม่กลัวหรือเจ้าหนู” ใต้เท้าเจ้าสำนักถามยิ้มๆ
ซาลาเปาน้อยส่ายหน้าพร้อมกัน
“เหตุใดต้องกลัวด้วย ท่านอาท่านกลัวหรือไม่” จิ่งอวิ๋นถาม
ใต้เท้าเจ้าสำนักยิ้มประชด “ข้าโตมาที่นี่ เจ้าว่าข้ากลัวหรือไม่เล่า”
อยู่ดีๆ จิ่งอวิ๋นก็รู้สึกสงสาร แต่เขาก็บอกไม่ถูกว่าเหตุใดจึงรู้สึกเช่นนี้
ใต้เท้าเจ้าสำนักพาซาลาเปาน้อยทั้งสองเข้าไปในโรงสุราเล็กๆ ที่ดูไม่สะดุดตาอย่างคุ้นเคย
ภายในโรงสุราไม่มีแขกนั่งอยู่ มีเพียงสตรีวัยกลางคนที่ผัดหน้าหลากสีสันนั่งอยู่คนหนึ่งเท่านั้น
ใต้เท้าเจ้าสำนักเดินเข้าไปหา นิ้วที่เรียวยาวดั่งหยกเคาะบนโต๊ะสูงเบาๆ เฟิ่งซานเหนียงเงยหน้าขึ้นมอง นัยน์ตาฉายแววตกใจก่อนจะระบายยิ้มสดใส “เจ้าคิดถึงข้ามากหรือ สองเดือนนี้ถึงได้มาหาข้าตั้งสองครั้ง”
กลีบปากสีแดงฉ่ำของใต้เท้าเจ้าสำนักยกขึ้นเล็กน้อย “จะมาแนะการค้าให้เจ้า จะทำหรือไม่”
“การค้าอะไร”
ใต้เท้าเจ้าสำนักหันไปมองเด็กน้อยที่นั่งเรียบร้อยอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่ง เด็กน้อยทั้งสองเปลี่ยนมาอยู่ในชุดของชนพื้นเมืองที่นี่แล้ว พวกเขาสวมรองเท้าหนังสัตว์ ใส่หมวก ดูน่ารักจนอธิบายไม่ถูก พวกเขาอุ้มเพียงพอนตัวน้อยไว้คนละตัว ยิ่งน่ารักจนใจแทบจะละลาย
เฟิ่งซานเหนียงอ้าปากเอ่ยชื่นชมว่า “งามยิ่งนัก พวกเขาทำให้ข้านึกถึงเจ้าเมื่อตอนนั้น ไปเอามาจากไหนเล่า”
ใต้เท้าเจ้าสำนักตอบว่า “เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องสนใจ เปิดราคามาเถอะ”
เฟิงซานเหนียงหรี่ตา “เจ้าช่างมาได้พอดีเวลายิ่งนัก มีคนกำลังอยากซื้อเด็กแฝดชายหญิงกับเพียงพอนอยู่พอดี ราคาสูงจนแทบไม่อยากเชื่อ”
“เท่าไร”
เฟิงซานเหนียงทำมือให้ดู
ใต้เท้าเจ้าสำนักหรี่ตาลง “ราคานี้สามารถซื้อไข่มุกได้ร้อยเม็ดแล้ว”
ไข่มุกเป็นคำเรียกแทนเด็กในตลาดมืด
เฟิงซานเหนียงยิ้ม “นี่แค่ราคาแฝดชายหญิงนะ คนซื้อบอกว่าหากได้เพียงพอนมาด้วยจะให้ราคาเป็นสองเท่า เจ้าไปได้ยินข่าวอะไรมาใช่หรือไม่ ถึงได้หามาเสียครบเช่นนี้”
“ที่คนซื้อตามหาคือเด็กที่มีเพียงพอนกระมัง” ใต้เท้าเจ้าสำนักช่างฉลาดล้ำยิ่งนัก!
เฟิงซานเหนียงอึ้งไป ก่อนจะตามด้วยยิ้มโปรยเสน่ห์ “ข้าก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน ถึงได้บอกว่าเจ้าโชคดีอย่างไร จับมามั่วๆ ก็ดันได้อย่างที่ต้องการพอดี”
ใต้เท้าเจ้าสำนักยิ้มได้ใจ “คนผู้นั้นคิดจะทำอะไร ให้ราคาเสียสูงเพียงนี้ คงไม่ได้คิดอยากซื้อเด็กสองคนไปเป็นทาสกระมัง”
เฟิงซานเหนียง “เรื่องนี้ข้าไม่รู้แล้ว จะขายหรือไม่”
ใต้เท้าเจ้าสำนักยื่นมือออกมา เฟิงซานเหนียงหยิบถุงทองหนักอึ้งจากในตู้มาส่งให้ ใต้เท้าเจ้าสำนักเอาทองใส่ในอกเสื้อแล้วหันไปเอ่ยกับจิ่งอวิ๋นวั่งซูว่า “อีกเดี๋ยวพ่อแม่พวกเจ้าก็จะมาแล้ว ข้าไปรับพวกเขาก่อน พวกเจ้านั่งรออยู่ที่นี่ อย่าวิ่งออกไปไหนล่ะ”
“อื้อ” ทั้งสองพยักหน้าอย่างว่าง่าย
ใต้เท้าเจ้าสำนักยกมือไปจะขยี้ศีรษะเด็กทั้งสอง แต่กลับค้างอยู่กลางอากาศ สีหน้าดูชะงักก่อนจะหมุนตัวออกจากโรงสุราไป
อากาศที่ชนเผ่าถ่าน่าคล้ายอยู่ในฤดูใบไม้ผลิตลอดปี น้อยนักที่จะทำให้รู้สึกหนาว แต่พอมีลมอ่อนๆ พัดมา ใต้เท้าเจ้าสำนักกลับรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก
เขาควักถุงจากอกเสื้อออกมาช่างในมือ นับว่าพอใจไม่น้อย
แต่แล้วจู่ๆ ก็มีเสียงวุ่นวายดังขึ้นข้างหน้า คนสองข้างทาง แขกในร้านค้าพากันวิ่งตามเสียงนั้นไป
ในบรรดากลุ่มคนเหล่านั้นไม่รู้ใครตะโกนขึ้นมาว่า “จั๋วหม่าน้อยมาแล้ว! จั๋วหม่าน้อยมาแล้ว! ทุกคนรีบออกมาดูเร็ว!”
“จั๋วหม่าน้อยเป็นใครกัน” สตรีนางหนึ่งถามขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ”
ชายคนหนึ่งบอกว่า “ก็คือบุตรสาวของจั๋วหม่าอย่างไรเล่า! นางไปโตอยู่ที่จงหยวน เวลานี้กลับมาจากจงหยวนแล้ว! ได้ยินว่าอาการป่วยของเหอจั๋วก็ดีขึ้น นางช่างเป็นดาวโชคที่สวรรค์ส่งมาโดยแท้ นางไม่ได้แค่มีรูปโฉมที่เลอเลิศเท่านั้นนะ แต่ยังมีจิตใจที่ดีงามอีกด้วย! นางเชี่ยวชาญด้านการแพทย์ ตรวจอาการให้คนจนโดยไม่คิดเงิน พวกเจ้าเห็นหรือยัง นางคือคนนั้นแหละ!”
ใต้เท้าเจ้าสำนักมองตามมือที่คนผู้นั้นชี้บอก จึงเห็นว่าด้านหน้าขบวนที่ยาวเหยียดมีสตรีในอาภรณ์สีแดงคนหนึ่ง กำลังอมยิ้มตรวจชีพจรให้หญิงชราคนหนึ่ง หญิงชราผู้นั้นร่างกายผ่ายผอมจนน่าสงสาร แต่ใบหน้าจั๋วหม่าน้อยกลับไม่มีความรังเกียจสักนิด กลับกัน ยังเต็มไปด้วยความอดทนและใจดีอีกด้วย
ในเมืองเล็กแห่งนี้ ทุกที่มีแต่คนยากจนและเจ็บป่วย แต่กลับไม่มีหมอคนไหนยินดีเข้ามาเหยียบที่นี่ การปรากฏตัวของนาง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าย่อมเป็นที่ซาบซึ้งใจของทุกคนยิ่งนัก
สายตาของใต้เท้าเจ้าสำนักหยุดมองใบหน้าของนาง ช่างน่าประหลาด นั่นไม่ใช่ฮูหยินน้อยตระกูลจีที่สู้กับตนมาครั้งหนึ่งหรือ เหตุใดถึงมาเป็นจั๋วหม่าน้อยแห่งชนเผ่าลึกลับได้
ใต้เท้าเจ้าสำนักเบียดเสียดผู้คนเดินเข้าไป สองตาหรี่ลง มองนางด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
สตรีนางนั้นเหลือบขึ้นมองเขาทีหนึ่ง สายตามีแววตกใจอย่างยากจะปกปิดวาบผ่าน แต่ชั่วขณะต่อมาก็พยายามรักษากิริยา เอ่ยกับเขาอย่างเป็นมิตรว่า “คุณชายท่านนี้ ขอถามว่าท่านไม่สบายที่ตรงใดหรือ”
ใต้เท้าเจ้าสำนักยิ้มเยาะ “หน้ากากข้าหาย ไม่สบายข้างในใจ”
สตรีนางนั้นยิ้มน้อยๆ “ป่วยใจจำต้องใช้ยาใจรักษา หากคุณชายทำของหายก็ต้องหาให้ทั่วถึงจะถูก มีตรงใดที่ไม่สบายอีกหรือไม่”
“ไม่มีแล้ว”
เสียงก็ไม่เหมือน
ใต้เท้าเจ้าสำนักหมุนตัวกลับ เดินออกจากฝูงชนไปทันที
แต่แล้วจู่ๆ เด็กน้อยตัวขาวอวบอ้วนสองคนก็วิ่งเข้ามา แต่ละคนอุ้มเพียงพอนตัวน้อยมาด้วยคนละตัว “ท่านแม่! ท่านแม่!”
ใต้เท้าเจ้าสำนักพลันชะงักฝีเท้า
“นี่คือลูกของจั๋วหม่าน้อย น่ารักเหลือเกิน!” สตรีสูงวัยคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
สหายของนางบอกว่า “ใช่แล้วๆ ยังเป็นแฝดชายหญิงด้วยนะ ชนเผ่าถ่าน่าของพวกเราไม่มีเรื่องน่ายินดีเช่นนี้มาหลายร้อยปีแล้ว”
ชนเผ่าถ่าน่ามีบุตรกันไม่ง่ายนัก ครอบครัวทั่วไปคลอดได้บุตรชายสักคนก็ขอบคุณฟ้าขอบคุณดินแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฝาแฝดชายหญิงเลย
สายตาสงสัยของใต้เท้าเจ้าสำนักหยุดมองที่ครอบครัวนาง ฉับพลันทันใดนั้นเขาก็ได้เข้าใจบางอย่าง เขามองไปทางโรงสุราของเฟิงซานเหนียง ก็เห็นขบวนองครักษ์ที่แต่งกายเหมือนทหารท้องถิ่นกำลังทำลับๆ ล่อๆ อ้อมเข้าไปทางด้านหลังของโรงสุรา
สายตาเขาพลันเย็นยะเยือก รีบเดินไปทางโรงสุราทันที