หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 407-2 มารดาและบุตรได้พบหน้า (1)
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 407-2 มารดาและบุตรได้พบหน้า (1)
ตอนที่ 407-2 มารดาและบุตรได้พบหน้า (1)
ฮองเฮาเยี่ยหลัวเอ่ยอย่างน่าสงสาร “ข้าก็แค่อยากพบหน้าเขาเท่านั้น! ข้าแค่คิดว่าเขาถูกคนจับเข้าคุกไป ข้าก็กินข้าวไม่ลง นอนก็นอนไม่หลับ…”
เฉียวเวยแทบอยากจะเป็นบ้า “พวกท่านเพิ่งพบหน้ากันได้กี่ครั้ง เหตุใดท่านถึง…ถึงได้…ฝังใจกับเขาเพียงนี้!”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวไม่พูดอะไรอีก ทรุดนั่งตรงมุมกำแพงพร้อมกอดตัวเองไว้ ร้องไห้พลางเช็ดน้ำตาไปด้วย ท่าทางน่าสงสารยิ่งนัก ไม่ต้องบอกเลยว่าปวดใจเพียงใด
เฉียวเวยแพ้ไม้อ่อนไม่แพ้ไม้แข็ง ตอนอีกฝ่ายเถียงตนฉอดๆ นางยังสู้กลับไปได้ แต่พออีกฝ่ายเอาแต่ร้องไห้เช่นนี้ ก็เล่นเอาเจ้าสำนักอย่างนางปั่นป่วนไปเช่นกัน
สตรีพวกนี้นี่นะ ช่างน่ารำคาญโดยแท้!
“เอาล่ะๆ ไม่ต้องร้องแล้ว! ข้าจะพาท่านไปพบเขาเอง!”
เสียงร้องไห้ของฮองเฮาเยี่ยหลัวพลันหยุดชะงัก “จริงหรือ”
เวลานี้ขอคืนคำจะสายไปหรือไม่ เฉียวเวยเอ่ยสีหน้าจริงจังว่า “แต่ข้าบอกไว้ก่อนนะ พบหน้าเสร็จแล้วกลับทันที!”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวพยักหน้าอย่างหนักแน่น “อื้อ!”
“รอข้าอยู่ที่นี่”
“อื้อ!”
เวลานี้จะเข้าตามตรอกออกทางประตูคงไม่ได้แล้ว เฉียวเวยไปบอกกล่าวจีหมิงซิวที่รถม้าเสร็จก็เดินกลับไปหาฮองเฮาเยี่ยหลัว พอเท้าเหยียบขึ้นบนกำแพงวังได้ก็ยื่นมือไปจับคนข้างล่าง แล้วออกแรงดึงตัวฮองเฮาเยี่ยหลัวขึ้นมาราวกับอีกฝ่ายตัวเล็กเป็นลูกไก่
ฮองเฮาเยี่ยหลัวยืนลงบนพื้นได้อย่างมั่นคง นางยิ้มร่าพลางเอ่ยว่า “เสี่ยวเวยเจ้าเก่งกาจยิ่งนัก!”
เฉียวเวยตีหน้านิ่ง “ไม่ต้องมาประจบข้า!”
“อ้อ” ฮองเฮาเยี่ยหลัวเลิกคิ้ว
เฉียวเวยหมดคำจะเอ่ย เหตุใดน้ำเสียงถึงได้เหมือนเจ้าเด็กอ้วนนักนะ!
เวลานี้พ้นเที่ยงคืนมาแล้ว องครักษ์ที่เดินลาดตระเวนน้อยลงไปมาก เฉียวเวยหลบหลีกพวกเขาได้อย่างเจนทาง จนมาถึงคุกที่ขังตัวยิ่นอ๋องไว้
ประตูคุกเปิดอยู่ มีองครักษ์เพียงคนเดียวคอยเฝ้า
เฉียวเวยหยิบก้อนหินเล็กๆ ขึ้นมาโยนไปอีกทาง
องครักษ์ชักกระบี่ยาวขึ้นทันควัน “ผู้ใดกัน!”
พอองครักษ์เดินไปสำรวจทางด้านนั้น เฉียวเวยก็รีบเคลื่อนตัวไปอยู่ทางด้านหลัง แล้วใช้สันมือสับลงไปทันที!
องครักษ์ตัวอ่อนลงทันที
เฉียวเวยมือไวคว้าตัวเขาเอาไว้ เพื่อไม่ให้เกิดเสียงดังจนทำให้องครักษ์ลาดตระเวนได้ยินเสียงเข้า
เฉียวเวยลากตัวองครักษ์เข้าไปในคุกแล้วโบกมือให้ฮองเฮาเยี่ยหลัว
ฮองเฮาเยี่ยหลัวยกกระโปรงขึ้นก่อนจะวิ่งจี๋เข้าไปหาราวกับหนูตัวน้อย
ที่น่าเอ่ยถึงก็คือ คุกแห่งนี้มียิ่นอ๋องถูกขังอยู่เพียงผู้เดียว จึงไม่ต้องกังวลว่าจะถูก “เพื่อนร่วมคุก” เห็นเข้า เฉียวเวยคอยดูต้นทางอยู่ด้านหน้า
ในห้องโถงก็มีองครักษ์อยู่คนหนึ่ง เขาฟุบหลับอยู่บนโต๊ะ
เฉียวเวยเติมยานอนหลับให้เขาอีกนิดอย่างใส่ใจ เพื่อให้เขาหลับสนิทได้ดียิ่งขึ้น จากนั้นนางก็ปลดกุญแจออกจากเชือกคาดเอวอีกฝ่ายไปเปิดกรงขังให้ยิ่นอ๋อง
ฮองเฮาเยี่ยหลัวรีบเดินเข้าไปใกล้ นางเห็นยิ่นอ๋องนอนขดตัวอยู่บนกองฟาง ตามเนื้อตัวมีแต่รอยแผล สีหน้านางก็พลันขาวซีด!
เฉียวเวยย่อตัวลงตรวจดูลมหายใจของยิ่นอ๋อง “เขาสลบไป เอาล่ะ ท่านได้พบเขาแล้ว ควรกลับได้แล้ว”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวนิ่งไม่ขยับ มองยิ่นอ๋องที่อยู่บนพื้นด้วยสีหน้าอึ้งงัน ลูบหน้าอีกฝ่ายด้วยมือที่สั่นเทา
“ท่านน้า—”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวหยิบผ้าเช็ดหน้าออกจากอกเสื้อแล้วเช็ดให้อีกฝ่ายอย่างเบามือ ตั้งแต่หน้าไปถึงมือ ระหว่างที่เช็ดก็บ่นงึมงำพร้อมน้ำตาที่ไหลริน
“ไม่ใช่กระมังท่านน้า อายุของเขาแทบจะเป็นลูกท่านได้แล้ว ท่านยัง…” เฉียวเวยเอ่ยถึงตรงนี้ในหัวก็มีความคิดหนึ่งแวบเข้ามา นางมองยิ่นอ๋องด้วยสีหน้าอึ้งงัน พอคิดอะไรได้ก็พุ่งเข้าไปปัดผมที่รุงรังบนหน้ายิ่นอ๋องออก!
ดีร้ายอย่างไรก็เป็นองค์ชาย จะทรมานอย่างไรก็ไม่ทำไปถึงใบหน้า ใบหน้าเขานอกจากเปรอะเปื้อนเล็กน้อยแล้ว ก็ไม่เห็นว่ามีตรงใดที่เขียวช้ำ
นางมองใบหน้านั้นแล้วหันมองใบหน้าฮองเฮาเยี่ยหลัว…
เฉียวเวยรู้สึกว่าตนได้ค้นพบเรื่องที่ยิ่งใหญ่เข้าเสียแล้ว!
เป็นเพราะนางยอมรับได้นานแล้วเรื่องที่ยิ่นอ๋องกับจีหมิงซิวมีหน้าตาที่คล้ายกัน จนเฉียวเวยลืมคิดไปถึงเหตุผล ก่อนหน้านี้คิดเพียงว่าเพราะมีเชื้อสายตระกูลหลี่ด้วยกันทั้งสองคน ดังนั้นการที่ทั้งสองหน้าคล้ายกันจึงไม่มีอะไรแปลก แต่พอลองไตร่ตรองดูโดยละเอียด เจาหมิงไม่ใช่ลูกบ้านตระกูลหลี่ หมิงซิวก็ไม่ใช่!
ในเมื่อไม่ใช่เชื้อสายตระกูลหลี่ แล้วเหตุใดถึงได้หน้าตาละม้ายกับยิ่นอ๋องเพียงนั้น
บางที…อาจควรกลับมาถามว่า หลี่ยิ่นเหตุใดถึงหน้าตาเหมือนบุตรของเจาหมิงได้
นอกเสียจากว่ามารดาของเขาก็คล้ายเจาหมิงจนน่าตกใจเช่นกัน…
การคาดเดาเช่นนี้นับว่าใจกล้าเกินไปจริงๆ
กระทั่งเฉียวเวยยังรู้สึกว้าวุ่น แต่ที่น่าว้าวุ่นยิ่งกว่าก็คือ ความคิดนี้พอแวบเข้ามาในหัวแล้วก็ลบออกไปไม่ได้อีก
เวลานี้มั่นใจได้แล้วว่าหรงเฟยกับเยี่ยหลัวมีบางอย่างเกี่ยวข้องกัน ตัวหรงเฟยเองไม่มีบุตร แต่ที่อุ้มมาเป็นบุตรของท่านน้า ซึ่งก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
หากยิ่นอ๋องเป็นบุตรชายของท่านน้าจริง เช่นนั้นก็อธิบายได้แล้วว่าเหตุใดหรงเฟยถึงทำใจใช้ประโยชน์จากเขาได้ หรงเฟยไม่มีทางแค่เพียงใช้ประโยชน์จากเขาเท่านั้น หรงเฟยรู้แน่ชัดถึงการตายของฮองเฮา แต่กลับตั้งใจให้ผิดซ้ำไปเรื่อยๆ สิ่งที่นางทำลายมีเพียงเกียรติยศและความร่ำรวยของตนเพียงคนเดียวจริงๆ หรือ ยังมีความรักและเอ็นดูที่ฮ่องเต้มีต่อยิ่นอ๋องอีก
บุพการีคนใดจะกระทำเรื่องเช่นนี้ลงบ้าง
ปลายเท้าเฉียวเวยรู้สึกเย็นวาบ
ด้านนอกมีเสียงฝีเท้าองครักษ์ลาดตระเวนดังเข้ามา ดูท่ากำลังมาทางคุกแห่งนี้
เฉียวเวยไม่มีเวลาใช้ความคิด นางลากฮองเฮาเยี่ยหลัวออกจากคุก รีบเอากุญแจขึ้นคล้องแล้วเร้นกายออกจากคุกทันที
ฮองเฮาเยี่ยหลัวจิตใจหดหู่เหลือแสน ระหว่างทางเอาแต่เงียบงัน ไม่ยอมพูดอะไรสักคำ
เฉียวเวยกวาดตามองไปรอบๆ แล้วจัดการลากนางไปยังอุทยานที่ไร้ผู้คน “ท่านน้า ท่านเคยคิดหรือไม่…ก่อนหน้าที่ท่านจะแต่งงานกับราชาเยี่ยหลัว บางทีอาจจะเคยแต่งงานมาก่อน”
“ข้าเคยแต่งงานมาก่อน?” ฮองเฮาเยี่ยหลัวมองเฉียวเวยด้วยความงุนงง
เฉียวเวยกระซิบบอก “ข้าก็เพียงคาดเดาเอาเท่านั้น ตอนท่านแต่งงานกับราชาเยี่ยหลัวก็อายุไม่น้อยแล้ว อายุอย่างท่านเช่นนี้ในต้าเหลียงของพวกเราเป็นแม่ของบุตรหลายคนได้แล้วนะ ท่านจะเคยแต่งงานเคยมีบุตรมาแล้วหรือไม่”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวเอามือกุมศีรษะ “ข้านึกไม่ออก”
เฉียวเวยก็ไม่บีบคั้นนาง เปลี่ยนไปถามว่า “ท่านน้า ท่านชอบท่านยิ่นอ๋องหรือ”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวตั้งใจคิดก่อนพยักหน้า
เฉียวเวยถอนหายใจเบาๆ “สายเลือดนั้นช่างเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ หมิงซิวเขาไม่ชอบเด็ก กระทั่งน้องชายของตนก็ไม่เคยสนิทสนมด้วยมาก่อน แต่ครั้งแรกที่เขาได้พบหน้าจิ่งอวิ๋นกับวั่งซู เขาก็รู้สึกสนิทใจกับพวกเขามาก ถึงขั้นอยากกอดพวกเขา ท่านน้า ข้ากล่าวเช่นนี้ท่านเข้าใจหรือไม่”