หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 437-2 นี่มันพวกสวะนักต้มตุ๋นนี่นา
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 437-2 นี่มันพวกสวะนักต้มตุ๋นนี่นา
ตอนที่ 437-2 นี่มันพวกสวะนักต้มตุ๋นนี่นา
เจ้าตุ้ยนุ้ยจะนอนหลับก็ต่อเมื่อตัวนางเองอยากนอนมากจริงๆ เท่านั้น พอท้องนางหิวนางก็จะตื่นขึ้นมาเอง แต่ตอนนี้สภาพของนางเหมือนจะตื่นก็ไม่ใช่จะหลับก็ไม่เชิง ท่าทางเหมือนเมามาย ทั้งร่างมีกลิ่นหอมประหลาดโชยออกมา นางไม่เคยเห็นสภาพเช่นนี้มาก่อน
“วั่งซู เมื่อครู่เจ้าไปทำอะไรมา” นางถามเสียงเบา
ดวงหน้าน้อยของวั่งซูแดงก่ำ พอได้ยินคำพูดของฟู่เสวี่ยเยียนก็หันไปมองฟู่เสวี่ยเยียนอย่างเมามาย แล้วพูดอย่างเชื่องช้าว่า “ข้าไม่ได้ขโมยกินนะ…”
ไม่ได้ขโมยกินหรือ ยังไม่ทันตีก็สารภาพออกมาเองแล้ว
“เจ้ากินอะไรไป” ฟู่เสวี่ยเยียนถามอย่างเป็นกังวล
“ไม่ได้กินๆ” เจ้าตุ้ยนุ้ยล้มตัวลงไปนอนแผ่อย่างเมามาย
ฟู่เสวี่ยเยียนอยากจะถามอะไรต่อ แต่พวกเขามาถึงจวนเจ้าเมืองเสียแล้ว
ซิ่วฉินกับเฉี่ยวหลิงรออยู่บนรถม้าเพื่อดูแลเด็กน้อยทั้งสองคน ฟู่เสวี่ยเยียนกับชางจิวตามฮองเฮาเข้าไปในจวน
ก่อนจะเลือกเมืองผู พวกเขาสืบข้อมูลของจวนเจ้าเมืองมาพอประมาณแล้ว นอกจากบุญคุณความแค้นระหว่างจวนเจ้าเมืองกับฮ่องเต้ แม้แต่เรื่องในบ้านของครอบครัวเจ้าเมืองก็สืบมาจนรู้กระจ่างชัด
ครอบครัวของเจ้าเมืองมีทั้งหมดหกชีวิต ตัวเจ้าเมือง ฮูหยินของเจ้าเมือง คุณชายน้อยสามคนกับุณหนูน้อยอีกหนึ่งคน ครอบครัวของเจ้าเมืองมีบุรุษมากสตรีน้อย ผู้ที่ได้รับความเอ็นดูที่สุดก็คือคุณหนูคนเล็กคนนี้ ผลึกวารีสวรรค์อันงดงามคู่นั้นเป็นของที่เตรียมมาไว้ให้คุณหนูตัวน้อยโดยเฉพาะ
ทว่าเมื่อทุกคนก้าวเข้าไปถึงในห้องโถงรับรอง กลับไม่พบเงาของแม่นางน้อยแต่อย่างใด ผู้ที่นั่งอยู่บนที่นั่งเจ้าเมืองตรงข้ามกับประตูคือบุรุษเรือนร่างกำยำ ใบหน้าคมคร้ามคนหนึ่ง ตำแหน่งถัดลงมาข้างกายเขามีเด็กหนุ่มอายุน้อยท่าทางองอาจห้าวหาญยืนอยู่สามคน
เด็กหนุ่มเหล่านี้คนที่อายุมากที่สุดอายุสิบสี่ปี คนที่อายุน้อยที่สุดอายุสิบปี ทั้งหมดสืบทอดความองอาจมาจากบิดา ยามเผชิญหน้ากับคณะทูตจากเยี่ยหลัวผู้มีบรรยากาศน่าเกรงขามก็หาได้หวาดหวั่นกลัวเกรงไม่ ยังคงวางตัวสุขุมนิ่งสงบ
พยัคฆ์ไม่ออกลูกเป็นสุนัข ประโยคนี้คงหมายความเช่นนี้เอง
พ่อบ้านที่นำทางขบวนมาพาคณะทูตเข้าไปในห้องโถงใหญ่ ฮองเฮาสวมผ้าคลุมสีดำสนิท แต่ปลดหมวกของผ้าคลุมลงมา สีดำสนิทดุจน้ำหมึกช่วยขับเน้นให้เรือนร่างสูงเพรียวของนางดูระหงบอบบาง กลิ่นอายความลึกลับจางๆ แผ่ออกมาจากกิริยาท่าทางอันเยือกเย็น
นางสวมผ้าโปร่งปิดหน้า ดวงตานิ่งสงบที่เหมือนจะแฝงรอยยิ้มคู่นั้นเหนือผืนผ้าโปร่งบางประหนึ่งวังน้ำวนในห้วงสมุทร ยามสบสายตาคล้ายจะสูบวิญญาณของผู้คนเข้าไป
ฟู่เสวี่ยเยียนที่อยู่ด้านหลังร่างของนางกลับสวมผ้าคลุมสีฟ้าใส ปิดบังครรภ์อายุห้าเดือนที่กลมโตเอาไว้ แม้นางจะสวมผ้าปิดหน้าเหมือนกัน แต่กลับไม่มีกลิ่นอายลึกลับที่ทำให้คนรู้สึกถึงความอันตรายเฉกเช่นนั้น
มีคนงามอยู่ที่นี่ ตาเฒ่าอย่างชางจิวย่อมไม่มีสิ่งใดให้น่ามองแล้ว ใต้เท้าเจ้าเมืองเลื่อนสายตาออกจากใบหน้าของชางจิวอย่างรังเกียจ สายตาเย็นชาค่อยๆ หยีโค้งเป็นจันทร์เสี้ยวสองดวงอย่างช้าๆ “ได้ยินมานานแล้วว่าฮองเฮาแห่งเยี่ยหลัวเป็นยอดหญิงงาม วันนี้ได้พานพบ จริงสมคำร่ำลือ มิทราบว่าจะปลดผ้าคลุมหน้าได้หรือไม่”
ฮองเฮาตอบอย่างแช่มช้า “พวกเราสตรีเยี่ยหลัวจะถอดผ้าคลุมหน้าเพื่อบุรุษที่รักเท่านั้น หากเจ้าเมืองจะให้ข้าถอด ก็คงต้องสู่ขอข้าแล้ว”
เด็กหนุ่มทั้งสามคนหันขวับไปมองบิดาของตนเองทันที!
ใต้เท้าเจ้าเมืองถูจมูกอย่างขัดเขิน “ข้าก็เพียงพูดไปอย่างนั้น”
ฮองเฮาเอ่ยต่ออย่างไม่รีบร้อน “เดินทางมาเมืองผูหนนี้รบกวนเจ้าเมืองแล้ว เพื่อแสดงความขอบคุณ ข้าเตรียมของขวัญเล็กน้อยมาด้วย หวังว่าเจ้าเมืองจะไม่รังเกียจ”
ใต้เท้าเจ้าเมืองพิงพนักเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน “หวังว่าคงจะไม่ทำให้ข้าผิดหวังหรอกนะ บอกไว้ก่อนว่าราคาที่ต้องจ่ายเพื่อปกป้องพวกท่านก็มากอักโขอยู่”
ฮองเฮาส่งสายตาให้ชางจิว ชางจิวเดินออกไปด้านนอกด้วยตนเองแล้วบัญชาการให้องครักษ์แบกหีบใบใหญ่สี่ใบเข้ามา
ใต้เท้าเจ้าเมืองมองหีบหนักอึ้งสี่ใบอย่างสนอกสนใจ ริมฝีปากยกโค้งขึ้นน้อยๆ สั่งว่า “เปิดหีบ”
ชางจิวเปิดหีบใบแรก
สิ่งที่บรรจุอยู่ภายในหีบคือก้อนเงินสีขาว ใต้เท้าเจ้าเมืองไม่ขาดแคลนเงิน เขาจึงแค่นเสียงดังเหอะอย่างหมดความสนใจ “นี่น่ะหรือคือน้ำใจที่พวกท่านคนเยี่ยหลัวจะมอบให้ได้”
ฮองเฮาตอบว่า “เงินเหล่านี้เป็นเพียงค่าเหนื่อยที่มอบให้องครักษ์ทั้งหลายของจวนเจ้าเมืองเท่านั้น สามสิ่งต่อจากนี้จึงจะเป็นของที่มอบให้แก่ใต้เท้าเจ้าเมือง”
ใต้เท้าเจ้าเมืองเหมือนจะสงสัยใคร่รู้ขึ้นมาบ้างแล้ว “อ้อ ด้านในใส่สิ่งใดมาเล่า”
ฮองเฮาตอบอย่างหยิ่งยโส “ผลสองภพของชนเผ่าลึกลับ”
ใต้เท้าเจ้าเมืองได้ยินคำว่าผลสองภพ ร่างกายที่เอนกายเกียจคร้านอยู่ก็ดีดตัวขึ้นมานั่งหลังตรงในพริบตา “ท่านมีผลสองภพหรือ”
ฮองเฮาตอบอย่างภาคภูมิใจ “ไม่ใช่แค่มี แต่ยังมีมากมายหลายผล เพียงพอให้ใต้เท้าเจ้าเมืองรวมถึงคุณชายน้อยทั้งสามเพิ่มกำลังภายในได้”
ใต้เท้าเจ้าเมืองสนใจมากอย่างยิ่ง หากมีผลสองภพจริง ไม่ต้องพูดถึงการปล่อยคนออกจากเมืองของพวกเขา ต่อให้ต้องอารักขาพวกเขากลับเยี่ยหลัว เขาก็ทำได้!
ฮองเฮาพอใจกับปฏิกิริยาของเขาอย่างยิ่ง นางจึงยกมุมปากโค้ง ส่งสัญญาณให้ชางจิวเปิดหีบ
ชางจิวเปิดหีบอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง
ใต้เท้าเจ้าเมืองมองเข้าไปอย่างอดใจรอไม่ไหว ทว่าเขาเห็นสิ่งใดกัน
แกนผลไม้ที่ถูกกินจนเกลี้ยงแล้วสิบแปดแกน!
สีหน้าของใต้เท้าเจ้าเมืองบึ้งตึงในพริบตา แม้เขาจะไม่เคยเห็นผลสองภพมาก่อน แต่เขาโง่ถึงขนาดที่จะแยกผลไม้กับแกนผลไม้ไม่ออกหรือไร
คนกลุ่มนี้คิดจะเอาแกนผลไม้มาหลอกเขา!
ทุกคนรอคอยอย่างใจจดใจจ่อที่จะเห็นใต้เท้าเจ้าเมืองแสดงสีหน้าตกตะลึงอย่างยิ่งออกมา แต่ผลสุดท้ายสีหน้าที่แสดงออกมาเป็นสีหน้าตกใจก็จริง แต่มันกลับไม่ใช่อาการตกใจเพราะความยินดี แต่เป็น…อาการตกใจเพราะความโกรธเกรี้ยว
ชางจิวคิดว่าเจ้าเมืองมีตาไม่มีแวว จึงคิดจะอธิบายกับเขาสักหน่อย ทว่าก่อนจะเอ่ยคำอธิบายเขาก้มหน้าลงไปมองแวบหนึ่ง แล้วก็ต้องตกตะลึงตาค้างในพริบตา!
นี่ฝีมือผู้ใดกัน!
เนื้อผลไม้เล่า มันติดปีกบินหายไปไหนแล้ว!
ชางจิวฉุกใจคิดอะไรขึ้นมาได้ เขาเปิดหีบใบที่สามอย่างหวาดผวา แล้วหยิบน้ำอมฤตสองขวดขึ้นมาแกว่ง จากนั้นดึงจุกขวดออกมาดู ทั้งร่างนิ่งอึ้งไปทันที…
บนรถม้าเจ้าตุ้ยนุ้ยผู้เมามายพลิกตัวกรนคร่อกเบาๆ