หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 444-2 หาจิ่งอวิ๋นพบแล้ว
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 444-2 หาจิ่งอวิ๋นพบแล้ว
ตอนที่ 444-2 หาจิ่งอวิ๋นพบแล้ว
ตลาดนัดแห่งนี้เปิดมาหลายปีแล้ว มันเปิดทุกห้าวัน นับเป็นตลาดนัดขนาดใหญ่ที่สุดซึ่งกินพื้นที่นับร้อยลี้ แผงร้านค้ามากมายจนนับไม่หมด สินค้ามากมายละลานตา สิ่งที่ควรมีล้วนมีทั้งสิ้น มีให้ดูจนคนตาลาย
จิ่งอวิ๋นมาถึงใจกลางตลาดนัดแล้ว ไม่รู้ว่าที่แห่งนี้ขายสิ่งใด แต่มีผู้คนกลุ่มใหญ่ยืนออปิดถนนจนเดินไม่ได้
จิ่งอวิ๋นได้ยินเสียงชายหนุ่มคนหนึ่งตะเบ็งเสียงตะโกนลั่นด้วยภาษาเผ่าซยงหนีว์ “ผลสองภพ เพิ่มกำลังภายใน! รับประกันว่ารักษาได้สารพัดโรค! สิบตำลึงเงินหนึ่งผล! สิบตำลึงเงินหนึ่งผล! ซื้อห้าแถมหนึ่ง! ซื้อห้าแถมหนึ่ง!”
หลังจากนั้นก็มีเสียงตั้งคำถามดังระงม
“เจ้าขายของจริงแน่หรือ”
“ขายถูกขนาดนี้ คงไม่ได้หลอกลวงผู้คนหรอกกระมัง”
“ข้าได้ยินมาว่าผลสองภพไม่ใช่ของที่มีอยู่ในเผ่าซยงหนีว์ เจ้าไปหามาจากไหนเล่า”
ชายหนุ่มคนนั้นอ้าปากตอบ “แน่นอนต้องเป็นของจริงสิ! ของที่ข้าขายจะเป็นของปลอมได้อย่างไร ข้าขายที่นี่มาสามปีแล้ว! หากข้ากล้าขายของปลอม ไม่ถูกคนเชือดไปนานแล้วหรือ หากพวกเจ้าไม่เชื่อก็ลองซื้อไปสักผลดูก่อนสิ พี่ชายท่านนี้ข้าเห็นท่านท่าทางห้าวหาญองอาจ รูปลักษณ์เหมือนยอดคน ดูปุ๊บก็รู้ว่าเป็นมังกรในหมู่มนุษย์ เอาอย่างนี้ข้าขายให้ท่านถูกๆ ท่านเป็นลูกค้ารายแรกของข้าวันนี้ ข้าจะคิดท่านแค่ห้าตำลึง!”
พอได้ยินชื่อคุ้นหู จิ่งอวิ๋นก็นึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาเบียดแทรกช่องว่างเข้าไป แต่จนปัญญาที่คนมากเกินไป เมื่อเขาเบียดเข้าไปได้สำเร็จ ห่อผ้าก็ถูกเบียดจนหล่นกระจาย ผลไม้ลูกเล็กสีแดงก่ำสิบกว่าลูกร่วงลงมากลิ้งหลุนๆ ไปตามพื้นที่ว่าง
ทุกคนมองผลไม้สีแดงลูกเล็กที่อยู่บนพื้น แล้วหันไปมองผลไม้สีแดงลูกเล็กที่หน้าตาเหมือนกันทุกประการด้านหน้าของชายหนุ่ม แล้วต่างตกใจจนตาเบิกโต
ชายหนุ่มเห็นท่าไม่ดีแล้ว
ชายฉกรรจ์ที่ถือดาบยาวคนหนึ่งเก็บผลไม้สีแดงลูกน้อยบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินไปตรงหน้าจิ่งอวิ๋น พอเขาเห็นเสื้อผ้าชาวฮั่นบนร่างของเขาก็ขมวดคิ้วพูดให้ช้าลงถามว่า “สิ่งนี้คือสิ่งใด”
ชายหนุ่มเริ่มเก็บข้าวของอย่างไม่กระโตกกระตาก
จิ่งอวิ๋นกะพริบดวงตาวาววับของตนเอง แล้วเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงใสซื่อไร้เดียงสา “ผลสองภพขอรับ”
ชายหนุ่ม “?!”
จิ่งอวิ๋นกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงนุ่มนิ่ม “ท่านปู่ของข้าเป็นพ่อค้าจากต้าเหลียง สิ่งนี้เป็นของที่เขาซื้อมาจากพ่อค้าจากชนเผ่าลึกลับ แต่เดิมคิดจะนำไปขายที่วังหลวง แต่เขาล้มป่วยเสียก่อนจนเดินทางไม่ไหว ท่านลุงท่านอยากซื้อหรือไม่ หากซื้อ ข้าจะขายให้ท่านถูกๆ”
เด็กน้อยคนนี้มีดวงตาที่ไม่มีทางโกหก แววตาของเขาไร้เดียงสาประหนึ่งลูกกวางที่ก้าวออกมาจากพงไพร
ชายฉกรรจ์ควักเงินออกมายี่สิบตำลึง ซื้อผลไม้ไปหนึ่งผล
ชายหนุ่มมองอย่างตกตะลึง เขาตะโกนคอแทบแตก ขนาดลดราคาลงไปถึงห้าตำลึงก็ยังไม่มีคนซื้อ แต่เจ้าหนูนี่ไม่ทำอะไรทั้งนั้นก็ขายได้ยี่สิบตำลึง!
“ขอบคุณท่านลุง” จิ่งอวิ๋นโค้งคำนับอย่างจริงใจอย่างยิ่ง
เด็กน้อยคนนี้ ผู้ใหญ่ในบ้านล้มป่วยก็ยังจะออกมาทำมาหาเลี้ยงชีพ น่าสงสารเหลือเกินจริงๆ….
ทุกคนต่างเปิดถุงเงินอย่างใจกว้าง ผลไม้สีแดงสิบกว่าลูกของจิ่งอวิ๋นขายหมดในพริบตาเดียว
หลังจากจิ่งอวิ๋นขายหมดแล้ว คนที่ซื้อไม่ทันก็ได้แต่เดินไปหาชายหนุ่ม ชายหนุ่มจึงขายหมดเกลี้ยงเพราะเหตุนี้ด้วย
หลังจากทุกคนสลายตัวไป ชายหนุ่มก็นับเงินพลางเดินมาตรงหน้าจิ่งอวิ๋น เขาก้มมอง “จะค้าขายแข่งกับข้าอย่างนั้นหรือ ผู้ใดส่งเจ้ามา”
จิ่งอวิ๋นไม่สนใจเขา เขาเก็บเงินเสร็จก็หมุนตัวจากไป
ชายหนุ่มเดินก้าวเดียวก็อ้อมมาดักหน้าจิ่งอวิ๋น ขวางทางของจิ่งอวิ๋นเอาไว้ “อะไร แย่งลูกค้าข้าแล้วคิดจะหนีหรือ เจ้าพวกนั้นส่งเจ้ามาใช่หรือไม่”
กิจการค้าขายผลไม้ปลอมนี่เป็นความคิดของเขาเพียงคนเดียวแท้ๆ แต่ตอนที่เขาขนของเก๊ไปขายที่เมืองข้างๆ ดันถูกพวกอันธพาลเพ่งเล็งเข้า พวกเขาจะให้เขาจ่ายค่าคุ้มครองให้ได้ แต่เขาไม่จ่าย จึงหนีมาที่เมืองแห่งนี้ หากไม่ใช่เจ้าพวกนั้น เขาก็คิดไม่ออกแล้วจริงๆ ว่าจะยังมีผู้ใดรู้จักเอาผลไม้ที่หน้าตาเหมือนกันทุกอย่างมาปลอมเป็นผลสองภพอีก
“เจ้าพวกไหน” จิ่งอวิ๋นถาม
ชายหนุ่มเหลือบมองด้านหลัง เมื่อไม่เห็นว่ามีผู้ใดมารับเงินจากจิ่งอวิ๋น เขาก็ฉงนเล็กน้อยอย่างห้ามไม่ได้ หรือว่าจะไม่มีผู้ใดส่งเขามาค้าขายแข่งกับเขาจริงๆ
เพียงชั่วสะเก็ดไฟแลบ เขาก็ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ เขายิ้มเจิดจ้า “เด็กน้อย หัวไวเอาการนี่ ข้ายังคิดว่าเมื่อครู่เจ้าจะเปิดโปงข้าแล้วเสียอีก”
จิ่งอวิ๋นก้มหน้าก้มตาเดินไปข้างหน้า
เขาแบกสัมภาระไว้บนหลังแล้วเดินตามจิ่งอวิ๋นมา “นี่ ทำไมเจ้าอยู่คนเดียว ท่านปู่ของเจ้าป่วยจริงหรือ เจ้าจะไปที่ไหน ข้าไปส่งเจ้ากลับบ้านแล้วกัน!”
ฝีเท้าของจิ่งอวิ๋นชะงักวูบหนึ่ง แต่ไม่ได้เอ่ยตอบอันใด
ชายหนุ่มเกาศีรษะ เปลี่ยนมาพูดภาษาฮั่น “เจ้าพูดภาษาเผ่าซยงหนีว์ได้ดีทีเดียว! ความจริงข้าก็เป็นคนฮั่นเหมือนกัน ข้ามาจากเหลียงโจว เจ้ามาจากที่ใดเล่า”
จิ่งอวิ๋นยังคงไม่ตอบอันใด
“นี่ ท่านปู่ของเจ้า…”
ชายหนุ่มขยับปากพูดไม่จบไม่สิ้น แต่ทันใดนั้นเองร่างน้อยๆ ของจิ่งอวิ๋นก็แข็งทื่อ
ชายหนุ่มมองจิ่งอวิ๋นก็พบว่าแววตาของเขาผิดปกติ จึงรีบมองตามสายตาของเขาไปจนเห็นผู้เฒ่าสวมอาภรณ์สีเทาคนหนึ่งกำลังถือภาพเหมือนถามคนไปทั่ว จากนั้นผู้เฒ่าคนนั้นก็มองมาด้านนี้
จิ่งอวิ๋นหันหลังขวับ มือน้อยๆ กำแน่น ใบหน้าน้อยซีดขาว
ชายหนุ่มมองออกว่าผิดปกติแล้ว เขามองผู้เฒ่าที่กำลังเดินมาด้านนี้ แววตาของเขาวูบไหว จากนั้นเขาก็อุ้มจิ่งอวิ๋นผลุบเข้าไปหลบในหอนางโลมด้านข้าง
ภายในหอนางโลมมีสิ่งไม่น่าพิสมัยต่อสายตาอยู่หลายอย่าง เขาจึงปิดตาของจิ่งอวิ๋นไว้แล้วเดินทะลุประตูหลังของหอนางโลมออกไป
เมื่อมาถึงถนนใหญ่ เขาก็พรูลมหายใจยาวเฮือกหนึ่งแล้ววางจิ่งอวิ๋นลง บอกว่า “เจ้าหนู เจ้าพูดความจริงกับข้ามา เจ้าไม่มีท่านปู่ใช่หรือไม่ เจ้าหนีออกจากบ้านมาใช่หรือเปล่า”
จิ่งอวิ๋นกำหมัดน้อยแน่น
ชายหนุ่มคิดในใจว่า เจ้าเด็กคนนี้เหตุใดจึงหัวแข็งเช่นนี้นะ
“คนเมื่อครู่เป็นคนที่บ้านของเจ้าส่งออกมาหาเจ้าใช่หรือไม่”
จิ่งอวิ๋นส่ายหน้า
แม้จะไม่ได้พูด แต่ดีเลวก็มีปฏิกิริยาตอบแล้ว ชายหนุ่มถอนหายใจ “ข้ารู้แล้ว เขาเป็นคนเลว ตั้งใจจะมาจับตัวเจ้าไปสินะ ข้าดูเสื้อผ้าที่เจ้าสวมไม่ใช่ของชั้นเลว พ่อแม่ของเจ้าคือผู้ใดเล่า ข้ารู้จักชาวฮั่นอยู่คนหนึ่ง ข้าจะให้เขาพาเจ้ากลับไป”
จิ่งอวิ๋นไม่ส่งเสียงตอบสักแอะ
ชายหนุ่มใช้ชีวิตมาหลายปีขนาดนี้ เพิ่งจะเคยได้เล่นเกมทายคำเป็นหนแรก เขาเดาจนหัวโต “ไม่อยากกลับไปหรือ หรือว่าพ่อแม่ของเจ้าไม่อยู่แล้ว”
จิ่งอวิ๋นขอบตาแดงระเรื่อในพริบตา
“ไม่อยู่แล้วจริงๆ หรือ” ชายหนุ่มคิดว่าตนเองเดาถูกแล้ว เขาตบหัวไหล่อีกฝ่ายด้วยสีหน้าเวทนา แล้วถอนหายใจบอกว่า “เฮ้อ เจ้านะเจ้า เหตุใดอายุน้อยเช่นนี้ก็ไร้พ่อแม่เสียแล้วเล่า แต่นับว่าเจ้าโชคดีแล้วที่มาพบข้า หากไม่รังเกียจหลังจากนี้ก็ไปกับข้าแล้วกัน”
เด็กน้อยหน้าตางดงามเช่นนี้ ไม่ขายให้ได้ราคาดีๆ ก็ผิดต่อเขาที่ท่องยุทธภพมานานปีขนาดนี้สิ!
“หิวแล้วใช่หรือไม่ พาเจ้าไปหาของกินก่อนดีหรือไม่”
ชายหนุ่มพาพาจิ่งอวิ๋นไปกินอาหารที่อร่อยที่สุดในย่านนี้ หากเป็นก่อนหน้านี้เขาคงตัดใจกินไม่ลง แต่เจ้าเด็กน้อยคนนี้คงขายได้ราคาไม่น้อย เมื่อรวมกับที่ตัวเขามีเงินอยู่ไม่น้อยด้วย พอถึงเวลาเงินทั้งหมดนั่นก็จะเป็นของตน! ไยต้องตระหนี่ถี่เหนียวกับอาหารมื้อเดียวเล่า!
แต่ในหมู่บ้านแร้นแค้นห่างไกลเช่นนี้น่ะ คงขายไม่ได้ราคาหรอก
ต้องไปที่ดีๆ!
เพื่อเพิ่มราคาค่าตัว ชายหนุ่มจึงซื้อรถม้าใหม่เอี่ยมหนึ่งคัน จิ่งอวิ๋นเข้าไปนั่งในรถเสร็จ เขาก็ออกรถทันที เขาหวดแส้ไปก็บอกอย่างตื่นเต้นไปด้วย “ข้าขอบอกเจ้านะ เมืองเล็กๆ แบนนี้น่ะไม่มีกิจการใหญ่โตอะไรให้ทำหรอก หากพวกเราอยากร่ำรวยต้องไปเขาอูเปี๋ย! เขาอูเปี๋ยมีเจ้าโง่มากมาย คนโง่ที่มีเงิน เจอคนหนึ่งก็เชือดได้คนหนึ่ง!”
จิ่งอวิ๋นมองทิวทัศน์ด้านนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย ชายหนุ่มพูดสิ่งใด ล้วนไม่เข้าหูเขาแม้แต่คำเดียว
เสี่ยวไป๋มุดออกมาจากในแขนเสื้อของเขาแล้วกระโดดลงมาที่ตัก หัวน้อยๆ ถูไถฝ่ามือของเขา
เขานิ่งไม่ขยับ
เสี่ยวไป๋กระโดดขึ้นไปบนโต๊ะ แล้วเบ่งกล้ามแขน หางอันงดงามแกว่งไกวไปมา
แต่เขาก็ยังเศร้าเสียใจมากอยู่ดี
เสี่ยวไป๋ก็เศร้าเสียใจมากเช่นกัน
ตอนแล่นรถผ่านร้านขายเสื้อผ้าร้านหนึ่ง ชายหนุ่มก็จอดรถม้าแล้วซื้อกระโปรงแสนสวยชุดหนึ่งมาผลัดเปลี่ยนให้จิ่งอวิ๋น “มีคนกำลังตามหาเจ้าอยู่ เจ้าปลอมตัวสักหน่อยจะดีกว่า หากผู้อื่นถามก็บอกว่าเป็นน้องสาวของข้า”
…
รถม้าแล่นตุเลงๆ มุ่งไปยังทิศทางที่ตั้งเขาอูเปี๋ย ยังเหลือระยะทางอีกประมาณหนึ่งวันแต่สวรรค์กลับไม่เป็นใจส่งฝนห่าใหญ่เทลงมาอย่างกะทันหัน
รถม้าชั้นเลวของพวกเขาคันนี้ พอฝนตก หยดน้ำก็ไหลซู่ลงมาใส่แทบจะในทันที
จิ่งอวิ๋นเปียกเป็นไก่ในน้ำแกง ชายหนุ่มก็สภาพไม่ดีไปถึงไหน เขาเปียกฝนยังไม่เท่าไร แต่หากต้นเงินต้นทองต้นนี้เปียกฝนจนเป็นอะไรไป เงินที่เขาขูดเลือดขูดเนื้อลงทุนไปก็เสียเปล่าสิ
ชายหนุ่มบังคับรถม้าเข้าไปในหมู่บ้านน้อยที่มีคนอยู่อาศัยประปรายแห่งหนึ่ง ภายในหมู่บ้านแห่งนี้ล้วนมีแต่คนเลี้ยงสัตว์ ที่พักล้วนเป็นบ้านกระโจม เขาหากระโจมหลังที่ไม่สะดุดตานักหลังหนึ่ง แล้วเคาะประตูเบาๆ จากนั้นใช้ภาษาซยงหนีว์ถามว่า “พวกเราผ่านทางมา ฝนตกหนักนัก อาศัยบ้านของท่านค้างแรมสักคืนได้หรือไม่”
แม่เฒ่ากับลูกสะใภ้ที่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งคืนกว่าจะได้พักถูกเสียงดังปลุกให้ตื่น
ลูกสะใภ้สวมเสื้อนวมเดินมาถึงประตูกระโจมแล้วบอกว่า “บ้านของพวกเรามีแขกพักเต็มแล้ว เจ้าไปหาผู้อื่นเถิด”
ชายหนุ่มจึงไปหากระโจมหลังด้านข้าง
คนที่อาศัยอยู่ในกระโจมหลังด้านข้างเป็นสามีภรรยาชราคู่หนึ่ง ลูกชายกับลูกสะใภ้ของพวกเขาออกไปขายแพะข้างนอกยังไม่กลับมา เห็นชายหนุ่มอุ้ม ‘แม่นางน้อย’ ที่เปียกโชกไปทั้งตัวมาด้วยคนหนึ่งจึงใจอ่อน ยอมให้พี่น้องคู่นี้ค้างแรม
*****************************