หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 447-2 ครอบครัวพร้อมหน้า (2)
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 447-2 ครอบครัวพร้อมหน้า (2)
ตอนที่ 447-2 ครอบครัวพร้อมหน้า (2)
หลังจากศิษย์เอกออกไปแล้ว เยี่ยนเฟยเจวี๋ยก็เอ่ยความคลางแคลงใจออกมา “คนของตำหนักราชครูเชื่อถือได้หรือไม่”
ราชครูกับสตรีนางนั้นเมื่อก่อนก็เป็นพวกเดียวกัน
เฉียวเวยตอบว่า “ก็แค่ต่างฝ่ายต่างได้สิ่งที่ต้องการเท่านั้น หนนี้นางตลบหลังแม้แต่ตำหนักราชครู ทั้งสองฝั่งจึงนับว่าแตกหักกันอย่างสิ้นเชิงแล้ว วันหน้าอยากจะสมคบคิดกันทำชั่วอีกก็คงยาก”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยพยักหน้า “เรื่องนี้ก็ใช่ ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะตำหนักราชครู นางกับมารดาของนางก็คงถือกำเนิดในตระกูลกู่แล้วใช้ชีวิตเป็นเจ้านายอย่างสุขสำราญแล้ว”
จุดยืนของนางกับตำหนักราชครูถูกลิขิตให้อยู่ฝั่งตรงข้ามกันตั้งแต่วันที่ถือกำเนิดวันนั้นแล้ว
ทั้งสองคนคุยกันครู่หนึ่ง วั่งซูก็กินถังหูลู่จนหมดต่อด้วยกินขนมเนย กินขนมเนยเสร็จก็ตามด้วยกินนมแผ่นน้อยต่ออีก สรุปก็คือปากน้อยๆ ไม่เคยหยุดขยับ
จิ่งอวิ๋นกลับเงียบอยู่ตลอด เขาเงียบจนทำให้เฉียวเวยกับเยี่ยนเฟยเจวี๋ยเป็นห่วงเขาอย่างช่วยไม่ได้
ที่ผ่านมาเขาเป็นคนที่เชื่อฟังที่สุด รู้ความที่สุด ไม่ทำให้คนว้าวุ่นใจที่สุดในหมู่เด็กน้อยสามคน เด็กสองคนนั้นออกไปก่อเรื่องข้างนอกได้ทั้งวัน แต่เขากลับไม่เคยทำสิ่งใดให้พวกเขากังวลแม้แต่เรื่องเดียว ไม่เพียงเท่านี้ เขายังดูแลเด็กทั้งสองคนนั้นอย่างดีมากอีกด้วย
เด็กน้อยที่เป็นเช่นนี้ อยู่มาวันหนึ่งก็ทำให้ผู้คนจับทางไม่ถูก…
หลังจากอาหารเย็น เฉียวเวยตักน้ำร้อนมาเช็ดตัวให้ทั้งสองคนจนเสร็จ
วั่งซูกระโดดลงจากเตียงแล้วอุ้มพี่ชายมานอนคลุมโปงอยู่ใต้ผ้าห่ม
ปกติจิ่งอวิ๋นมักจะฉวยจังหวะตอนที่วั่งซูหลับแล้ว แอบปีนออกมาซุกในอ้อมอกของเฉียวเวยอย่างเงียบๆ
ทว่าคืนนี้เขาไม่ได้ทำเช่นนั้น
เฉียวเวยแอบบอกกับตนเองว่า เขาคงโตแล้ว คงเหนื่อยแล้ว คงหลับไปแล้ว…
วันต่อมาคณะเดินทางก็เก็บข้าวของสัมภาระขึ้นรถม้าเดินทางไปที่เมือง
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยโยนมู่ชิวหยางที่ถูกมัดไว้ทั้งตัวขึ้นไปบนรถม้าคันที่สี่
มู่ชิวหยางถลึงตาใส่เยี่ยนเฟยเจวี๋ยอย่างเคียดแค้น แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือแส้ของเยี่ยนเฟยเจวี๋ย
“ถลึงตาหาพระแสงอะไร หากถลึงตาอีกท่านปู่คนนี้จะควักลูกตาเจ้าทิ้งเชื่อหรือไม่ คิดว่าตนเองเป็นซื่อจื่อแล้วสุดยอดนักหรือ ถุย!” เยี่ยนเฟยเจวี๋ยพูดอย่างไม่เกรงใจสักนิดจบก็ถีบซ้ำไปอีกหนึ่งหน ยันเขาจนลงไปกองกับม้านั่งจากนั้นจึงปิดม่านอย่างเย็นชา
การเดินทางไปเขาอูเปี๋ยหนนี้ หากฟ้าเป็นใจ วันเดียวก็เดินทางไปถึง วันนี้ฟ้าก็ดูเป็นใจอยู่มาก น่าเสียดายที่พบเรื่องไม่คาดฝันเรื่องหนึ่ง
พวกเขามองดูสายน้ำที่ไหลซู่อยู่ใต้เท้ากับเสาสะพานที่หักเป็นเสี่ยงๆ คนทั้งคณะเดินทางต่างเงียบงัน
ผิวแม่น้ำกว้างเหลือเกิน หากจะใช้วิชาตัวเบาข้ามไปเกรงว่าคงจะยากอยู่บ้าง
เยี่ยนเฟยเจวี่ยจับเสาสะพานที่หักแล้วสะบัดมือ ผรุสวาทว่า “มารดามันสิ นี่มันถูกระเบิด!”
ดูท่าคงมีคนไม่ต้องการให้พวกเขาเดินทางไปเขาอูเปี๋ย
“ยังมีทางอื่นหรือไม่” เฉียวเวยถามศิษย์เอก
ศิษย์เอกพยักหน้า “มี เพียงแต่ว่าต้องอ้อม”
“อ้อมไกลเท่าใด” เฉียวเวยถาม
ศิษย์เอกตอบอย่างกระอักกระอ่วน “ก็ไม่ไกลเท่าไรหรอก ก็เพียง…เพียงเขาสองลูกเท่านั้น แต่ว่าภายในภูเขามีหมอกพิษ หากจัดการไม่ดียังไม่ทันเดินทางไปถึงก็คงต้องพิษตายกันหมดก่อน”
หมอกพิษนี่เอง คิดว่าเป็นของน่ากลัวขนาดไหนเสียอีก สมัยก่อนที่อาศัยอยู่บนเขา นางก็เคยเดินฝ่าป่าหมอกพิษมาแล้ว พิษกระจอกเท่านี้ทำให้เฉียวฮูหยินลำบากไม่ได้หรอกน่า
เฉียวเวยแจกยาเม็ดหนึ่งให้ทุกคน คณะเดินทางจึงเปลี่ยนเส้นทางเข้าไปในป่า
คณะเดินทางตัดผ่านป่าหมอกพิษได้อย่างปลอดภัย พวกเขามุ่งหน้าไปทางตะวันออก เมื่อเดินทางมาได้ครึ่งวัน ทุกคนก็ได้ยินเสียงน้ำไหล เมื่อเดินเข้าไปดูใกล้ๆ จึงเห็นแม่น้ำตื้นๆ ที่รถม้าข้ามได้อย่างปลอดภัย
หลังจากข้ามไปถึงอีกฝั่งของแม่น้ำแล้ว ทุกคนก็เริ่มหิว พวกเขาจึงหยุดพักครู่หนึ่งแล้วกินเสบียงแห้งอย่างง่ายๆ
“ข้าจะไปตักน้ำ” เยี่ยนเฟยเจวี๋ยหยิบถุงน้ำของพวกเขาขึ้นมา
คุณชายจูแววตาเป็นประกายทันควัน “จอมยุทธ์เยี่ยน ข้าไปเอง! ข้าชำนาญทางแถบนี้มากกว่าท่าน!”
“แม่น้ำอยู่ด้านหลังนี่เอง!” เยี่ยนเฟยเจวี๋ยบอก
คุณชายจูยิ้มเจิดจ้าตอบว่า “อยู่แค่ด้านหลังข้าก็จะไปให้เอง! ท่านคุมรถม้ามาเหน็ดเหนื่อยมากแล้ว เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ให้ข้าทำแทนเถิด!”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยทราบว่าเขาเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตจิ่งอวิ๋นเอาไว้ จึงปฏิบัติกับเขาอย่างเกรงใจมาก ในเมื่อเขายืนกรานอยากจะทำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ถ้าเช่นนั้นก็ให้เขาทำเถิด เยี่ยนเฟยเจวี๋ยส่งถุงน้ำให้เขา
จูสือขบคิดมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าจะหนีอย่างไร ตอนนี้ลำบากนักกว่าจะหาโอกาสได้ เขาย่อมไม่ยอมพลาดมันไป
เขาถือถุงน้ำเดินไปยังแม่น้ำอย่างเงียบๆ เดินไปพลางก็หันหลังกลับมามองไปพลาง เมื่อเห็นทุกคนกำลังก้มหน้าก้มตากินอยู่ ไม่มีผู้ใดสังเกตเขา ฝ่าเท้าก็เลี้ยวเปลี่ยนทิศแล้วผลุบเข้าไปในป่าด้านข้าง
เขาคิดไว้เรียบร้อยแล้ว เขาจะหาถ้ำสักแห่งหลบซ่อนตัวก่อน พวกเขากำลังรีบเร่งเดินทาง ย่อมไม่ยอมเสียเวลานานเกินไปเพราะตนเอง เมื่อหาไม่พบก็คงเลิกหา ถึงเวลานั้นเขาก็เป็นอิสระ!
คิดไม่ถึงว่าเขาอุตส่าห์วางแผนการเสียดิบดี แต่พอหันหลังกลับมาก็พบร่างผอมเล็กจ้อยร่างหนึ่งเดินตามมาด้านหลัง
เขาตกใจจนกระโดดโหยง “เจ้าทำข้าตกใจเกือบตายแล้ว!”
จิ่งอวิ๋นมองเขาอย่างเฉยชา
เขามองจิ่งอวิ๋น จากนั้นจึงมองเฉียวเวยที่ยิ้มน้อยๆ โบกมือให้อยู่ไม่ไกล หน้าผากมีเหงื่อกาฬผุดออกมาชั้นหนึ่ง
“ข้าอยากปลดเบา” จิ่งอวิ๋นว่า
ที่แท้ก็จะมาถ่ายเบานี่เอง ท่านอย่าทำตัวให้ลึกลับเช่นนี้ได้หรือไม่ หัวใจข้าไม่ดี รับความตระหนกไม่ไหว!
จูสือยิ้มให้เฉียวเวยอย่างกระอักกระอ่วน แล้วจูงมือน้อยของจิ่งอวิ๋นชี้เข้าไปในป่า ทำท่าบอกว่าข้าจะพาเขาไปปลดเบา
แต่เดิมเฉียวเวยคิดจะพาจิ่งอวิ๋นไปเอง แต่จิ่งอวิ๋นยืนกรานไม่ให้นางตามมา นางจนปัญญาจึงได้แต่ไหว้วานจูสือ
จูสือพาจิ่งอวิ๋นไปหลังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง แล้วมองรอบๆ เล็กน้อย จากนั้นพูดเสียงเบาว่า “เอาล่ะ เจ้าปลดเบาได้แล้ว ตรงนี้ไม่ไกล ปลดเบาเสร็จแล้วเจ้าก็กลับไปเอง ข้า…ข้าจะไปตักน้ำให้พวกเขา”
พูดจบก็เดินจากไปอย่างไม่มั่นใจเท่าใดนัก
เดินไปพลางก็หันหลังกลับมามองเป็นระยะ “กลับไปเองนะ จำไว้ว่าต้องกลับไปล่ะ”
จิ่งอวิ๋นไม่สนใจเขา เขามองเฉียวเวยที่อยู่ทางด้านนั้น บังเอิญว่าวั่งซูเดินเข้ามาพอดี นางโถมเข้าไปในอ้อมแขนของมารดาแล้วส่งยิ้มตาหยิบหยี จากนั้นจึงทัดดอกไม้ป่าดอกน้อยที่ไปเด็ดมาจากไหนก็ไม่ทราบดอกหนึ่งบนศีรษะของเฉียวเวย
“ชอบหรือไม่เจ้าคะ” นางถามเสียงหวาน
“ชอบสิ” เฉียวเวยอุ้มนางขึ้นมาหอมแก้มน้อยๆ ของนาง
วั่งซูก็ห้อมแก้มเฉียวเวยตอบ บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสุข
แววตาของจิ่งอวิ๋นหม่นแสง
จูสือถือถุงน้ำเดินไปด้านหน้า ยิ่งเดินก็ก็ยิ่งเร็ว จนสุดท้ายแทบจะมีลมติดอยู่ใต้ฝ่าเท้า
ไม่รู้ว่าเดินไปได้ไกลเท่าไร จู่ๆ ร่างกายของเขาก็หยุดชะงัก ก่อนจะหันเท้าเลี้ยวกลับมา เขากัดฟันกรอดย้อนกลับไปตรงจุดที่ทิ้งจิ่งอวิ๋นเอาไว้
จิ่งอวิ๋นไม่อยู่แล้ว
เขากวาดสายตามองต้นไม้ใหญ่ที่ไม่มีร่องรอยของการปลดเบาสักนิดต้นนั้นด้วยแววตานิ่งเรียบ จากนั้นจึงขมวดคิ้วเดินไปด้านหลังเฉียวเวย
เฉียวเวยหันหลังกลับมา ยิ้มน้อยๆ ให้เขา “จิ่งอวิ๋นเล่า”
“เขาไปแล้ว” จูสือตอบ
เฉียวเวยงุนงงทันที “อะไรนะ”
จูสือกัดฟัน ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวพูดขึ้นว่า “เขา…เขาคิดจะไปมาตลอด ข้าไม่รู้ว่าพวกท่านทำอะไรเขากันแน่ ครั้งแรกที่ข้าพบเขา พอข้าถามเขาว่าที่บ้านยังมีครอบครัวอยู่หรือไม่ เขาก็ไม่พอใจมาก! เขาไม่อยากไปหาพวกท่าน! เขาอยากจะเดินทางไปกับข้า!”
เฉียวเวยหน้าเสีย นางส่งวั่งซูให้เยี่ยนเฟยเจวี๋ยแล้วก้าวเท้าเดินลึกเข้าไปในป่าทันที
————————————–