หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 459-2 พบหน้าราชาเยี่ยหลัว
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 459-2 พบหน้าราชาเยี่ยหลัว
ตอนที่ 459-2 พบหน้าราชาเยี่ยหลัว
จีหมิงซิวรับรู้ได้ถึงความอวบอิ่มที่มือ สายตาจึงพลันล้ำลึก ยิ้มเย็นเอ่ยว่า “ยั่วคนเป็นแล้วหรือ คืนหนึ่งที่ผ่านมาดูท่าจะฝีมือดีขึ้นไม่น้อย”
เรียนรู้มาจากท่านน้าอย่างไรเล่า!
นางเอาราชาเยี่ยหลัวอยู่ก็เพราะอย่างนี้แหละ!
เจ้าสำนักเฉียวเรียนรู้แล้วก็นำมาใช้ทันที กลเม็ดเด็ดพรายอะไรก็เอามาใช้จนหมด นางบีบเสียงเล็กเสียงน้อยจนตัวเองยังเกือบอ้วก แล้วในที่สุดนายน้อยหมิงก็ทานทนไม่ไหว “เฉียวเวย!”
เฉียวเวยลุกยืนขึ้นจากตักใครบางคนเงียบๆ แล้วกลับไปนั่งเก้าอี้ของตนอย่างเดิม สายตานางพลันเปลี่ยน นั่งสงบนิ่งอย่างรู้ตัว
จะบอกว่าถูกนางยั่วไม่สำเร็จนั่นคงเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่ท่าทางตื่นกลัวเช่นนี้นับว่าท้าทายความชอบของนายน้อยหมิงอยู่บ้างจริงๆ
จีหมิงซิวจับแขนเสื้อขึ้น เอาบดบังไว้อย่างไม่ให้ความร่วมมือ อัครเสนาบดีหนุ่มที่ตั้งใจมั่นแล้วที่จะยกทหารขึ้นก่อกบฏ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นปกติว่า “ห้ามมีครั้งหน้าอีก”
เฉียวเวยตอบรับอย่างว่าง่าย กะพริบตาปริบๆ มองอีกฝ่าย “แต่ท่านไม่รู้สึกว่าน่าประหลาดหรอกหรือ เหตุใดนางถึงต้องช่วยข้า พระสนมไม่ได้บอกว่านางเป็นสตรีที่ทำอะไรเด็ดขาดหรอกหรือ ยามนางอยู่ต่อหน้าราชาเยี่ยหลัวไม่เป็นเช่นนี้เลยสักนิด นี่มันเรื่องอะไรกันแน่”
จีหมิงซิวเอ่ยอย่างใช้ความคิด “เกิดอะไรขึ้นข้ายังตอบไม่ได้ในตอนนี้ แต่จากข้อมูลที่ไห่สือซานสืบมาได้ ราชาเยี่ยหลัวดูเหมือนจะไม่รู้ว่านางทำ ‘เรื่องดีๆ’ อะไรไว้บ้าง ที่ครั้งนี้นางกลับแคว้นมาพร้อมกับขุนนางทูต นางใช้ข้ออ้างว่าสุขภาพไม่อำนวย ที่ราชาเยี่ยหลัวส่งขุนนางทูตไปต้าเหลียง หนึ่งเพราะต้องการได้ตัวมู่ชิวหยางกับฟู่เสวี่ยเยียนกลับมา สองเพราะอยากสืบให้รู้ถึงจุดที่วังใต้ดินอยู่ ส่วนข้อสาม แน่นอนว่าเพราะคิดอยากเล่นงานตระกูลจี แต่คนที่ราชาเยี่ยหลัวหมายจะส่งไปคือตำหนักราชครู ไม่ใช่ฮองเฮา”
เฉียวเวยคล้ายชะงักไปเล็กน้อย “หากกล่าวเช่นนี้ ลับหลังราชาเยี่ยหลัวนางก็สมคบคิดกับคนไปไม่น้อยงั้นสิ! เบื้องหน้าหรงเฟยดูเหมือนคนของราชาเยี่ยหลัว แต่เอาเข้าจริงกลับเป็นลูกศิษย์ของนาง นางรู้แผนการทุกอย่างของราชาเยี่ยหลัวเป็นอย่างดี จึงง่ายที่จะสอดแทรกคนของตนเข้าไป! แล้วยังจวนมู่อ๋อง นางก็ยังมีฟู่เสวี่ยเยียนอยู่อีกทั้งคน!”
สตรีนางนี้เก่งกาจเกินไปแล้วจริงๆ คนอื่นเขาหลอกล่อบุรุษเพียงคนเดียว ส่วนนางหลอกล่อเชื้อพระวงศ์ทั้งหมดมาไว้ในมือได้
มีเพียงข้อเดียวที่เฉียวเวยไม่เข้าใจ สตรีที่ร้ายกาจโหดเหี้ยมเช่นนี้ เหตุใดเมื่อคืนถึงปล่อยนางมาได้ ทั้งยังแสร้งทำเป็นคนใสซื่อร่าเริงเสียอีก นางคงไม่ได้คิดว่าหลังจากเปิดเผยธาตุแท้ของตนไปแล้ว นางแค่เสแสร้งแกล้งทำอีกเล็กน้อย ตนก็จะถูกนางหลอกได้อีกครั้งกระมัง
ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ!
จีหมิงซิวนวดศีรษะนาง “อย่าคิดอีกเลย นางกำลังคิดจะทำอะไร อีกไม่นานเดี๋ยวก็รู้เอง”
…
เยี่ยหลัวเคยปลอมตัวเป็นขุนนางทูตจากซยงหนีว์ พอเข้ามาถึงเมืองหลวงของต้าเหลียงแล้วถึงได้เปิดเผยตัว จีหมิงซิวคุมตัวไว้ตามกฎ พอเข้ามาพักอยู่ในจวนมู่อ๋องแล้วถึงได้ส่งฎีกาถึงราชาเยี่ยหลัว – ทูตจากต้าเหลียงมาเข้าเยี่ยม
ราชสำนักของเยี่ยหลัวจึงแทบระเบิด คิดในใจว่าผู้ใดกัน เข้ามาถึงเมืองหลวงแล้วถึงบอกว่ามาเยี่ยมคารวะ ตอนข้ามเขตแดนมาไปทำอะไรเสีย ไม่รู้จักส่งหนังสือมาหรือ
พอคิดอีกทีดูเหมือนตนเองก็ทำเช่นเดียวกัน จึงได้แต่ข่มความไม่พอใจกลับลงไป
เรื่องนี้จะว่าเสียประโยชน์ก็ไม่เสีย แค่เพียงรู้สึกชาที่หน้าหน่อยๆ เท่านั้น
ราชาเยี่ยหลัวที่ถูกตบหน้าแน่นอนว่าไม่มีทางยอมให้จีหมิงซิวกับเฉียวเวยเข้าวังง่ายๆ ทำถึงขนาดนี้แล้ว หากเขายังรับตัวพวกนี้เข้าวังอีก เช่นนั้นเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด ตำแหน่งราชานี้จะไม่เป็นเพียงเปลือกนอกเท่านั้นหรือ
แต่จะเมินเฉยไม่ยอมพบหน้าต่อไปเรื่อยๆ ก็ไม่ใช่เรื่องดี หากจะสังหารเสียเช่นนี้ก็ยิ่งไม่ดีเข้าไปใหญ่
ราชาเยี่ยหลัวเมินเฉยต่อจีหมิงซิวด้วยความหัวเสียไปสองวัน วันที่สามไม่รู้ว่าเพราะหายโกรธแล้วหรืออย่างไร เขาให้คนไปรับจีหมิงซิวกับเฉียวเวยเข้าวังด้วยอารมณ์ที่ปรอดโปร่ง
เฉียวเวยเคยมาที่วังนี้ครั้งหนึ่งแล้ว แต่นั่นเป็นตอนกลางคืน ทั้งยังต้องรีบจัดการธุระ ไม่มีเวลาชื่นชมความงามของที่นี่ เวลานี้เมื่อได้มองดูโดยละเอียถึงได้เห็นว่าวังหลวงแห่งนี้ดูคุ้นตายิ่งนัก รูปแบบใกล้เคียงกับปราสาทเฮ่อหลัน เพียงแต่กำแพงวังไม่สูงเพียงนั้น ส่วนขนาดกลับใหญ่กว่า กว้างขวางกว่า มีอาคารสิ่งปลูกสร้างมากกว่า สิ่งปลูกสร้างแต่ละอันเป็นอาคารหินที่ดูแน่นหนา
คณะของพวกเขาเดินผ่านตำหนักเซ่นไหว้ แล้วเดินเข้าไปในตำหนักใหญ่ที่ดูน่าเกรงขาม ภายในตำหนักปูด้วยพรมเป็นประกายสีทอง ทอดยาวไปถึงใต้บัลลังก์อ๋อง
หลายเดือนในเยี่ยหลัว ไห่สือซานไม่ได้อยู่อย่างเปล่าประโยชน์ ก่อนที่จะมา เขาได้บอกเล่าสถานการณ์ภายในของเยี่ยหลัวให้ทั้งสองคนฟังแล้ว ประชากรของเยี่ยหลัวมีมากกว่าชนเผ่าลึกลับ แต่การกระจายอำนาจกลับเรียบง่ายกว่าชนเผ่าลึกลับ
ใต้ราชาเยี่ยหลัวมีอำนาจอยู่เจ็ดกลุ่ม ตามรูปแบบดาวทั้งเจ็ดที่ล้อมรอบดวงจันทร์ ดวงจันทร์ก็คือราชาเยี่ยหลัว ส่วนดาวทั้งเจ็ดแบ่งออกเป็นตำหนักราชครู จวนมู่อ๋อง จวนเฉิงอ๋องรวมถึงตระกูลใหญ่อีกสี่ตระกูล เฉิงอ๋องที่ว่านั้นคือท่านอ๋องต่างสกุล ซึ่งก็คือท่านเขยขององค์หญิงใหญ่ รับผิดชอบดูแลเรื่องการค้าเป็นหลัก ไม่ข้องเกี่ยวกับการทหารและการปกครอง
ส่วนในบรรดาตระกูลใหญ่ทั้งสี่ มีตระกูลกู่เป็นผู้นำซึ่งล่มสลายไปแล้ว
ดังนั้นหากจะพูดให้ชัดเจนก็คือ ราชวงศ์เยี่ยหลัวเหลือกลุ่มอำนาจใหญ่อยู่เพียงห้ากลุ่มเท่านั้น
ในบรรดากลุ่มอำนาจใหญ่ทั้งห้านี้ ตำหนักราชครูกับจวนมู่อ๋องล้วนยืนอยู่ข้างเดียวกับจีหมิงซิว ดังนั้นสถานการณ์ของพวกเขาจึงนับว่าปลอดภัย มิเช่นนั้นแล้วจีหมิงซิวก็คงไม่กล้ามาเจอราชาเยี่ยหลัวอย่างเปิดเผยเช่นนี้