หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 100-1 หมอเทวดาน้อยรักษาอวิ๋นซู่
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 100-1 หมอเทวดาน้อยรักษาอวิ๋นซู่
ตอนที่ 100-1 หมอเทวดาน้อยรักษาอวิ๋นซู่
“เสียงร้องของอวิ๋นซู่” จีหมิงซิวหรี่ตาลง
สือชีได้ยินแล้วเช่นกัน เขามองไปยังทิศทางที่เสียงกรีดร้องลอยมา ทว่ารอบด้านมืดเกินไปจึงมองไม่เห็นสิ่งใดทั้งสิ้น แต่สือชีก็รู้สึกสะใจอยู่นิดๆ
“อ้ากกก!” เสียงกรีดร้องของอวิ๋นซู่ดังลอยมาอีก
สือชียิ่งอารมณ์ดีกว่าเดิม
จีหมิงซิวกลับงุนงง เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับอวิ๋นซู่กัน เหตุไฉนเขาจึงกรีดร้องโหยหวนเช่นนั้น เหมือนกับว่าถูกผู้ใด…
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยกับไห่สือซานยังไม่ได้ยินเสียง ทว่าดูจากท่าทางของจีหมิงซิวกับสือชีก็แน่ใจได้แล้วว่ามีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น เยี่ยนเฟยเจวี๋ยมองจีหมิงซิวที่อยู่ด้านหน้าทางฝั่งขวาแล้วถามว่า “นายน้อย จะไปดูหน่อยหรือไม่ขอรับ”
ไห่สือซานเอ่ยว่า “ให้สือชีไปดูเถอะ”
แต่เฉียวเจิงขัดทั้งสองคน “ข้าว่าทุกคนอย่าแยกกันดีกว่า สถานที่แห่งนี้ชั่วร้ายยิ่งนัก คนที่เข้ามาไม่รู้ว่าเดินพลัดไปถึงไหนแล้ว ไปด้วยกันดีกว่า! ไหนบอกว่ากำลังภายในของทุกคนถูกสะกดเอาไว้ไม่ใช่หรือ น่าจะไม่จำเป็นต้องกลัวอวิ๋นซู่แล้ว”
ไห่สือซานลังเล “ข้างกายอวิ๋นซู่มีชางจิวอยู่อีกคน…”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยหันกลับมาถลึงตาใส่เขา “ชางจิวแล้วอย่างไร ตอนนี้ยังต้องกลัวเขาอีกหรือ ในเมื่อไม่มีกำลังภายในแล้ว ย่อมต้องเอาพวกเข้ารุม พวกเราคนมากกว่าย่อมแข็งแกร่งกว่า!”
ไม่เพียงคนมากพละกำลังมาก แม้แต่อายุกับสภาพร่างกายก็ดีกว่า ดูจีหมิงซิวกับสือชีก็รู้แล้ว
เมื่อคิดเช่นนี้ ความลังเลอันน้อยนิดของทุกคนจึงมลายหายไป สือชีเดินนำหน้าคลำทางไปตามทิศทางที่เสียงกรีดร้องของอวิ๋นซู่ดังขึ้น
เบื้องหน้าที่แห่งนี้ดูเหมือนจะเป็นห้องโถงขนาดใหญ่โตอย่างยิ่งแห่งหนึ่งที่ด้านในว่างเปล่า นอกจากเสาที่เหมือนจะทะลุขึ้นไปถึงชั้นเมฆหลายต้นก็ไม่มีสิ่งใดอีก เสียงดังมาจากอีกฟากหนึ่งของห้องโถง
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยที่กำลังเดินข้ามห้องโถงจู่ๆ ก็ตะเบ็งเสียง “โฮ่!” เสียงสะท้อนก้องไปมา โฮ่ฮ่ฮ่! โฮ่ฮ่ฮ่! โฮ่ฮ่ฮ่!
ไห่สือซานตกใจแทบแย่ เขาถลึงตาใส่ท้ายทอยของอีกฝ่ายแล้วเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ทำตัวดีๆ หน่อยได้หรือไม่”
ดีๆ หน่อยยย! ดีๆ หน่อยยย! ดีๆ หน่อยยย!
ไห่สือซานถูกเสียงสะท้อนของตนเองทำเอาขนลุกซู่อยู่ในใจ
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยรู้สึกสนุกจึงตะโกนออกมาอีกหลายคำ เสียงสะท้อนกังวานก้อง แสงไข่มุกวูบไหว เงายาวเฟื้อยประหนึ่งภูตผีทอดลงบนพื้นกับบนเสา แลดูลึกลับน่ากลัวชวนให้คนตัวสั่นเทา
ไห่สือซานคำราม “เจ้าเลิกแหกปากได้แล้ว !”
แหกปากกก! แหกปากกก! แหกปากกก!
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยกุมท้องหัวเราะลั่น “ฮ่าๆ !”
ฮ่าาา! ฮ่าาา! ฮ่าาา!
หากไม่ใช่ว่ามือต้องยกเปลหามอยู่ ไห่สือซานอยากจะพุ่งเข้าไปฟาดเขาสักป้าบ!
ไม่นานเยี่ยนเฟยเจวี๋ยก็เลิกเล่น เขานึกถึงอีกเรื่องขึ้นมาได้จึงหันไปมองจีหมิงซิวที่ถือคบไฟอยู่ จากนั้นสูดลมหายใจเย็นยะเยือกเข้าปอดอย่างเบาหวิวแล้วเอ่ยว่า “จริงสินายน้อย มีเรื่องหนึ่งข้าไม่เข้าใจมาตลอด แต่ลืมถามท่านทุกที”
“เรื่องใด” จีหมิงซิวถาม
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยถามอย่างฉงน “เจ้าโจรเฒ่าอวิ๋นซู่คนนั้นเหิมเกริมมากไม่ใช่หรือ เขาจะวิ่งหนีทำอะไร ในเมื่อท่านไม่มีกระบี่โหราจารย์ก็ฆ่าเขาไม่ตายเสียหน่อย”
ไห่สือซานส่งเสียงชิชะ “สมองหมู กระบี่โหราจารย์อยู่ในมืออวิ๋นซู่ แล้วนายน้อยแย่งมาไม่ได้หรือไร รอนายน้อยแย่งไปอยู่ในมือได้ก็สังหารเขาได้แล้วไม่ใช่หรือ”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยขมวดคิ้ว “แม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่ข้าก็ยังรู้สึกว่ามีตรงไหนสักที่แปลกๆ”
จีหมิงซิวถือคบไฟ เปลวเพลิงส่องลงมา แต่ใบหน้าเคร่งขรึมเย็นชาของเขากลับไม่อ่อนโยนขึ้นสักนิด ตรงกันข้ามกลับคล้ายภูตผีผู้เย็นชาที่ชวนให้คนสะพรึง
จีหมิงซิวตอบเรียบๆ “ในจุดตันเถียนของเขาเริ่มก่อเกิดเม็ดโลหิตแล้ว”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยลังเลครู่หนึ่ง “เม็ดโลหิตก่อเกิดแล้วหรือ หากพูดเช่นนี้…”
จีหมิงซิวพยักหน้า “ถูกต้องแล้ว เขากำลังจะกลายเป็นมารโลหิตที่แท้จริง ก่อนหน้าเม็ดโลหิตก่อตัวโดยสมบูรณ์ เขานับได้ว่าเป็นมารโลหิตเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น แม้อดทนต่อความเจ็บปวด อดทนต่ออาการบาดเจ็บได้มากกว่าคนธรรมดา แต่มิใช่ว่าฆ่าไม่ตาย ทว่าเม็ดโลหิตของมารโลหิตไม่ใช่จะถือกำเนิดขึ้นมาง่ายๆ ระหว่างกระบวนการก่อเกิดเม็ดยาพิษ ราชันอสูรกับร่างพิษจะมีพลังแข็งแกร่งขึ้นตามเม็ดยาพิษที่โตขึ้น แต่มารโลหิตไม่เหมือนกัน ระหว่างที่เม็ดโลหิตก่อตัว กำลังภายในของมารโลหิตจะอ่อนแอลงมาก หากไม่จำเป็นจริงๆ ทางที่ดีที่สุดย่อมไม่ควรใช้กำลังภายในมากเกินไป มิเช่นนั้นหากมีกำลังภายในไม่พอให้เม็ดโลหิต เม็ดโลหิตก็จะก่อตัวช้าลง”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยเข้าใจแล้ว “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ข้าก็ว่าแล้วเจ้าโจรเฒ่ามันหนีทำอะไร ตอนนี้กระบี่โหราจารย์อยู่ในมือพวกเราแล้ว ต่อให้เขาสร้างเม็ดโลหิตออกมาได้ก็ไม่ต้องกลัวแล้วกระมัง”
จีหมิงซิวมองกระบี่โหราจารย์ในมือ แล้วทำหน้าครุ่นคิด “หากกำลังภายในถูกสะกดเอาไว้ แล้วพลังของกระบี่โหราจารย์…ผู้ใดจะรู้เล่า”
ระห่างที่พูดคุยกัน เสียงกรีดร้องโหยหวนของอวิ๋นซู่ก็ดังมาจากเบื้องลึกในเงามืดอีกครั้ง
เฉียวเวยที่เดินลึกเข้ามาใน ‘ทุ่งข้าวโพด’ กุมหน้าอกทำหน้าอมทุกข์
นางทำบาปแล้ว เป็นความผิดของนางเอง! เหตุไฉนปะกางเกงให้ผู้อื่นแล้วดันลืมเข็มทิ้งไว้ตรงนั้นเล่า
ความผิดพลาดโง่ๆ ระดับนี้ก่อนหน้านี้นางไม่มีวันทำแน่ พักนี้นางเหน็ดเหนื่อยจนกลายเป็นคนโง่ไปเสียแล้ว!
ความละอายใจของหัวหน้าพรรคเฉียวไหลบ่ามาราวกับน้ำในแม่น้ำฮวงโห นางอยากจะย้อนกลับไปดู ทว่าเพิ่งเดินได้สองก้าวก็เลี้ยวกลับมา
ขออภัยนะท่านลุง เข็มอะไรนั่น ท่านดึงออกมาเองเถิด…
หัวหน้าพรรคเฉียวเผ่นหนีอย่างเร็วไว!
เข็มเย็บผ้าปักถูกตรงไหนไม่ปัก ดันไปปักถูกจุดสำคัญอันแสนจะบอบบางตรงนั้น อวิ๋นซู่เจ็บปวดจนล้มลงไปกองกับพื้นรถม้า เหงื่อกาฬแตกพลั่กทั่วร่าง มือเท้าสั่นเทาอย่างไม่อาจควบคุมได้
หลังจากมารโลหิตเสียเม็ดโลหิตไป เขาก็กลัวความเจ็บปวดเพิ่มขึ้นมาก แรกเริ่มทนได้มากเท่าใด ตอนหลังก็เจ็บปวดมากเท่านั้น สถานการณ์ยามนี้ของอวิ๋นซู่ก็ไม่ต่างจากมารโลหิตสักเท่าไร หลังจากกำลังภายในถูกสะกดแล้วถูกสูบปราณของมารโลหิตออกไป ร่างกายของเขาก็กลัวเจ็บยิ่งกว่าคนเฒ่าคนแก่เสียอีก
ไม่ใช่ว่าเขามีจิตใจแข็งแกร่งอะไร ความจริงเข็มเล่มนี้ทำเขาเจ็บปวดจนสลบไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว หลังจากเขาสลบไปชั่วครู่สั้นๆ อวิ๋นซู่ก็รวบรวมกำลังดึงเข็มออกมาได้ในที่สุด ไหนเลยจะคิดว่าเพิ่งจะดึงออกมา เจ้าตุ้ยนุ้ยคนหนึ่งก็พลิกตัวมากระแทกร่างเขาดัง ปึ้ก!
เข็มปักลงไปซ้ำที่เดิมอีกหน…
ตอนที่วั่งซูตื่นมา นางก็พบว่าตนเองนอนอยู่บนร่างของท่านลุงคนหนึ่ง นางลืมดวงตาโตใสแวววาวมองท่านลุงที่นอนอยู่บนพื้น
ความจริงหน้าตาของอวิ๋นซู่ดูไม่แก่ชราสักนิด เพียงแต่เฉียวเจิงก็ดูหน้าไม่แก่เช่นกัน แต่ขนาดเฉียวเจิงยังเป็นท่านตาของวั่งซูเข้าไปแล้ว ด้วยเหตุนี้วั่งซูจึงเรียกบุรุษที่หน้าตาประมาณเดียวกับเขาด้วยความเคารพว่าท่านลุง