หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 100-2 หมอเทวดาน้อยรักษาอวิ๋นซู่
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 100-2 หมอเทวดาน้อยรักษาอวิ๋นซู่
ตอนที่ 100-2 หมอเทวดาน้อยรักษาอวิ๋นซู่
วั่งซูเหมือนจะจำได้ว่าตนเองร่วงลงมาทับบนบางสิ่ง ที่แท้ก็ท่านลุงคนนี้เอง วั่งซูรีบลุกขึ้นมา ในที่สุดอวิ๋นซู่ก็ได้โอกาสหอบหายใจ
วั่งซูโคลงศีรษะมองเขาอยู่นาน หลังจากนั้นนางก็ตื่นเต้นดีใจที่จำอีกฝ่ายได้ “ท่านลุง ท่านนี่เอง! ท่านจำข้าได้หรือไม่ หนก่อนข้าช่วยรักษาท่าน! ท่านดูแล้วอาการดีขึ้นมากเชียว!”
เทียบกับสภาพร่อแร่เมื่อหนก่อน ตอนนี้ลืมตาได้แล้ว แล้วร่างกายยังสั่นเทาได้เป็นพักๆ อีกต่างหาก…
ตั้งแต่ชั่วพริบตาที่อวิ๋นซู่เห็นเจ้าเด็กโง่คนนี้เขาก็สั่นไปทั้งตัว เมื่อครู่เขาถูกเจ้าเด็กโง่คนนี้ทับไปอีกหนึ่งแอ้กจนรู้สึกว่าครึ่งร่างสูญเสียความรู้สึกไปแล้ว
วั่งซูเห็นเขานอนนิ่ง ใบหน้าน้อยก็เคร่งขรึมขึ้นมาในพริบตา “ท่านลุง ท่านเป็นอันใด ท่านไม่สบายอีกแล้วใช่หรือไม่ อ้อ ข้ารู้แล้ว ท่าน…ท่าน…ท่านจะต้องอาการเก่ากำเริบแน่นอนเลยเชียว! ท่านรอประเดี๋ยว อย่าร้อนใจไป ข้าจะจับชีพจรให้ท่านก่อน!”
พูดพลางวั่งซูก็บีบข้อมือของอวิ๋นซู่
อวิ๋นซู่ไหนเลยจะยอมให้เจ้าเด็กโง่คนนี้จับ ชั่วพริบตาที่อุ้งมือมารน้อยของวั่งซูเอื้อมมา เขาก็ขยับแขนหลบโดยสัญชาตญาณ แต่คิดไม่ถึงว่ายังถูกวั่งซูจับได้อยู่ดี
อวิ๋นซู่อยากชักมือกลับ แต่ชักให้ตายก็ไม่ขยับสักนิด
อวิ๋นซู่สงสัยว่าตนเองกำลังฝันอยู่ เจ้าเด็กโง่คนนี้กินอะไรโตมากันแน่ เหตุไฉนพละกำลังจึงมากมายถึงเพียงนี้…
วั่งซูพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “อาการป่วยของท่านหนักหนาอยู่เล็กน้อยแต่ไม่เป็นอะไร ท่านตาของข้าเป็นหมอเทวดา ท่านแม่ของข้าเป็นหมอเทวดา ข้าเองก็เป็นหมอเทวดาน้อย วิชาแพทย์ของข้าดีอย่างยิ่ง ข้าจะรักษาท่านให้หายดีแน่นอน! ท่านรอข้าอยู่ตรงนี้นะ ข้าจะไปหยิบหีบบนรถก่อน!”
วั่งซูพูดพลางก็วางอวิ๋นซู่ลงบนพื้นแล้ววิ่งฉิวปีนขึ้นไปบนรถม้า
อวิ๋นซู่รออยู่ตรงนี้อย่างเชื่อฟังก็แปลกแล้ว เขาอาศัยจังหวะที่วั่งซูไปค้นหาหีบร้อยสมบัติ ข่มกลั้นความเจ็บปวดแสนสาหัสที่ตรงนั้น จากนั้นสุ่มเลือกทิศทางหนึ่งชักขาวิ่งทันที!
คิดไม่ถึงว่าเขาวิ่งได้ไม่ถึงสามก้าว เท้าก็เหยียบถูกความว่างเปล่า กลิ้งหลุนๆ ร่วงจากบันไดจนจมูกเขียวหน้าบวม หมดสติไปทันที
วั่งซูหาหีบร้อยสมบัติพบแล้ว แต่นางกลับพบว่าท่านลุงหายตัวไป นางรีบออกไปตามหา ผลสุดท้ายเท้าก็เหยียบถูกความว่างเปล่า ร่วงจากบันไดที่สูงอย่างน่าเหลือเชื่อกลิ้งหลุนๆ ลงไปด้านล่าง จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนอย่างไม่บาดเจ็บแม้แต่น้อย!
นางหาอวิ๋นซู่ที่หมดสติพบแล้ว นางลากคอเสื้อของอวิ๋นซู่พาเขาขึ้นบันไดไปทีละขั้น
ข้าช่างเป็นแม่นางน้อยผู้โอบอ้อมอารีจริงๆ!
วั่งซูคิดอย่างภาคภูมิใจ
อวิ๋นซู่ที่ครึ่งหลับครึ่งตื่นรู้สึกว่าก้นของตัวเองเย็นวาบ แต่เขาไม่เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น…
แต่แล้ววั่งซูก็หลงทาง นางลากคนขึ้นบันไดมาสำเร็จแต่กลับหารถม้าไม่พบ
ตอนที่อวิ๋นซู่ตื่นขึ้นมา เขานอนอยู่ในห้องศิลาอันเย็นเฉียบห้องหนึ่ง ภายในห้องศิลามีเพียงแสงเรืองๆ จากมุกราตรีของวั่งซู
อวิ๋นซู่เจ็บไปหมดทั้งตัว เขาเอี้ยวศีรษะที่แข็งทื่อไปมองด้านข้าง
วั่งซูกำลังมุดศีรษะเข้าไปในหีบร้อยสมบัติ คุ้ยหาของดังขลุกขลักแล้วพูดว่า “แย่แล้วๆ เหมือนข้าจะไม่ได้พกเข็มเงินมา นี่จะทำอย่างไรดีเล่า ข้าฝังเข็มให้ท่านไม่ได้แล้ว”
เป็นเช่นนั้นดีเหลือเกินจริงๆ!
ทว่าอึดใจถัดมา วั่งซูก็เอาของสิ่งหนึ่งออกมาจากคานของห้องศิลาแล้วเดินเข้ามาหา “ท่านลุง ข้าหาพบแล้ว! ท่านดูสิ!”
มันคือตะปูสีทองอร่ามที่หนาเสียยิ่งกว่าตะปูสะกดวิญญาณ
สายตาของอวิ๋นซู่จับอยู่บนตัวตะปู เมื่อเขาเห็นลวดลายที่เหมือนมังกรนั่น ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือด
นี่ไม่ใช่ตะปูพิฆาตเทวาในตำนานที่สังหารได้แม้แต่จักรพรรดิอสูรหรือ เหตุไฉนจึงมาอยู่ที่นี่ได้
หากนี่เป็นตะปูพิฆาตเทวาจริง เกิดตนถูกมันตอกเข้าไปในร่างจะยังมีหนทางรอดเหลืออยู่อีกหรือ
อวิ๋นซู่ดิ้นรนสุดกำลัง เขาเค้นเสียงแหบพร่าออกมาจากลำคอ “เฮ้ยๆ นี่ไม่ใช่…”
พูดยังไม่ทันจบ หมอเทวดาน้อยวั่งซูก็จับร่างของเขาไว้แล้วหาตำแหน่งตามความทรงจำอย่างชำนิชำนาญ ก่อนจะทิ่มตะปูพิฆาตเทวาลงไปหนึ่งตัว!
ตะปูสะกดวิญญาณเจ็บปวดมากเท่าใด ตะปูพิฆาตเทวามีแต่จะเจ็บปวดมากกว่านั้น…สิบเท่า ร้อยเท่า!
อวิ๋นซู่เจ็บปวดจนไม่เหลือสติสัมปชัญญะ!
หมอเทวดาน้อยวั่งซูย่อมไม่รังเกียจคนไข้เพราะเหตุนี้ ใบหน้าน้อยขนาดเท่าฝ่ามือของนางเต็มไปด้วยความเคร่งขรึมและเชี่ยวชาญ นางหาตำแหน่งที่สองพบอย่างรวดเร็วยิ่ง หนนี้นางผ่อนความเร็ว ค่อยๆ หมุน ค่อยๆ หมุนตะปูเข้าไปอย่างเบามือเหมือนอย่างที่ท่านตากับท่านแม่ทำ
อวิ๋นซู่เจ็บปวดมากกว่าเดิม ปราณโลหิตในร่างหลั่งไหลออกไปอย่างต่อเนื่อง
เมื่อตะปูพิฆาตเทวาตัวที่สามปักลงมาในร่างของเขา อวิ๋นซู่ก็เจ็บจนสองตาเหลือก หน้าเบ้จมูกเบี้ยว สิ่งที่ร้ายแรงกว่านั้นก็คือเม็ดโลหิตที่ก่อตัวขึ้นมาในร่างอย่างยากลำบาก ถูกตะปูพิฆาตเทวาเล่นงานจนสลายหายไปในคราวเดียว!
เขากระอักโลหิตออกมาราวกับเทน้ำ…
จิตใจของอวิ๋นซู่ใกล้พังทลายแล้ว
ปราณโลหิตหมดไปยังเพิ่มพูนกลับมาใหม่ได้ แต่เม็ดโลหิตสลายไปแล้วใช่ว่าจะสร้างขึ้นมาใหม่ได้ง่ายดายปานนั้น เขาต้องรีบรวบรวมมันมาผนึกตัวกันใหม่ก่อนที่เศษเสี้ยวของเม็ดโลหิตจะสลายไปอย่างสมบูรณ์
เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัว อวิ๋นซู่ก็ไม่รู้ว่าเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน เขายกแขนที่สั่นระริกเพราะความอ่อนแรงชี้ไปด้านหลังของวั่งซูแล้วพูดว่า “นั่น…นั่นอะไรน่ะ”
วั่งซูหันกลับไปมอง แล้วถามอย่างใสซื่อ “อะไรหรือ”
ตอนนั้นเองอวิ๋นซู่ก็แผ่นแน่บ
อวิ๋นซู่แบกร่างกายอันสะบักสะบอมพุ่งเข้าไปในทุ่งข้าวโพด หยาดเลือดหยดตามทาง ณ ตำแหน่งหนึ่งบนทุ่งข้าวโพด เขามองเห็นรถม้าจอดนิ่งสนิทอยู่
เด็กน้อยสองคนบนรถม้าตื่นแล้ว พวกเขากระโดดลงมาแล้วมองรอบด้านด้วยสีหน้ามึนงง
อวิ๋นซู่แอบขึ้นไปบนรถม้าอย่างไม่เผยร่องรอย จากนั้นเขาก็คว้าสายบังเหียนมากำแน่นแล้วขับรถหนีอย่างรวดเร็ว เขาไม่รู้ว่ารถม้าวิ่งไปนานเท่าใด สรุปก็คือเขาแน่ใจแล้วว่ารถแล่นออกมาพ้นทุ่งข้าวโพด สลัดเจ้าเด็กโง่กับคนกลุ่มนั้นไว้ไกลเบื้องหลังแล้ว
ตอนนี้เขาต้องเริ่มรักษาแผล
อวิ๋นซู่ผ่อนแรงที่จับสายบังเหียน ความเร็วของม้าช้าลงจนคล้ายเดินอย่างสบายอารมณ์ กีบเท้าม้าดังกุบกับๆ ไปตามทาง
อวิ๋นซู่สีหน้าซีดเผือด มือสั่นเทาของเขาคลำหาน้ำอมฤตขวดหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ
น้ำอมฤตเป็นยาวิเศษแห่งการรักษาบาดแผล มีสรรพคุณห้ามเลือดได้เยี่ยมยอด
อวิ๋นซู่แหงนหน้าดื่มลงไปอึกหนึ่งก็รู้สึกว่าปราณโลหิตในร่างตนไม่ปั่นป่วนเท่าเดิมแล้ว หลังจากนั้นเขาก็ยกมืออีกข้างหนึ่งขึ้นมา ข่มกลั้นความเจ็บปวดจับตะปูพิฆาตเทวาที่ปักตรึงตรงหน้าอก
เขากำลังจะดึงตะปูพิฆาตเทวาออกมาได้อยู่แล้ว ทว่าทันใดนั้นเองข้างหูก็พลันได้ยินเสียงนุ่มนิ่มเสียงหนึ่ง “ท่านลุง นี่พวกเราจะไปไหนกันหรือ”
เจ้า เจ้า…เจ้าเด็กโง่!
อวิ๋นซู่ผวาจนเสียหลักร่วงตกจากรถม้า