หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 105-4 ตอบจบ
ตอนที่ 105-4 ตอบจบ
อสรพิษเกล็ดดำที่หายากเช่นนี้ ทั้งตัวล้วนเป็นสมบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดีงูของมันมีสรรพคุณดียิ่งกว่างูพิษหลุมไซบีเรียกับกับงูจงอางเสียอีก
จีหมิงซิวส่งกระปุกใบหนึ่งให้นาง “ข้าเก็บดีงูไว้ให้เจ้าแล้ว”
เฉียวเวยรับกระปุกมาแล้วยิ้มกว้าง “เช่นนี้ค่อยดีหน่อย”
จีหมิงซิวเก็บกระบี่โหราจารย์แล้วบอกเฉียวเวยว่า “เมื่อครู่ข้าเดาพลาดไปเรื่องหนึ่ง”
“เรื่องใดหรือ” เฉียวเวยถาม
จีหมิงซิวคิดทบทวนครู่หนึ่ง แล้วมองไปยังความมืดอันไร้ที่สิ้นสุด จากนั้นพึมพำออกมาว่า “การสลับตำแหน่งพื้นที่สองหนก่อนไม่เคยปรากฏสถานการณ์เช่นนี้…เจ้าเดาไม่ผิด สาเหตุที่การเคลื่อนไหวเมื่อครู่รุนแรงผิดปกติ น่าจะไม่ใช่เพราะมีคนเข้ามา แต่เพราะมีคนเปิดกลไกของพระราชวังใต้ดิน พระราชวังใต้ดินจึงเริ่มขัดขวางผู้บุกรุกแล้ว”
…
ด้านข้างของถนนเส้นยาวในพระราชวัง มีน้ำพุไหลริน อวิ๋นจูนั่งนิ่งอยู่ในน้ำพุอันใสสะอาดและเย็นฉ่ำ สีหน้าของนางนิ่งสงบนัก เฉียวเจิงนั่งเฝ้าอยู่ริมฝั่ง ทุกหนึ่งเค่อเขาจะเข้าไปดูอาการของนาง
แต่เดิมชีพจรของนางอ่อนจนแทบจะคลำไม่พบ ตอนนี้กลับมีเรี่ยวแรงขึ้นมามากแล้ว สีหน้าก็ไม่ซีดเผือดเหมือนก่อนหน้านี้ เฉียวเจิงดูลิ้นกับดวงตาของนางต่อ เขาแน่ใจว่าอาการของนางกำลังดีขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าตกตะลึง
เห็นน้ำพุเทพมีสรรพคุณดีเช่นนี้ เฉียวเจิงก็อดไม่ไหวกรอกเก็บไว้หลายโถ
เยี่ยเฟยเจวี๋ยที่อยู่ข้างเขายังสลบไม่ตื่น แต่เดิมเฉียวเจิงคิดจะถ่ายเลือดออกให้เขา แต่ต่อมาจับชีพจรดูแล้วพบว่าร่างกายเขายังทนรับไหว เมื่อเป็นเช่นนั้นเฉียวเจิงจึงปล่อยให้เขาค่อยๆ ดูดซับพลังเอง!
ตอนที่เฉียวเจิงกรอกน้ำได้ครึ่งหนึ่ง เขาก็รู้สึกว่าพื้นใต้ร่างสั่นไหว เขาหยุดนิ่ง รอครู่หนึ่งก็ไม่มีแรงสั่นไหวแล้ว เขาจึงคิดว่าตนเองรู้สึกไปเองแล้วไม่เก็บมาใส่ใจ
เขาปิดผนึกโถที่บรรจุน้ำพุเทพไว้ทีละโถ ขณะที่กำลังจะผนึกโถใบสุดท้าย จู่ๆ ปลายหางตาก็เหลือบไปเห็นปลาตัวหนึ่ง
ที่นี่มีปลาด้วยหรือ
เฉียวเจิงล้วงมือเข้าไปในโถ อยากจะจับขึ้นมาดูว่าเป็นปลาอะไร คิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะแตะถูกมัน เจ้าปลาตัวนั้นก็อ้าปากที่เต็มไปด้วยฟันแหลมคม งับมือของเฉียวเจิงอย่างแรง!
เฉียวเจิงตกใจชักมือกลับ! เจ้าปลาจึงกัดพลาดถูกความว่างเปล่า
ไห่สือซานได้ยินเสียงเฉียวเจิงสูดลมหายใจอย่างตกใจก็หันกลับมาถามว่า “นายท่านเฉียว เกิดอะไรขึ้น”
เฉียวเจิงมองดูปลาในโถแล้วบอกอย่างหวาดผวา “ปลากินคน”
“อะไรนะ” ไห่สือซานก้าวเข้ามาก้าวหนึ่ง แล้วคว่ำโถทั้งใบลงมา ปลากับน้ำถูกเทลงมาอยู่บนพื้นตรงริมฝั่ง เขาเพ่งสายตามองดูอีกหน คุณพระ นี่มันปลากินคนจริงๆ ด้วย!
“ปลานี่…มาจากที่ใดกัน” เขาถามอย่างตกตะลึง
เฉียวเจิงชี้ไปที่น้ำพุเทพ
ไห่สือซานหันขวับไปมอง ทันใดนั้นวิญญาณก็เกือบจะบินหนีออกจากร่าง เขาเห็นปลากินคนฝูงใหญ่โผล่ขึ้นมาในน้ำพุเทพที่ใสจนเห็นก้นตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ทราบ พวกมันกำลังว่ายเป็นฝูงมาทางนี้
เขาไม่มีเวลาขบคิดว่าอยู่ดีๆ ในน้ำพุเทพมีปลากินคนมากมายขนาดนี้โผล่มาจากความว่างเปล่าได้เช่นไร ไห่สือซานคว้าหัวไหล่อวิ๋นจูแล้วลากนางขึ้นมาจากน้ำทันก่อนปลากินคนจะกัดนางบาดเจ็บได้อย่างเฉียวฉิว
หากคิดว่าอันตรายจะถูกขจัดได้ง่ายดายเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นก็ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว
ไห่สือซานถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกมาห่อตัวอวิ๋นจูไว้ ยังไม่ทันที่เขาจะได้ผ่อนลมหายใจ อินทรีทองก็กระพือปีกกรีดเสียงร้อง เสียงคลื่นถาโถมดังตามมาติดๆ ระดับน้ำเริ่มเพิ่มสูงขึ้น จนตอนนี้มันจะท่วมพื้นดินแล้วแต่ระดับน้ำก็ดูไม่มีวี่แววว่าจะลดลงแม้แต่น้อย
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป บริเวณนี้ต้องถูกท่วมมิดแน่
ถูกน้ำท่วมไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวก็คือในน้ำมีปลากินคน!
เฉียวเจิงก็ตระหนักถึงจุดนี้เช่นกัน สีหน้าเขาย่ำแย่ขึ้นมาทันใด “ท่าไม่ดีแล้ว ที่นี่จะถูกน้ำท่วมแล้ว รีบขึ้นที่สูงเร็ว”
สายตาของไห่สือซานเลื่อนไปจับยอดหลังคาของตำหนักที่อยู่ไม่ไกลหลังนั้น “ตรงนั้น!”
แต่จะขึ้นไปอย่างไรเล่า
ไม่มีบันได ไม่มีวิชาตัวเบา ต้องใช้มือเปล่าปีนขึ้นไปหรือ
ระหว่างที่พวกเขากำลังขบคิดจนหัวแทบไหม้ จู่ๆ เงาคนบึกบึนร่างหนึ่งก็เหินมาจากทางตำหนัก ยอดฝีมือที่ยังเหินไปเหินมาได้ในสถานการณ์ที่ทุกคนถูกสะกดกำลังภายในไว้ทำให้คนต้องมองจนอึ้งงันจริงๆ
ไห่สือซานเงยหน้ามอง เขานิ่งอึ้งไปในพริบตา “ท่านราชันอสูรหรือ”
ราชันอสูรเหินลงมาจากฟ้า เขาร่อนลงมาตรงบริเวณที่ถูกน้ำท่วมไปแล้วนิดหน่อยได้อย่างองอาจทรงพลัง ไห่สือซานตกตะลึงจนอึ้งค้างไปแล้ว ไม่เสียทีเป็นราชันอสูรที่เก่งกาจที่สุดในใต้หล้า สถานการณ์เช่นนี้ยังเหินเวหาได้อีก!
ราชันอสูรอุ้มอวิ๋นจูมาจากอ้อมแขนของไห่สือซาน มือข้างหนึ่งไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่ด้านหลัง จากนั้นก็สะกิดปลายเท้าเหินขึ้นไปบนยอดหลังคา
ชั่วพริบตาที่ราชันอสูรหมุนตัว ไห่สือซานก็เห็นเชือกด้านหลังเขา
ไห่สือซานทำหน้าอิหลักอิเหลื่อ “…”
ที่แท้ท่านก็เหินเวหาเช่นนี้เองหรือ
ราชันอสูรโหนเชือกไปวางอวิ๋นจูไว้บนยอดหลังคาอย่างแผ่วเบา หลังจากนั้นก็เหินกลับมาคว้าตัวเฉียวเจิง พาเขาไปส่งบนหลังคาด้วย
เมื่อราชันอสูรหวนกลับมาอีกครั้ง เยี่ยนเฟยเจวี๋ยก็ลืมตาขึ้นมาอย่างเงียบๆ เขาตื่นขึ้นมาพบว่านิ้วมือรู้สึกแปลกพิกล พอลืมตาดูก็เห็นปลากินคนตัวหนึ่งห้อยอยู่ตรงนั้น
“อ้ากกก!” เยี่ยนเฟยเจวี๋ยตกใจจนลุกพรวดขึ้นมา! เขาเพ่งมองผิวน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วเอ่ยขึ้นมาอย่างขนลุกขนพอง “นี่มันเกิดอะไรขึ้น น้ำท่วมอย่างนั้นหรือ”
ราชันอสูรเหินเข้ามา
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยตกตะลึง “ผู้อาวุโสราชันอสูรหรือ”
ราชันอสูรที่เอื้อมมือมาทางเยี่ยนเฟยเจวี๋ยหดมือกลับไปอย่างเงียบๆ แล้วเปลี่ยนไปคว้าสือชีที่อยู่ด้านข้างเหินฟิ้วจากไป เวลานี้น้ำพุแผ่ขยายจนท่วมข้อเท้าของทั้งสองคนแล้ว ปลากินคนที่ขนาดตัวค่อนข้างเล็กฝูงหนึ่งกระเสือกกระสนกระโดดขึ้นมากัดเฉี่ยวเท้าพวกเขาไปเฉี่ยวเท้าพวกเขามา
ไห่สือซานกระโดดโหยงเหยง โบกมือให้ราชันอสูร “ท่านราชันอสูร ช่วยข้าด้วยๆ!”
ปลากินคนหนึ่งตัวหนึ่งกระโดดเข้ามากัด ปลากินคนสองตัวกระโดดเข้ามากัด ปลากินคนฝูงใหญ่กระโดดเข้ามากัด
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยอกสั่นขวัญแขวน!
หลังจากกลอกลูกตา สมองเขาก็เกิดปฏิภาณไหวพริบ ล้วงถั่วเคลือบน้ำตาลถุงหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ “ข้ามีถั่วเคลือบน้ำตาล! ข้ามีถั่วเคลือบน้ำตาล!”
ราชันอสูรเหินเข้ามาช่วยถั่วเคลือบน้ำตาลของเขาจากไป
เยี่ยนเฟยเจวี๋ย “…”
…
สุดท้ายเยี่ยนเฟยเจวี๋ยก็ถูกช่วยไว้จนได้ เมื่อเขาถูกพาออกมาจากผิวน้ำ บนร่างก็มีปลากินคนกัดติดเสื้อผ้าของเขาอยู่เจ็ดแปดตัว ราชันอสูรโยนเยี่ยนเฟยเจวี๋ยไว้บนหลังคา
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยล้มกลิ้งหน้าจุ่มแผ่นกระเบื้อง
น้ำพุท่วมถนนกับอาคารบริเวณนี้ไปจนหมด โชคดีที่ระดับน้ำหยุดอยู่ที่ใต้ชายคนไม่ท่วมต่อมากกว่านั้น
ทุกคนผ่อนลมหายใจยาวๆ ทว่าลมหายใจยังไม่ทันผ่อนออกมาหมด ปลากินคนที่แข็งแรงตัวหนึ่งก็กระโดดออกจากผิวน้ำมาบนยอดหลังคา แล้วบังเอิญร่วงลงบนร่างของเยี่ยนเฟยเจวี๋ยพอดี
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยจิตใจแตกสลายแล้ว เหตุใดคนที่ถูกกัดต้องเป็นเขาตลอด
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยตบปลากินคนปลิวลอยออกไป ปลากินคนสะบัดตัวกลางอาหาศ ร่างกายร่วงโครมลงมาบนโถใบหนึ่ง มันกัดโถเอาไว้ พยายามจะห้อยตัวเองอยู่บนนั้น แต่สุดท้ายก็พาทั้งตัวเองและโถใบนั้นร่วงลงไปด้านล่าง
นั่นคือโถของราชันอสูร
….
ภายในห้องอันมืดสนิท อวิ๋นซู่ผู้สูญเสียไขเลือดและเม็ดโลหิตไปแล้วนอนรอความตายอยู่บนม้านั่งอันเย็นเฉียบ
กล่าวกันว่ามนุษย์ยามใกล้สิ้นใจมักจะนึกย้อนถึงเรื่องราวต่างๆ เมื่อตอนยังมีชีวิตอยู่ แต่เพราะเขาบาดเจ็บหนักและเจ็บปวดแสนสาหัส สติสัมปชัญญะของเขาจึงพร่ามัวไปนานแล้ว ไม่ต้องพูดถึงนึกย้อนเรื่องราวอันใดในอดีต น่ากลัวว่าแม้แต่ตนเองเป็นผู้ใดเขาก็ใกล้จะนึกไม่ออกแล้ว
ในตอนที่เขากำลังจะกลืนลมหายใจเฮือกสุดท้ายนั่นเอง จู่ๆ กระแสน้ำสายหนึ่งก็ทะลักเข้ามาจากด้านนอก กระแสน้ำรุนแรงรวดเร็วนัก เพียงครู่เดียวมันก็ท่วมม้านั่งของเขา
ปึ้ก!
มีของบางสิ่งชนเข้ากับม้านั่งของเขา
…
เล่าถึงอีกด้านหนึ่ง หลังจากแผ่นดินไหวอันรุนแรงจบลง มู่ชิวหยางก็ถูกฝังอยู่ใต้ราวอาวุธกองโต เขาสิ้นเปลืองกำลังมากมายนักกว่าจะปีนขึ้นมาจากซากปรักหักพังได้ หลังจากเขาคลานออกมาด้วยสภาพอเนจอนาถก็รีบเปิดประตูใหญ่ของคลังอาวุธ แต่ภาพที่ปรากฏกลับทำให้คนตกตะลึง
เขาจำได้ชัดว่าด้านหน้าคือถนนเส้นยาวของพระราชวังเส้นหนึ่ง อีกฝั่งหนึ่งของถนนคือกำแพงสูงตระหง่าน ทว่าตอนนี้…ตอนนี้มันกลับกลายเป็นทุ่งหญ้ากว้างสุดลูกหูลูกตา
เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!