หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 21-3 ออกกระบวนท่า
ตอนที่ 21-3 ออกกระบวนท่า
สิ่งแรกที่ต้าไป๋ทำหลังออกมาได้คือตามหาเฉียวเวย จมูกเพียงพอนของมันรับกลิ่นได้ไวมาก เพียงครู่เดียวก็หาพบ
ทว่าภายในเรือนมีแต่คนเต็มไปหมด ประตูกับหน้าต่างล้วนปิดสนิท ต้าไป๋บุกเข้าไปไม่ได้
ลูกศิษย์คนหนึ่งหิ้วกล่องอาหารเดินออกมาจากด้านในห้อง เดินไปพลางก็ส่ายหน้าไปพลาง
ต้าไป๋ตามเขาไปจนถึงห้องครัว
ลูกศิษย์หยิบจานอาหารในกล่องออกมา จากนั้นจึงไปหาอาหารชุดใหม่
ต้าไป๋เปิดฝากล่องอาหารออกแล้วมุดหัวเข้าไปด้านใน คิดจะแอบมุดเข้าไปซ่อน
ก้นของมันขยับดุกดิก ดุกดิก แต่ขยับอยู่นานก็ยัดเข้าไปไม่ได้ มันอ้วนเกินไป…
ต้าไป๋ผู้มุดเข้าไปในกล่องอาหารไม่ได้จึงได้แต่ล้มเลิกความคิดนี้ มันกระโดดขึ้นไปบนหลังคา โกยหิมะที่ทับถมอยู่ออก แล้วแงะกระเบื้องที่มีน้ำแข็งจับอยู่แผ่นหนึ่งขึ้นมา
ลูกศิษย์หิ้วกล่องอาหารกลับมาอีกหน จากนั้นใช้ภาษาจงหยวนที่ไม่ค่อยชัดนักบอกเฉียวเวยว่า “ไม่มีเนื้อยูก (ลูก)แกะย่างฉับปะยด (สับปะรด) มีแต่เจ้านี่”
เฉียวเวยโบกมืออย่างรำคาญ “ก็ได้ๆ วางไว้เถอะ!”
ลูกศิษย์เบ้ปาก เจ้ารำคาญ แล้วข้าไม่รำคาญอย่างนั้นหรือ
ลูกศิษย์วางกล่องอาหารแล้วเดินออกไปอย่างเย็นชา
เฉียวเวยเปิดกล่องอาหาร นางไม่ได้อยากกินเนื้อลูกแกะย่างสับปะรดจริงๆ หรอก นางเพียงหวังว่าเมื่อคนเหล่านี้ต้องเคลื่อนไหวเข้าออกหลายหนจะเกิดจังหวะให้นางหลบหนีได้สักนิด แต่คิดไม่ถึงว่าการป้องกันภายในเรือนยังคงแน่นหนาไม่มีช่องว่างอยู่เช่นเดิม
เฉียวเวยถอนหายใจ นางยกน้ำแกงไก่ตุ๋นหม้อดินออกมา ขณะที่กำลังจะดื่มสักคำ ต้าไป๋ก็หล่นลงมาดัง ตู้ม!
หล่นลงในชามน้ำแกงไก่พอดิบพอดี น้ำแกงกระเซ็นใส่หน้าของเฉียวเวย
เฉียวเวยปาดคราบน้ำแกงบนใบหน้าออกเงียบๆ
ต้าไป๋กระโจนเข้ามาหา ยกขาขึ้นเกาะคอเฉียวเวยแล้วเลียใบหน้าของเฉียวเวยจนชุ่มไปหมด
“…”
อยากดื่มน้ำแกงก็ไม่เห็นต้องทำเช่นนี้…
ต้าไป๋มาแล้ว โอกาสหลบหนีย่อมเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เฉียวเวยขบคิดครู่หนึ่ง ด้านนอกมีคนอยู่ทั้งหมดยี่สิบสี่คน นักรบมรณะกับลูกศิษย์อย่างละครึ่ง ในหมู่นักรบมรณะเหล่านี้มีสี่คนเป็นนักรบมรณะดาบยาวและมีอีกสี่คนเป็นนักรบมรณะระดับสูง
บนตัวเฉียวเวยมีกริชชาดอยู่ การจัดการนักรบมรณะที่ระดับต่ำกว่านักรบมรณะดาบยาวไม่เป็นปัญหาอย่างสิ้นเชิง แต่นักรบมรณะดาบยาวสี่คนนั้นออกจะตึงมืออยู่บ้าง อีกอย่างหนึ่งลูกศิษย์สิบสองคนนั้น นางไม่เคยประมือด้วยมาก่อนจึงไม่ทราบว่าฝีมือเป็นเช่นไร หากระดับเท่ากับนักรบมรณะดาบยาว นางกับต้าไป๋คงลำบากแล้ว
เพียงพอนเมฆารักการต่อสู้
ต้าไป๋รู้ว่าเฉียวเวยกำลังจะออกไปวิวาท มันจึงกระโดดโลดเต้นบนพื้นอย่างตื่นเต้น
เฉียวเวยจิ๊ปาก “เจ้ากระโดดทำอะไร ยังไม่รู้เลยว่าจะสู้ได้หรือไม่”
จัดการคนยี่สิบกว่าคนนี้ก็กินแรงมากพอแล้ว เฉียวเวยได้แต่สวดภาวนาว่าให้แขกอะไรนั่นคนนั้นถ่วงเวลาประมุขเย่ว์หวาเอาไว อย่าให้พวกเขายังไม่ทันสู้เสร็จ ประมุขเย่ว์หวาก็รู้ตัว
ช่างมันแล้ว!
สู้ก่อนแล้วกัน!
อย่างไรก็คงรอให้เจ้าหมอนั่นกลับมากรีดหน้าตนเป็นลายดอกไม้จริงๆ ไม่ได้หรอก!
เฉียวเวยกำกริชชาดในมือแน่น นางกัดฟันถีบประตูออกมาแล้วพุ่งออกไปพร้อมกับต้าไป๋
ทั้งสองคนเตรียมตัวเผชิญการต่อสู้แลกชีวิตเอาไว้แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าพอเปิดประตูออกมากลับต้องตกตะลึงจนตาค้าง
ไหนเล่าพวกศิษย์ ไหนเล่านักรบมรณะ เหตุไฉนทุกคนจึงล้มลงไปกองกับพื้นกันหมด!
เฉียวเวยกับต้าไป๋มองหน้ากัน
ต้าไปไม่พอใจ!
ไม่ได้สู้ๆ เลย!
เฉียวเวยกลับคิดว่า หรือว่านี่จะเป็นกับดักอะไรบางอย่าง
ทว่าในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ไม่มีเวลาให้พะวงสิ่งใดมากมาย สถานการณ์เลวร้ายที่สุดก็คือถูกจับกลับมา ถูกกรีดใบหน้าเป็นรูปดอกไม้เพิ่มอีกสักดอก แต่นั่นย่อมไม่ต่างอะไรกับการถูกกรีดหนึ่งดอก
เฉียวเวยไม่กล้าใช้เส้นทางเดิม นางพาต้าไป๋ปีนกำแพงออกไปจากตำหนักนอนของประมุขเย่ว์หวา
เพิ่งจะปีนข้ามกำแพงก็พบกับศิษย์ที่ลาดตระเวนอยู่คนหนึ่ง
ศิษย์ผู้นั้นชักกระบี่ออกมาทันใด “ผู้ใด!”
เฉียวเวยกางฝ่ามือออก ตั้งใจจะจับข้อมือของเขา แต่คิดไม่ถึงว่ายังไม่ทันจับ ศิษย์คนนี้ก็ถูกพลังมหาศาลสายหนึ่งกระแทกปลิวลอยไป
เฉียวเวยมองศิษย์ที่สลบอยู่บนพื้น แล้วหันมามองมือของตนเอง นี่มันอะไรกัน ตนมีกำลงภายในด้วยหรือ
หนึ่งคนหนึ่งเดรัจฉานเดินไปไม่กี่ก้าวก็พบศิษย์อีกหลายคน เฉียวเวยฟาดฝ่ามือดัง ฟึบ! ฟึบ! ฟึบ! ศิษย์เหล่านั้นก็ลอย ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! กระเด็นไปกองอยู่บนพื้น!
เฉียวเวยมองสองมือของตนเองอย่างไม่อยากเชื่อ “ต้าไป๋ ข้ามีกำลังภายในจริงๆ ด้วย!”
ต้าไป๋หันไปมองเฉียวเวยด้วยแววตาคลางแคลง
เฉียวเวยเป่ามือเรียวสวยดั่งหยกสองข้างของตนเอง เพื่อพิสูจน์ให้ต้าไป๋ดู นางจึงเดินมาหน้าภูเขาจำลองลูกหนึ่งแล้วสูดลมหายใจ ยืนท่านั่งม้า ใช้กระบวนท่ากำราบมังกรสิบแปดฝ่ามือ ซัดฝ่ามือสองหนใส่ภูเขาจำลองเต็มแรง
เอ๋
เหตุใดไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นเลยเล่า
เฉียวเวยซัดฝ่ามืออีกหน!
ซัดฝ่ามือ!
ซัดฝ่ามือ!
ซัดฝ่ามืออีกหน!
กงซุนฉางหลีมองเจ้าโง่ทั้งสองตะโกนฮ่าๆ ย่าห์ๆ อยู่หน้าภูเขาจำลองลูกหนึ่งจนทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว เขากุมหน้าผากแล้วถอนหายใจ ตอนที่เฉียวเวยซัดฝ่ามือออกมาเป็นหนที่แปด เขาจึงสะบัดแขนเสื้อข้างหนึ่ง ภูเขาจำลองทลายเป็นชิ้นๆ
เฉียวเวยดวงตาเป็นประกาย “ต้าไป๋เจ้าเห็นหรือไม่! ข้ามีกำลังภายในจริงๆ! ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าไม่หนีแล้ว! ข้าจะไปสังหารเจ้าสารเลวคนนั้น! ข้าจะถล่มยอดเขาเชียนหลวนอะไรแห่งนี้ให้ราบเป็นหน้ากลอง!”
กงซุนฉางหลีเซวูบเกือบจะหน้าทิ่มพื้น!
ซัดฝ่ามือแปดหนกว่าจะ ‘ถล่ม’ ภูเขาจำลองลูกหนึ่งได้ เจ้าเอาความมั่นใจมาจากที่ใดจึงคิดว่าจะถล่มยอดเขาเชียนหลวนให้ราบเป็นหน้ากลองได้!
ยังดีที่เฉียวเวยไม่คิดจะใช้สองมือถล่มยอดเขาเชียนหลวนให้ราบเป็นหน้ากลองจริงๆ นางไปที่ห้องครัว อุ้มน้ำมันงาไหใหญ่ออกมาหลายไห แล้วช่วยกันกับต้าไป๋ราดน้ำมันงาจนทั่ว
ขณะที่ราดได้พอประมาณแล้วกำลังจะจุดไฟนั่นเอง นักรบมรณะดาบยาวคนหนึ่งก็ถือดาบยาวตรงดิ่งมาหาเฉียวเวย
เฉียวเวยกับต้าไป๋กำลังราดน้ำมันกันอย่างเพลิดเพลินจึงไม่ทันสังเกตว่ามีคนเข้ามาใกล้
วิชาตัวเบาของคนผู้นี้ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง แม้แต่กงซุนฉางหลีก็ยังพบตัวเขาไม่ทันกาล รอจนกงซุนฉางหลีรู้สึกตัวก็สายไปเสียแล้ว ดาบของคนผู้นั้นพาดอยู่บนลำคอของเฉียวเวยแล้ว
เฉียวเวยรู้สึกถึงสัมผัสอันเย็นเฉียบและคมกริบที่จ่ออยู่กับลำคอของตนเอง ขนอ่อนทั่วร่างของนางลุกชัน!
ฟิ้ว!
ตอนนั้นเองลูกดอกลูกหนึ่งก็พุ่งเข้ามาเสียบทะลุลำคอของเขา!
ร่างกายกำยำของนักรบมรณะดาบยาวกระตุกเฮือกแล้วล้มตึงมาด้านหน้า
เฉียวเวยมองนักรบมรณะที่ล้มลงในแอ่งน้ำมันงาแล้วเบิกตาโตอย่างตกตะลึง นางหันไปมองตามทิศทางที่ลูกดอกถูกยิงมา แล้วก็เห็นจีหมิงซิวถือหน้าไม้พิฆาตเทวายืนสีหน้าเย็นยะเยือกอยู่ตรงนั้นไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด
เฉียวเวยทิ้งไหน้ำมันแล้ววิ่งเข้าไปหาจีหมิงซิว
จีหมิงซิวรวบร่างกายนุ่มนิ่มของนางเข้ามาในอ้อมแขน หลังจากสูดกลิ่นหอมบนเรือนกายของนาง หัวใจอันร้อนรุ่มของเขาก็สงบลงในที่สุด
“ท่านหาข้าพบได้อย่างไร” เฉียวเวยมองเขา
จีหมิงซิวจูงมือนาง “ออกไปกันก่อน อีกเดี๋ยวค่อยบอกเจ้า ท่านยายอยู่ที่ด้านล่างคนเดียว”
“ราชันอสูรเล่า” เฉียวเวยถาม
จีหมิงซิวตอบว่า “ไปหาท่านยายแล้ว”
เฉียวเวยลูบด้านในแขนเสื้อ เมื่อครู่ตกใจมากเกินไป ตะบันไฟร่วงหายไประหว่างทางเสียแล้ว “ท่านพกตะบันไฟมาหรือไม่”
จีหมิงซิวหยิบตะบันไฟชิ้นหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ จากนั้นจึงหาผ้าผืนหนึ่งออกมาจุดไฟแล้วโยนลงไปในน้ำมันอย่างไม่เกรงใจสักนิด
“แย่แล้ว! แย่แล้ว!”
ระหว่างที่ประมุขเย่ว์หวากับอวิ๋นจูกำลังต่อสู้เอาเป็นเอาตายกันอยู่นั่นเอง ศิษย์คนหนึ่งก็วิ่งลนลานเข้ามา “นายท่าน! ตำหนักเชียนหลวนไฟไหม้แล้วขอรับ!”
ชายหนุ่มหันกลับไปมองยอดเขาด้านหลัง แล้วก็เห็นยอดเขาเชียนหลวนอันเขียวขจีมีควันหนาทึบลอยขึ้นมา ต่อมาเปลวเพลิงกองใหญ่ก็ลุกโหมท่วมฟ้า ควันหนาทึบคละคลุ้งไปทั่ว เปลวเพลิงอาบไล้ท้องนภา ตำหนักเชียนหลวนทั้งหลังประหนึ่งกำลังถูกมังกรเพลิงกายมโหฬารกลืนกิน
ชายหนุ่มหน้าถอดสีในพริบตา!
นั่นเป็นตำหนักที่เขาพิถีพิถันสร้างขึ้นมาเชียวนะ!
อิฐแต่ละก้อน กระเบื้องแต่ละแผ่น เขาให้ช่างฝีมือออกแบบมาเป็นพิเศษ แม้แต่ห้องเก็บฟืนก็ยังงดงามดุจตำหนักเซียน…
ตอนนี้ถูกเปลวเพลิงเผาวอดเสียแล้วหรือ