หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 22-1 เผาให้วอด!
ตอนที่ 22-1 เผาให้วอด!
ตำหนักเชียนหลวนเกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่เช่นนี้ ชายหนุ่มจะยังมีอารมณ์สู้กับอวิ๋นจูต่อได้อย่างไร
แต่เดิมชายหนุ่มคิดว่าอวิ๋นจูเสียกำลังภายในจำนวนมากไปกับศึกที่ยอดเขาชังมั่วแล้ว เขาจะสังหารอวิ๋นจูย่อมง่ายดายดุจยกฝ่ามือ ทว่าตอนนี้เขาจำต้องละทิ้งการต่อสู้กับอวิ๋นจูอย่างเลือกไม่ได้…
แต่เขาไม่สู้แล้ว ไม่ได้หมายความว่าเขาจะปล่อยอวิ๋นจูไป
“ค่ายกลหมื่นธนู!”
เขาออกคำสั่ง ประตูศิลาหลายบานตรงไหล่เขาของยอดเขาเชียนหลวนเปิดออกดังครืน ธนูนับไม่ถ้วนโผล่ออกมาจากพื้น ลูกธนูวาววับทอประกายเย็นเยียบตั้งเรียงรายเผยความอันตรายอยู่อีกฝั่ง แต่ละดอกเล็งมาหาอวิ๋นจู
เพียงครู่เดียวไม่ใช่เพียงไหล่เขา แม้แต่ตรงฐานของยอดเขาก็มีคันธนูสิบกว่าคันโผล่ออกมาดังครืนด้วย
สี่ทิศแปดทางรอบตัวอวิ๋นจูถูกล้อมไว้อย่างแน่นหนา หากธนูนับพันหมื่นนี้ยิงออกมา อวิ๋นจูคงถูกยิงจนเป็นเม่นอย่างแน่แท้
ชายหนุ่มยิ้มหยัน “ลงสุสานเป็นเพื่อนเหยาจีเสียเถิด!”
กล่าวจบก็หมุนตัวเดินไปจากตรงนั้น
ด้านหลังอวิ๋นจู คันธนูเริ่มทำงาน ลูกธนูนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่นางอย่างมืดฟ้ามัวดิน ท้องนภาราวกับมีฝนห่าธนูร่วงลงมาถี่ยิบ พลังของธนูจันทร์โลหิตมากมายอีกเท่าใดก็ทำลายได้เพียงฝั่งเดียว นี่เป็นกับดักสังหารที่ออกแบบไว้สำหรับอวิ๋นจูโดยเฉพาะ
ขอเพียงนางกล้ามาย่อมถูกชะตาลิขิตให้ต้องตายที่นี่
อวิ๋นจูกำธนูจันทร์โลหิตในมือแน่น เกรงว่านี่คงจะเป็นคราวเคราะห์ของนางแล้ว…โ
ในตอนที่อวิ๋นจูเตรียมตัวจะถูกลูกธนูพุ่งทะลุหัวใจนั่นเอง เสียงคำรามทุ้มต่ำสะเทือนฟ้าก็ดังมาจากท้องฟ้าไม่ไกล
“โฮกกก”
เสียงคำรามเกรี้ยวกราดดังสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน ทำให้ยอดเขาเชียนหลวนทั้งลูกสั่นไหวเล็กน้อย
เงาร่างของราชันอสูรเหินข้ามนภามาท่ามกลางหิมะโปรยปราย เขากางสองแขนออก โคจรกำลังภายในทั่วร่างอย่างรวดเร็ว พร้อมกับที่สองฝ่ามือค่อยๆ ยกขึ้นอย่างเชื่องช้าแล้วกดลงอย่างฉับพลัน
ทันใดนั้นเองลูกธนูพันหมื่นดอกที่อยู่กลางอากาศก็ส่งเสียงดังป๊อกแล้วหักเป็นชิ้นๆ!
ศิษย์ทั้งหมดตกตะลึง
อวิ๋นจูมองราชันอสูรที่เหินมาหาตนเองอย่างตกตะลึง
ความเร็วของราชันอสูรเร็วจนน่าเหลือเชื่อ เพียงพริบตาเดียวเขาก็เหินมาถึงเบื้องหน้าอวิ๋นจูแล้ว เขาโอบเอวอวิ๋นจูเหินออกจากยอดเขาเชียนหลวนปานสายฟ้าแลบ
ยอดเขาเชียนหลวนเสียหายอย่างหนัก ไม่เพียงมีศิษย์ล้มตายเป็นจำนวนมาก แต่ยังสิ้นเปลืองลูกธนูไปนับพันหมื่นดอก แล้วยังสูญเสียตำหนักเชียนหลวนที่ประดับประดาด้วยหยกและทองคำเหลืองอร่ามไปหลังหนึ่งอีก
หัวหน้าพรรคเฉียวอาจจะฆ่าคนไม่เก่งที่สุด แต่เรื่องวางเพลิงไม่เคยทำให้ผู้ใดผิดหวัง
ทั้งด้านในและด้านนอกตำหนักเชียนหลวนถูกเผาจนเป็นตอตะโก ห้องของเขา เสื้อผ้าของเขา คลังสมบัติและคลังลับของเขา…แม้แต่สระบัวที่เขารักที่สุดก็ถูกเปลวเพลิงเผาจนวอดวาย บัวหิมะที่เขาปลูกมาสิบกว่าปีถูกเผาจนกลายเป็นซากบัวไหม้ ปลาจิ่นหลีที่เลี้ยงมาสิบกว่าปีกลายเป็นปลาย่างหอมฉุย
ส่วนเฉียวเวยที่เขาจับตัวมาเพื่อจัดการกับชนเผ่าลึกลับและจีหมิงซิวก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ประมุขเย่ว์หวาโกรธจนคำรามลั่น “อ้ากกก”
…
เฉียวเวยเกาใบหูฟังเสียงคำรามดังสะเทือนแก้วหูแทบดับนั่น นี่ต้องโกรธเพียงใดหนอจึงคำรามประหนึ่งราชสีห์เช่นนี้
สองสามีภรรยาเดินจูงมือลงจากเขา ต้าไป๋กระโดดโลดเต้นตามอยู่ด้านหลัง ถึงจะเห็นมันกระโดดโลดเต้นดูร่าเริง แต่ความจริงในใจหาเป็นเช่นนั้นไม่
ไม่ได้สู้ อึดอัดๆ
ทั้งสองฝ่ายมาพบหน้ากันตรงจุดพบที่จีหมิงซิวกับราชันอสูรนัดกันไว้ ราชันอสูรกับอวิ๋นจูมาถึงก่อน เฉียวเวยกับจีหมิงซิวได้ยินรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นด้านนั้นมาหมดแล้ว พวกเขากังวลอยู่เหมือนกันว่าราชันอสูรจะไปไม่ทัน แต่ตอนนี้เห็นท่านยายเพียงหน้าซีดเพราะใช้พลังมากเกินไปหน่อย แต่ไม่มีอาการบาดเจ็บที่อื่นใด ในที่สุดทั้งสองคนก็วางใจดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
ราชันอสูรหยิบถั่วเคลือบน้ำตาลถุงน้อยออกมาส่งให้อวิ๋นจูหนึ่งเม็ด
อวิ๋นจูทำหน้ารังเกียจ “ข้าไม่กิน”
ราชันอสูรจึงยัดใส่ปากของตนเอง
หญิงตั้งครรภ์แซ่เฉียว “…”
เหตุใดเจ้าไม่ถามข้าบ้างว่าจะกินหรือไม่
“ท่านยาย ท่านปลอดภัยดีใช่หรือไม่ขอรับ” จีหมิงซิวถามอวิ๋นจู
อวิ๋นจูเสียเรี่ยวแรงมากเกินไปจึงยังอ่อนแรงอยู่บ้าง แต่ไม่มีปัญหาที่ใดมากนัก จึงตอบว่า “ข้าไม่เป็นอะไร พวกเจ้ามาได้อย่างไร”
จีหมิงซิวรับธนูจันทร์โลหิตอันหนักอึ้งทั้งสองคันมาจากมือนาง แล้วตอบว่า “พวกเราเป็นห่วงท่านยาย ดังนั้นจึงออกมาตามหา หลังจากนี้ท่านยายอย่าทำอะไรคนเดียวอีกเลยนะขอรับ พวกเราเป็นห่วง”
“มีอะไรให้เป็นห่วงกัน ในเมื่อข้ากล้ามาก็ไม่คิดจะ…”
อวิ๋นจูพูดได้ครึ่งเดียวก็สัมผัสได้ถึงแววตาล้ำลึกของจีหมิงซิวที่ทอดมองมา นางจึงกลืนคำพูดวรรคหลังลงไป
แต่นางไม่พูด จีหมิงซิวจะเดาไม่ออกหรือ
จีหมิงซิวจ้องนางนิ่ง “ไม่คิดจะมีชีวิตกลับไปใช่หรือไม่”
อวิ๋นจูเงียบงัน
จีหมิงซิวถอนหายใจเบาๆ “ท่านยาย ท่านยังมีหลานสองคนกับเหลนน้อยสามคนที่ยังไม่ได้พบหน้า หากท่านจากไปง่ายๆ เช่นนี้จะต้องเสียใจแน่”
อวิ๋นจูมองเขาอย่างไม่เข้าใจ
จีหมิงซิวเล่าเรื่องของยิ่นอ๋องกับแม่ชีน้อยทั้งสามคนออกมา อวิ๋นจูไม่รู้ว่ามีพวกเขาอยู่ นางเคยแอบไปดูองค์ชายสามมาแล้ว นางจึงเกือบจะคิดว่าชีวิตนี้ไม่มีสิ่งใดให้เสียดายแล้วจริงๆ
อวิ๋นจูหันไปมองจีหมิงซิว เขาจึงคลี่ยิ้มบอกว่า “พวกเราต้องตามหาพวกเขาพบแน่ ตอนนี้กลับกันก่อนเถิด”
อวิ๋นจูพยักหน้าตกลง
รถม้าจอดอยู่บริเวณใกล้ๆ ทุกคนขึ้นไปนั่งบนรถ เนื่องจากไม่มีสารถีและราชันอสูรผู้หยิ่งทะนงไม่มีวันถือแส้ม้าออกไปนั่งขับรถ ใต้เท้าอัครมหาเสนาบดีจึงได้แต่ฝืนลำบากรับบทเป็นสารถีผู้หล่อเหลาสง่างามที่สุดในประวัติศาสตร์สักครั้ง
ยามอาทิตย์อัสดง ทุกคนกลับมาถึงจวนอ๋อง
เครื่องแต่งกายชุดใหม่ของจูเอ๋อร์ไม่มีผู้ใดชื่นชมเลยทั้งวัน มันอัดอั้นตันใจแทบแย่แล้ว พอได้ยินเสียงด้านนอก มันก็รู้ว่าต้าไป๋กลับมาแล้ว จึงไม่พูดพร่ำ คว้าธนูคันน้อยจะไปโอ้อวดกับต้าไป๋
มันง้างธนูคันน้อยที่ไม่มีลูกธนูยิงใส่ต้าไป๋
ต้าไป๋ไหนเลยจะรู้ว่ามันอยากจะโอ้อวด มันเข้าใจว่าจูเอ๋อร์จะสู้ด้วย ต้าไป๋จึงตะปบกรงเล็บตบมันจนปลิว
จูเอ๋อร์หน้าคว่ำจมลงไปในพื้นหิมะเป็นหลุมลึก…
อวิ๋นจูเดินทางไปยอดเขาชังมั่วหนนี้ ไม่เพียงแต่สังหารเหยาอจวิ้นสำเร็จ แต่ยังหาของดีๆ มาให้จีหมิงซิวได้อีกไม่น้อย
“ของเหล่านี้คือสิ่งใดบ้างหรือ” เฉียวเวยมองห่อผ้าน้อยที่อยู่บนโต๊ะแล้วถามอย่างฉงน
อวิ๋นจูตอบว่า “ลองเปิดดูสิ”
เฉียวเวยเปิดห่อผ้าก็พบตำราที่เขียนด้วยภาษาเยี่ยหลัวเล่มหนึ่ง กล่องที่ใส่ดอกไม้น้อยสีขาวคล้ายหยกดอกหนึ่งกับขวดและกระปุกยารักษาอาการบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง
เฉียวเวยเป็นหมอ นางความรู้สึกไวต่อยารักษาอาการบาดเจ็บมากที่สุด นางดึงจุกขวดออกแล้วดมทีละขวด “นี่มันยาอะไรกัน หอมนัก”
อวิ๋นจูตอบว่า “ทั้งหมดเป็นยารักษาอาการบาดเจ็บภายใน สือชีบาดเจ็บอยู่ไม่ใช่หรือ อาการบาดเจ็บของเขาเกิดจานักเวทศักดิ์สิทธิ์ ยาธรรมดาย่อมไม่มีประโยชน์”
นับตั้งแต่สือชีถูกตาข่ายยักษ์สีแดงผืนนั้นทำร้าย จวบจนตอนนี้ก็ยังไม่หายดี บิดาของนางลองคิดหาวิธีการมาไม่น้อย แต่ทั้งหมดกลับเหมือนก้อนหินที่ถมลงไปในทะเล ที่แท้ก็ต้องใช้ยารักษาของลัทธิศักดิ์สิทธิ์นี่เอง
เฉียวเวยเก็บยารักษาบาดแผลไป จากนั้นก็หันไปมองตำราเล่มนั้น “นี่คือตำราอะไรของลัทธิศักดิ์สิทธิ์หรือ ท่านยาย”
อวิ๋นจูส่งตำราให้จีหมิงซิว จีหมิงซิวเปิดอ่าน “ฝ่ามือเก้าสุริยันหรือ”
อวิ๋นจูตอบว่า “ขั้นหนึ่งถึงขั้นเก้าล้วนอยู่ในนั้น นับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป เจ้าจงจดจ่อกับการเก็บตัวฝึกฝนวิชา”
เฉียวเวยอุทานโอ้โห “ท่านยายท่านร้ายกาจเหลือเกิน พวกเราตามหาคัมภีร์เล่มนี้จนเกือบจะเป็นบ้า!”
ตอนแรกคิดว่าราชครูมีมันอยู่ในมือ แต่ปรากฏว่าสิ่งที่ราชครูให้มาเป็นของปลอม ต่อมาแย่งมาจากในมือของพระสนมอานเฟยได้ ทว่าก็ถูกเหยี่ยวของชางจิวคาบแผ่นสุดท้ายไป พอเดินทางมาถึงฝั่งนี้ มู่อ๋องรับปากว่าจะช่วยตามหาตำราหน้าสุดท้าย ทว่าจวบจนบัดนี้ก็ยังหาไม่พบ
ตอนนี้ตำราเล่มนี้วางอยู่ตรงหน้าพวกเขาอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ เฉียวเวยจึงรู้สึกไม่อยากจะเชื่ออยู่เล็กน้อย
อวิ๋นจูมองทั้งสองคน แล้วบอกว่า “แม้จะมีตำราแล้ว แต่จะฝึกฝนสำเร็จหรือไม่ก็ต้องดูตัวของหมิงซิวเอง หลังจากหมิงซิวฝึกถึงขั้นที่แปดก็ให้กินบัวหิมะดอกนี้เสีย มันช่วยบำรุงเส้นลมปราณของหมิงซิวได้”