หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 23-1 เย่ว์หวาเจ็บหนัก
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 23-1 เย่ว์หวาเจ็บหนัก
ตอนที่ 23-1 เย่ว์หวาเจ็บหนัก
ไห่สือซานไปขอฉี่เด็กผู้ชายจากจิ่งอวิ๋นมาได้แล้ว พวกเขาก็ออกเดินทาง
ไม่ว่าอย่างไรจิ่งอวิ๋นก็ยังเป็นเด็ก ปัสสาวะจึงมีไม่มาก ใส่ถุงน้ำได้แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น แต่สตรีนางนั้นน่าจะเข้าเมืองเยี่ยเหลียงมาหลายวันแล้ว ไม่รู้ว่าทำร้ายผู้อื่นไปแล้วหรือยัง หากทำไปแล้วฉี่เด็กผู้ชายครึ่งถุงน้ำนี่คงไม่พอใช้เท่าไรนัก
ไห่สือซานกอดถุงไว้แน่น แต่เดิมก็มีไม่พออยู่แล้ว หากหกไปอีก เขาคงปวดใจยิ่งนัก
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยมองไห่สือซานอุ้ม ‘ถุงฉี่’ ประหนึ่งลูกรักแล้วก็รู้สึกพูดไม่ออกอยู่นิดๆ
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยขมวดคิ้วมองเขาแล้วเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าคิดถึงหน้าตาหน่อยจะได้หรือไม่ กอดถุงฉี่อยู่แท้ๆ แต่คนที่ไม่รู้คงคิดว่าเจ้าประคองลูกรักอยู่!”
ไห่สือซานถลึงตาใส่เขา “คนนอกจะไปรู้อะไร หากเจ้าเก่งนักเจ้าก็…”
“ก็อะไรเล่า” เยี่ยนเฟยเจวี๋ยถามอย่างไม่สะทกสะท้าน
ไห่สือซานกัดฟัน “วันหน้าข้าจะกรอกยาปลุกกำหนัดเจ้าแล้วจับเจ้ายัดเข้าไปในหอนางโลม ดูซิว่าเจ้ายังจะอวดดีได้อีกไหม”
พูดถึงหอนางโลม บุรุษคนใดในยุทธภพไม่เคยเที่ยวสถานที่เช่นนั้นบ้าง แม้แต่จีอู๋ซวงผู้ทำตัวสูงส่งก็ไม่ได้เก็บค่ำคืนแรกไว้ให้เซียงเอ๋อร์คนโง่กลางหุบเขาผู้นั้น ทุกวันพวกเขาต้องใช้ชีวิตอยู่กับคมดาบและโลหิต ไม่รู้ว่าจะจากไปวันไหน เรื่องแต่งงานล้วนไม่เคยขบคิด แต่ไม่แต่งงานไม่ได้หมายความว่าจะต้องงดเว้นตนเองจากเรื่องนั้นด้วย ถึงไห่สือซานจะดูเป็นคนจริงจังอย่างยิ่ง แต่เขาก็ไม่เคยเอาเปรียบตนเองในเรื่องนี้
กลับเป็นเยี่ยนเฟยเจวี๋ยคนที่ไร้สาระไปวันๆ คนนี้ต่างหากที่ไม่เคยหาผู้หญิงข้างนอกเลย
หากไม่ใช่เพราะเยี่ยนเฟยเจวี๋ยเคยเกือบจะขอเซวียหรงหรงแต่งงาน พวกเขาก็คงคิดว่าเยี่ยนเฟยเจวี๋ยเป็นขันทีแล้ว
นับตั้งแต่รู้ว่าฉี่เด็กผู้ชายของตนมีสรรพคุณจัดการกับร่างพิษได้ จอมยุทธ์เยี่ยนเดินไปไหนก็มีสง่าราศี เดินอาดๆ ราวกับเป็นนายท่านของตระกูลใดสักตระกูล
ไห่สือซานอยากจะถีบเขาจริงๆ!
กองทหารรักษาพระองค์เกิดเรื่องใกล้กับถนนหนานเถิง ทั้งสองคนย่อมมุ่งหน้าไปยังถนนหนานเถิง แถวนี้มีคนพลุ่กพล่าน มีคนหลากหลายพวกปะปนกันเหมาะสำหรับการซ่อนตัว แล้วก็เหมาะสำรับการหาเป้าหมายที่จะ ‘ทำร้าย’ ด้วย
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยถามอย่างฉงน “เจ้าว่าทำไมพอตกกลางคืนพวกเขาถึงมีสภาพเป็นอย่างนั้น พวกเขาอยากกินคนหรือ”
ไห่สือซานสวนเสียงเย็นชา “เจ้าเคยเป็นแล้วไม่ใช่หรือ เจ้าบอกข้าสิ”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยถูกถามย้อนก็ถูจมูกอย่างคับแค้น ไม่พูดไม่จาอีก
เขาหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่ตนเองติดพิษคืนนั้น บอกตามตรงเขาจำไม่ได้สักนิด หากสันนิษฐานตามนี้คนที่ติดพิษคงจะไม่มีสติปัญญาเหลืออยู่ อีกเดี๋ยวหากพบสตรีนางนั้น การพูดคุยกันด้วยเหตุผลคงไม่ได้ผล ใช้วรยุทธ์จะดีกว่า
เขานับอาวุธลับบนร่างเพื่อป้องกันไม่ให้มีอันใดผิดพลาด เขาเปลี่ยนยาพิษบนอาวุธเป็นยาชา หวังว่าอีกฝ่ายคงไม่ทรยศความใส่ใจครั้งนี้ของเขา
เวลานี้คนที่สัญจรบนท้องถนนเหลือไม่มากแล้ว มีเพียงคนเมาสองสามคนที่เดินผ่านทั้งสองคนไปเป็นครั้งคราว
ทั้งสองคนเดินทั่วถนนเส้นนี้แต่ไม่พบร่องรอยแต่อย่างใด เยี่ยนเฟยเจวี๋ยถามขึ้นมาว่า “หรือว่านางจะไม่อยู่ที่นี่แล้ว”
ไห่สือซานกำลังจะเอ่ยปากตอบ ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงประหลาดดังขึ้น เขาดึงเยี่ยนเฟยเจวี๋ยมาแล้วส่งสายตาให้เงียบ
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยตั้งสมาธิก็ได้ยินเสียงนั่นเหมือนกัน เขากดมือส่งสัญญาณให้ไห่สือซานรอเขาอยู่ตรงนี้ ส่วนเขาล้วงอาวุธลับออกมาสองชิ้นลอบเข้าไปตรงมุมถนนอย่างเงียบเชียบ
ในที่สุดเขาก็มาถึงมุมถนน แต่แล้วเขากลับเหยียบถูกกิ่งไม้ที่เล็กจนแทบจะมองไม่เห็นกิ่งหนึ่ง เป๊าะ! เขารู้ตัวว่าพลาดแล้ว
เป็นอย่างที่คิด เสียงฝีเท้ารีบผละหนีดังมาจากถนนอีกฝั่ง
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยเลี้ยวผ่านหัวโค้งก็เห็นบุรุษที่เลือดทะลักออกจากคอคนหนึ่งนอนอยู่ตรงจุดที่เกิดเสียงเมื่อครู่ เยี่ยนเฟยเจวี๋ยปลดเชือกที่สะพายอยู่บนตัวแล้วโยนให้ไห่สือซาน “เจ้ามัดเขาไว้ ข้าจะตามคนไป!”
ไห่สือซานรับเชือกมามัดบุรุษที่ถูกกัดคนนั้น ไหนเลยจะคิดว่าเขายังไม่ทันแตะตัวอีกฝ่าย อีกฝ่ายก็ลุกขึ้นมานั่งประหนึ่งศพแกล้งตายแล้วบีบคอไห่สือซานไว้แน่น!
เห็นชัดว่าพละกำลังของคนผู้นี้เพิ่มพรวดพราดขึ้นมาไม่น้อยหลังจากต้องพิษ ไห่สือซานถูกบีบคอจนหายใจไม่ออก ใบหน้ากลายเป็นสีตับหมู เขาดึงจุกไม้ที่ถุงน้ำออกอย่างยากลำบาก จากนั้นสาดฉี่เด็กผู้ชายลงไปกลางกระหม่อมของอีกฝ่าย
จุดที่ถูกราดเกิดควันสีขาวลอยขึ้นมาในพริบตา คนผู้นั้นกรีดร้องแล้วปล่อยมือจากไห่สือซาน เขาล้มลุกคลุกคลานอย่างหวาดผวา แล้ววิ่งไปที่ถนนอีกเส้นหนึ่ง
ไห่สือซานใช้วิชาตัวเบาเหินข้ามศีรษะเขาแล้วราดฉี่เด็กผู้ชายลงไปด้านล่างโ
ฉี่เด็กผู้ชายของจิ่งอวิ๋นเหมือนจะมีสรรพคุณดีกว่าของเยี่ยนเฟยเจวี๋ยเล็กน้อย คนผู้นี้ถูกราดหนแรกก็เป็นลูกศรใกล้สิ้นแรงอยู่แล้ว พอถูกราดเข้าไปหนที่สอง สองตาก็เหลือกลอยล้มลงกับพื้นทันที
ไห่สือซานมองฉี่เด็กผู้ชายในมือ แล้วหันไปมองบุรุษที่หมดสติ “ใช้ได้ผลจริงๆ ด้วยแฮะ…”
ฝั่งนี้ไห่สือซานมัดบุรุษที่ต้องพิษเอาไว้แล้ว ส่วนอีกฝั่งหนึ่งเยี่ยนเฟยเจวี๋ยกำลังไล่ตามสตรีที่หนีมาคนนั้น
ทั้งสองคนต่อสู้กันอย่างรุนแรง นางถือกระบี่อยู่ในมือและใช้วิชากระบี่ของสำนักซู่ซินจง จนถึงตอนนี้เยี่ยนเฟยเจวี๋ยแน่ใจตัวตนของนางครึ่งหนึ่งแล้ว
แต่ก็เพราะสาเหตุนี้เองเยี่ยนเฟยจวี๋ยจึงลงมืออย่างเด็ดขาดไม่ได้ ส่วนอีกฝ่ายไม่ได้พะวงเรื่องนี้ดังนั้นทุกครั้งที่ลงมือจึงใช้กระบวนท่าหมายสังหาร
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยถูกบีบให้ถอยร่นทีละนิด แต่จะให้ถอดกางเกงออกมาต่อหน้าอีกฝ่ายก็ไม่ได้จริงๆ ไม่ว่าอย่างไรคนผู้นี้ก็อาจเป็นน้องสาวของแม่ทัพน้อยมู่ เขาจะทำเรื่องที่เลวทรามยิ่งกว่าเดรัจฉานแบบนั้นได้อย่างไร!
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยเสียสมาธิเพียงครู่เดียวก็ปล่อยให้อีกฝ่ายหนีไปได้
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยพยายามไล่ตาม ทว่าวิชาตัวเบาของอีกฝ่ายไม่แย่ หลังจากต้องพิษก็ยิ่งร้ายกาจขึ้นสามส่วน เยี่ยนเฟยเจวี๋ยไล่ตามไม่ทันทำได้เพียงคว้าป้ายหยกชิ้นหนึ่งมาจากตัวของอีกฝ่าย
คนผู้นั้นหนีไปไกลแล้ว หากอยากไล่ตามไปอีกคงเป็นไปไม่ได้ ทำได้แต่ลองไปเสี่ยงดวงที่อื่นในคืนวันพรุ่งนี้
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยกับไห่สือซานนำ ‘ของที่ได้จากการสู้รบ’ กลับมาที่จวนอ๋อง ไห่สือซานนำบุรุษที่จับมาได้ไปขังรวมกับกองทหารรักษาพระองค์ที่ได้รับบาดเจ็บกลุ่มนั้น ราชันอสูรดูดไอพิษในร่างพวกเขาได้ แต่ราชันอสูรไม่ชอบเท่าใดนัก
เมื่อมาถึงระดับราชันอสูร ของที่ระดับต่ำกว่ายาพิษของนักรบมรณะก็ไม่ดึงดูดความสนใจของเขาอีกต่อไป การดูดกลืนไอพิษในร่างของคนพวกนี้ก็เหมือนจู่ๆ ให้คนที่เคยกินอาหารตำรับชาววังจนชินต้องไปแทะใบผักเน่า ราชันอสูรยอมกินถึงจะแปลก
ตอนที่ช่วยเยี่ยนเฟยเจวี๋ยเป็นเพราะเยี่ยนเฟยเจวี๋ยถูกเขาทำสัญลักษณ์เอาไว้แล้ว นับเป็นมนุษย์สัตว์เลี้ยงของเขา แต่เหตุใดเขาต้องช่วยหมาแมวกลุ่มนี้ด้วยเล่า
ท่านราชันอสูรแสดงออกว่าจะไม่ช่วยอย่างเด็ดขาด!
ด้วยเหตุนี้เฉียวเวยจึงได้แต่ไปทอดถั่วเคลือบน้ำตาลมาเกลี้ยกล่อมเขา
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยนำป้ายหยกที่คว้ามาจากตัวสตรีนางนั้นไปที่ห้องของแม่ทัพน้อยมู่ หากอีกฝ่ายเป็นน้องสาวของแม่ทัพน้อยมู่จริง ถ้าเช่นนั้นแม่ทัพน้อยมู่ก็น่าจะจำป้ายหยกบนตัวของนางได้
ในตอนที่ต่างคนต่างยุ่งอยู่กับงานของตนเอง ไม่มีใครรู้ตัวเลยว่าภายในห้องที่ขังคนป่วยเอาไว้ บุรุษคนที่เพิ่งถูกพาตัวกลับมาเมื่อครู่ปรือดวงตาอันดุดันและเย็นชาคู่หนึ่งขึ้นมาอย่างเชื่องช้า
ในดวงตาของเขายังมีความขุ่นมัวเหลืออยู่สักนิดที่ไหน
เขาแผ่พลังออกมาคลายจุดที่ถูกสกัดไว้ จากนั้นออกแรงเพียงเบาๆ ก็กระชากเชือกบนร่างจนขาด “เหอะ ลูกไม้กระจอกๆ เช่นนี้คิดจะขังข้าไว้หรือ”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
เขาหัวเราะหยันฉีกหนังปลอมแผ่นหนึ่งบนลำคอออก ใต้หนังปลอมมีเกราะอ่อนที่ทำจากเส้นโลหะอยู่ ดังนั้นไม่ใช่ว่าใครๆ ก็จะกัดมันขาดได้
สังหารคนของเขา เผาตำหนักของเขา ดี ดีมาก
เขาจะให้คนพวกนี้ชดใช้!
เมื่อเขาเดินออกจากห้องเก็บฟืนน้อยนอกตัวเรือน เขาก็เปลี่ยนโฉมหน้าใหม่แล้ว เขาสวมหน้ากากครึ่งหน้าที่ทำจากหยก
“ใต้เท้าอัครมหาเสนาบดี!” องครักษ์ที่ลาดตระเวนคนหนึ่งเห็นเขาก็คำนับอย่างนอบน้อม
เขาขานอืมตอบเบาๆ องครักษ์ก็ลาดตระเวนไปต่อ เขาเดินอาดๆ เข้าไปในตัวเรือน ตลอดทางมีคนมากมายคำนับ เขาผงกศีรษะตอบทุกคน ผ่านไปกว่าครึ่งเค่อเขาก็มาถึงด้านนอกเรือนฟางชุ่ยหยวน
หญิงรับใช้ที่เฝ้าประตูเห็นเขาอยู่ด้านนอกจู่ๆ หนังตาก็กระตุก อัครมหาเสนาบดีเดินออกไปตั้งแต่เมื่อใด นาง นาง นางเฝ้าประตูอยู่เหตุไฉนนางจึงไม่รู้ เมื่อครู่นางคงไม่ได้แวบไปทำอะไรมาใช่หรือไม่
เลินเล่อต่อหน้าที่เฝ้าประตูมีโทษหนัก หญิงรับใช้จึงไม่กล้าโวยวาย นางก้มหน้าปล่อยให้ ‘ใต้เท้าอัครมหาเสนาบดี’ เข้าไปด้านใน
หลังจากชายหนุ่มเข้าไปในเรือนฟางชุ่ยหยวนแล้ว เขาก็ถอดหน้ากากออกอย่างเชื่องช้าตรงมุมที่ไม่มีใครอยู่ จากนั้นก็เปลี่ยนมาสวมอาภรณ์ผ้าไหมสีดำดุจน้ำหมึกทั้งร่างประหนึ่งเล่นมายากล
เวลานี้คนส่วนใหญ่ล้วนนอนหลับแล้ว จีหมิงซิวไปเก็บตัวฝึกวิชาในห้องลับเพื่อทะลวงปราการขั้นแปดของวิชาฝ่ามือเก้าสุริยัน อวิ๋นจูเฝ้าคุ้มครองอยู่ข้างตัวเขาอย่างเงียบๆ เฉียวเวยกำลังทอดถั่วเคลือบน้ำตาลให้ราชันอสูรอยู่ในห้องครัว ราชันอสูรกอดชามใบโตเคี้ยวกร้วมๆ ฟันของเขาแข็งแรงมาก ทั่วทั้งเรือนได้ยินเสียงเขาเคี้ยวกร้วมๆ ดังไปทั่ว
ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของชีวิตเยี่ยงมนุษย์ปุถุชนที่โถมเข้ามาใส่ใบหน้า เท้าของเขาชะงักไปสองลมหายใจ ทว่าไม่นานเขาก็ยิ้มหยัน เรียกสีหน้าสูงส่งหยิ่งยโสกลับมาอีกครั้ง