หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 23-2 เย่ว์หวาเจ็บหนัก
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 23-2 เย่ว์หวาเจ็บหนัก
ตอนที่ 23-2 เย่ว์หวาเจ็บหนัก
เขาก้าวเข้าไปตามทางเดินแล้วเคาะประตูห้องบานหนึ่งเบาๆ
คนด้านในห้องนอนหลับตอนกลางวันไปมากแล้ว ตกกลางคืนจึงพลิกไปพลิกมานอนไม่หลับอยู่เล็กน้อย พอได้ยินเสียงเคาะประตูจึงตลบผ้าห่มออกลุกขึ้นมานั่งทันที “ผู้ใดกัน”
“ข้าเอง” ชายหนุ่มตอบ
เมื่อได้ยินเสียงอันคุ้ยเคยนี้ ร่างกายของฮองเฮาเยี่ยหลัวก็แข็งทื่อ หลังจากนางได้สติกลับมาก็ลืมแม้กระทั่งการสวมรองเท้า สาวเท้ารวดเร็วราวกับบินทั้งเท้าเปล่ามาเปิดประตูให้อีกฝ่าย
เมื่อเห็นใบหน้าอันคุ้นเคยที่นางอยากจะสลักลงไปในกระดูกอยู่ตรงหน้า น้ำตาของนางก็หล่นร่วงลงมาทันใด “เจ้าไปที่ใดมา เหตุใดไม่มาหาข้า ข้ารอคอยเจ้าเนิ่นนานนัก…”
ชายหนุ่มใช้ปลายหางตากวาดมอง เมื่อได้ยินเสียงจากบริเวณใกล้ๆ ก็ดึงฮองเฮาเยี่ยหลัวเข้ามาในห้องอย่างไม่ทิ้งร่องรอยแล้วปิดประตูขัดกลอน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ตอนนี้ข้าก็มาแล้วอย่างไรเล่า ขออภัยที่ปล่อยให้ท่านรอคอยเนิ่นนานถึงเพียงนี้”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวเพิ่งรู้สึกว่าฝ่าเท้าเย็นเฉียบ นางรีบไปสวมรองเท้า สวมเสื้อชั้นนอกแล้วไปล้างหน้าในห้องด้านข้างอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงมานั่งข้างกายบุรุษผู้นั้นพร้อมกับใบหน้าสะอาดสะอ้าน
นางเงยดวงหน้างามพิสุทธิ์น่ามองขึ้นมา รอยยิ้มใสซื่องามสะกดตา ไม่มีสิ่งสกปรกใดแปดเปื้อนแม้แต่น้อยนิด “เจ้าไปที่ใดมาหรือ ทุกคนล้วนตามหาเจ้าอยู่”
ชายหนุ่มยกปลายนิ้วเรียวยาวประหนึ่งยกขึ้นมาลูบใบหน้าของนาง “เหยาจี…”
“หืม” ฮองเฮาเยี่ยหลัวกะพริบดวงตาใสซื่อคู่นั้น “เจ้าว่าอะไรนะ”
ชายหนุ่มวางมือลงแล้วเอ่ยอย่างอ่อนโยน “ไม่มีอันใด ข้าเห็นท่านเหมือนจะผอมลง หลายเดือนนี้ท่านใช้ชีวิตลำบากหรือ”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวเท้าคางตอบว่า “ข้าก็ไม่ลำบากนะ แต่พวกเขาบอกว่าข้าป่วยหนักมาหนหนึ่ง หมดสติไปเนิ่นนาน อาจเพราะเหตุนี้กระมังข้าจึงผอม”
ชายหนุ่มจับจ้องนาง “ท่านก็ไม่เคยอ้วนเสียหน่อย”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวสบดวงตาล้ำลึกของเขาอย่างไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าตนเองรู้สึกไปเองหรือไม่ แต่นางรู้สึกว่าเขากำลังมองผ่านนางไปเห็นใครคนอื่น
ชายหนุ่มรั้งสายตากลับไป
ฮองเฮาเยี่ยหลัวถามว่า “ยิ่นเอ๋อร์ เจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลย หลายเดือนที่ผ่านมาเจ้าไปอยู่ที่ใดกันแน่ เหตุใดตอนนี้เจ้าจึงเพิ่งมาหาข้า เจ้าตัวน้อยทั้งสามคนเล่า”
ชายหนุ่มยิ้มตอบว่า “ท่านถามมากมายเช่นนี้ ให้ข้าตอบคำถามไหนก่อนดีเล่า”โ
“คำถามไหนก็ได้ทั้งนั้น!” ฮองเฮาเยี่ยหลัวตอบ
ชายหนุ่มถอนหายใจ “ไม่ปิดบังท่าน ข้ารับพระบัญชาจากเสด็จพ่อ เดินทางมาที่เยี่ยหลัวอย่างลับๆ เพื่อสืบข่าว ข้าเปิดเผยตัวตนของตนเองไม่ได้ แม้แต่กับจีหมิงซิวก็ไม่ได้ ท่านเข้าใจความหมายของข้าใช่หรือไม่”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวพยักหน้าประหนึ่งตำกระเทียม “เข้าใจๆ หมายความว่าข้าห้ามบอกหมิงซิวว่าเจ้าแวะมาใช่หรือไม่เล่า!”
ชาหนุ่มยกมุมปากยิ้ม “ถูกต้องแล้ว”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวเอ่ยต่อว่า “แต่ในเมื่อเจ้าเปิดเผยตัวตนไม่ได้ แล้วเหตุใดจึงมาหาข้าเล่า”
รีบพูดว่าเจ้าคิดถึงข้า เจ้าคิดถึงข้า เจ้าคิดถึงข้า…
ชายหนุ่มตอบว่า “ข้าได้ยินว่าหมิงซิวได้ตำราฝ่ามือเก้าสุริยันมาแล้ว หลายวันนี้คงจะเริ่มฝึกฝนแล้วใช่หรือไม่”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวคอตกอย่างผิดหวัง “ดูเหมือนจะใช่นะ”
ชายหนุ่มมองทะลุความคิดของฮองเฮาเยี่ยหลัวในปราดเดียว เขาหัวเราะพูดขึ้นมาว่า “ความจริงข้าไม่รู้ว่าจะหาเหตุผลอันใดมาพบท่านดี ตอนนี้ในที่สุดก็มีข้ออ้างแล้ว”
ดังนั้นหมิงซิวเป็นเพียงข้ออ้าง แต่มาเยี่ยมนางถึงจะเป็นจุดประสงค์ที่แท้จริงหรือ!
ดวงตาหม่นแสงของฮองเฮาเยี่ยหลัวกลับมาทอประกายเจิดจ้าในพริบตา
ชายหนุ่มหลุบตาลงซ่อนแววตาเยาะหยัน
ฮองเฮาเยี่ยหลัวเอ่ยต่อว่า “จริงสิ แล้วเจ้าตัวน้อยทั้งสามเล่า ข้าคิดถึงพวกนางแล้ว พวกนางมาด้วยกันกับเจ้าหรือเปล่า”
“พวกนาง…” แววตาของชายหนุ่มวูบไหว “ไม่ได้มา”
ชายหนุ่มล้วงปิ่นหยกเล่มหนึ่งออกมาจากในอกเสื้อ “ข้าไม่รู้ว่าท่านชอบสิ่งใดจึงซื้อมาตามความชอบของตนเอง”
ของที่ประมุขเย่ว์หวาหยิบมาถือย่อมเป็นของดีทั้งสิ้น ทว่ารอบตัวฮองเฮาเยี่ยหลัวก็ไม่ขาดแคลนของชั้นเลิศ แต่ในเมื่อบุตรชายมอบให้ ต่อให้เป็นเพียงไม้ท่อนหนึ่ง นางก็ชอบมากอยู่ดี
“งามนักเชียว” ฮองเฮาเยี่ยหลัวรับปิ่นมาแล้วลูบคลำอย่างระมัดระวัง
ทุกสิ่งอยู่ในการควบคุมของตนเองแล้ว สตรีโง่เง่าคนนี้จัดการง่ายกว่าที่คิดไว้มาก หากรู้ก่อนว่าจะเป็นเช่นนี้ เขาคงไม่ยกปิ่นที่มีค่าครองเมืองชิ้นนี้ให้หรอก
หลังจากตำหนักเชียนหลวนถูกเผาวอดทั้งหลัง ประมุขเย่ว์หวาก็ไม่อาจทำใจยอมรับได้ว่ามหาเศรษฐีแห่งทิศหนึ่งอย่างเขาความจริงใกล้จะกลายเป็นยาจกไปครึ่งตัวแล้ว
ประมุขเย่ว์หวามองปิ่นที่แต่เดิมตั้งใจจะมอบให้เหยาจีแต่กลับไม่มีจังหวะมอบให้เสียทีอย่างปวดใจ จากนั้นจึงล้วงของอีกสิ่งหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ มันคือกล่องลวดลายงดงามใบน้อยขนาดเท่าฝ่ามือกล่องหนึ่ง
ฮองเฮาเยี่ยหลัวเปิดออกดูก็พบว่ามันเป็นใบชา กลิ่น…คล้ายกับชาหลงจิ่งอย่างยิ่งดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
ชายหนุ่มอธิบายว่า “นี่ไม่ใช่ใบชาธรรมดา มันเป็นของที่ข้าขโมยมาจากลัทธิศักดิ์สิทธิ์ ช่วยให้คนเพิ่มกำลังภายในได้”
“เพิ่มได้มากหรือ” ฮองเฮาเยี่ยหลัวถาม
ชายหนุ่มพยักหน้า แล้วบอกโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าสักนิด “แน่นอน ชากล่องนี้ ข้าตัดใจดื่มเองไม่ลงเสียด้วยซ้ำ”
ตอนนี้เองจู่ๆ ฮองเฮาเยี่ยหลัวก็ลุกพรวด “จริงสิ ท่านยายของเจ้ากลับมาแล้ว เจ้าจะไปพบนางสักหน่อยหรือไม่”
ชายหนุ่มดึงมือของนางไว้ “อย่าเลย ตัวตนของข้าไม่สะดวกจะเปิดเผย รอข้าทำภารกิจเสร็จแล้ว ค่อยไปคารวะท่านแม่เฒ่าก็แล้วกัน”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวครุ่นคิด “ถ้าเช่นนั้นก็ได้”
ชายหนุ่มเอ่ยต่อว่า “ท่านจำไว้ว่าต้องให้หมิงซิวดื่ม ข้าเสียเรี่ยวแรงไปมากอักโขเพื่อจะได้ใบชากล่องนี้มา อย่าให้ความลำบากของข้าต้องเสียเปล่า”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวกอดกล่องในอ้อมแขนไว้แน่น “ของดีเช่นนี้ เจ้าเก็บไว้ใช้เองไม่ดีกว่าหรือ”
“นั่นจะได้อย่างไรเล่า” ชายหนุ่มไม่เสียเวลาคิดสักนิด กล่าวจบก็เห็นฮองเฮาเยี่ยหลัวมองตนเองด้วยสีหน้ามึนงง เขาเกรงว่าอีกฝ่ายจะเกิดความสงสัยจึงรีบอธิบายว่า “แม้ข้าจะต้องการมันมากเช่นกัน แต่…หมิงซิวต้องการมันมากกว่าข้า”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวปวดใจแทนบุตรชาย “ก็ได้ ในเมื่อเจ้าพูดถึงขนาดนี้แล้ว”
ชายหนุ่มยิ้มตอบว่า “ท่านอย่าบอกว่าข้าเป็นคนมอบให้ท่าน ข้ากับเขาเข้าใจผิดกันอยู่ หากท่านบอก บางทีเขาอาจจะไม่ดื่ม แต่มันช่วยให้เขาเพิ่มกำลังภายในได้จริงๆ ข้าไม่ต้องการให้เขาใช้อารมณ์จนพลาดของดีเช่นนี้”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวมองเขาอย่างปวดใจ “เจ้าช่างดีจริงๆ”
ชายหนุ่มเอ่ยเสียงอ่อนโยน “เพื่อครอบครัวของตนเป็นเรื่องสมควรอยู่แล้ว จริงสิ ชาชนิดนี้หากกินคู่กับเมล็ดบัว สรรพคุณจะยิ่งทบทวี เวลากระชั้นชิดข้าจึงไม่ได้เตรียมเมล็ดบัวมาด้วย ท่านแม่ใส่ลงไปให้เขาด้วยแล้วกัน”
คำว่า ‘ท่านแม่’ คำเดียวก็หลอมละลายหัวใจของฮองเฮาเยี่ยหลัวแล้ว
นางมองเขาน้ำตาคลอ อยากจะให้เขาค้างแรมคืนนี้ไม่ต้องจากไปไหนอีก
ชายหนุ่มเอ่ยว่า “ผ่านมานานแล้ว ข้าต้องไปก่อน วันหน้าค่อยมาหาท่านใหม่”
“เจ้า…เจ้าต้องรีบไปขนาดนี้เชียวหรือ เจ้า…เจ้า…เจ้าอย่างไรก็กินอะไรสักหน่อยสิ! ข้าจะไปหยิบขนมเล็กน้อยมาให้เจ้า!” ฮองเฮาเยี่ยหลัวพูดพลางก็เปิดม่านเข้าไปด้านในห้อง จากนั้นนางก็ยกขนมหน้าตาวิจิตรงดงามถาดหนึ่งกับชาที่เพิ่งชงเสร็จใหม่ๆ กาหนึ่งเดินออกมา แล้วบอกเขาว่า “เจ้ากินของว่างตอนกลางคืนสักหน่อยเถิดนะ”
ชายหนุ่มมองฮองเฮาเยี่ยหลัวโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าสักนิด เมื่อเห็นว่าดวงตาของอีกฝ่ายมีแต่แววตาเว้าวอนอย่างเจียมตัว เขาก็ชะงักไปวูบหนึ่งแล้วตัดสินใจหยิบขนมชิ้นหนึ่งขึ้นมาอย่างค่อยๆ
ฮองเฮาเยี่ยหลัวยิ้มตาหยีโค้งมองเขาจากนั้นส่งถ้วยชามาให้ถึงมือ “เจ้าอย่ากินอย่างเดียว ระวังจะติดคอเอา ดื่มชาสักหน่อยเถิด”
เขาไม่คิดว่าสตรีนางนี้จะทำร้ายเขาจึงดื่มลงไปอย่างไม่ลังเลสักนิด ทว่าหลังจากดื่มลงไปไม่นาน ภายในจุดตันเถียนก็มีความเจ็บปวดรุนแรงแผ่ซ่านออกมา
เขากุมท้อง เหงื่อกาฬแตกพลั่กมองฮองเฮาเยี่ยหลัว “ท่านให้ข้าดื่มอะไรลงไป”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวถูกน้ำเสียงเย็นชาอย่างกะทันหันของเขาทำให้ตกใจมาก แต่นางก็ตอบอย่างไร้เดียงสา “ไม่มีอะไรนะ ก็แค่ใบชาที่เมื่อครู่เจ้ามอบให้ข้าเท่านั้นเอง..”
“อะไรนะ!” ชายหนุ่มหน้าซีดเผือดในพริบตา
ฮองเฮาเยี่ยหลัวมองเขาอย่างขลาดๆ แล้วบอกอย่างเสียใจ “เจ้าอย่าโกรธเลยนะ ข้ารู้ว่าเจ้าหวังดีกับหมิงซิว แต่เจ้าเป็นลูกชายของข้า ข้าย่อมหวังจะมอบของดีๆ ให้เจ้าก่อน…หมิงซิวเขาไม่ขาดแคลนของเช่นนี้ แม่ของข้าหาของดีๆ มาให้เขามากมายแล้ว แต่ไม่มีใครหามาให้เจ้าเลย หากข้าไม่รักเจ้า ผู้ใดจะรักเจ้าเล่า”
ประมุขเย่ว์หวาผู้ได้รับ ‘ความรัก’ จนใกล้จะได้ไปพบยมบาลโกรธจนเจ็บหน้าอก!
เมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ ชายหนุ่มก็หยิบขนมที่ตนเองกัดเข้าไปครึ่งชิ้นบนโต๊ะขึ้นมา แล้วถามอย่างหนาวสะท้าน “นี่คือสิ่งใด”
ฮองเฮาเยี่ยหลัวร้องอ้อแล้วตอบว่า “ขนมเมล็ดบัวอย่างไรเล่า! เจ้าบอกว่ากินกับเมล็ดบัว สรรพคุณจะเพิ่มขึ้นทบทวีไม่ใช่หรือ”
ประมุขเย่ว์หวาที่ได้รับสรรพคุณ ‘ทบทวี’ รู้สึกว่าจุดตันเถียนเจ็บปวดราวกับถูกบิด จนเขาแทบจะลุกไม่ขึ้น
นี่มันใช่ยาเพิ่มกำลังภายในอะไรที่ไหนเล่า นี่มันผงสลายปราณ ทำลายจุดตันเถียนต่างหาก!
ฮองเฮาเยี่ยหลัวมองเขาอย่างงุนงง “เอ๋ ยิ่นเอ๋อร์ เจ้าเป็นอันใดไป สีหน้าเจ้าดูไม่ดีนัก”
แค่ไม่ดีเสียที่ไหนกัน จะตายอยู่แล้วรู้บ้างหรือไม่
ประมุขเย่ว์หวาเริ่มอยากจะสังหารสตรีโง่นางนี้แล้ว มีมารดาที่ไหนหลอกต้ม ‘ลูกชาย’ เช่นนี้บ้าง มีที่ไหน มีที่ไหน!
ประมุขเย่ว์หวาเงื้อฝ่ามือขึ้นตั้งใจจะฟาดฝ่ามือลงไป ทว่าเขาเพิ่งโคจรลมปราณ ภายในจุดตันเถียนก็เจ็บปวดแสนสาหัสประหนึ่งถูกบิด
นี่ก็คือจุดที่ร้ายกาจของยาชนิดนี้ มันอันตรายกว่ากู่สลายปราณไม่ใช่แค่สิบเท่าร้อยเท่า กู่สลายปราณทำให้คนใช้กำลังภายในไม่ได้เท่านั้น แต่ผงสลายปราณชนิดนี้ต่อให้ไม่ใช้กำลังภายใน มันก็จะสลายกำลังภายในทั่วร่างอย่างรวดเร็ว
หากใช้กำลังภายใน อาการก็ยิ่งหนักขึ้น
ในที่สุดชายหนุ่มก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเหยาจวิ้นต้องสังหารคนตระกูลนี้ให้จงได้ คนตระกูลนี้ไม่มีคนไหนไม่น่าชังเลยสักคน!
เขาอยากฟาดฝ่ามือสังหารสตรีนางนี้ยิ่งนัก! ฟาดให้ตาย! ฟาดให้ตาย! ฟาดให้ตาย!