หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 24-1 ราชันอสูรที่แข็งแกร่งที่สุด
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 24-1 ราชันอสูรที่แข็งแกร่งที่สุด
ตอนที่ 24-1 ราชันอสูรที่แข็งแกร่งที่สุด
เรื่องที่อวิ๋นจูจะไปไถ่ตัวศิษย์พี่รอง เฉียวเวยไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง อวิ๋นจูกับศิษย์พี่รองไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันสักนิด สาเหตุที่อวิ๋นจูตัดสินใจไปล้วนเป็นเพราะต้องการตอบแทนบุญคุณแทนนาง แต่หากบุญคุณนี้อาจพรากชีวิตอวิ๋นจู เฉียวเวยก็ขอยอมผิดต่อแม่ทัพน้อยมู่ดีกว่า
บรรทัดฐานของเฉียวเวยก็เป็นเช่นนี้เสมอ หากไปอาจเสียทั้งสองคน หากไม่ไปจะรักษาไว้ได้หนึ่งคน เมื่อพิจารณาตามอัตราการรอดชีวิตแล้ว นางย่อมเลือกอย่างหลัง
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยกับไห่สือซานก็ไม่อยากจะให้ท่านยายของนายน้อยต้องตายเพื่อศิษย์พี่รองคนเดียวเช่นกัน แม้แม่ทัพน้อยมู่จะช่วยชีวิตเฉียวเวยเอาไว้ แต่จะให้แลกชีวิตของท่านยายเพราะเรื่องนี้ไม่ได้สิ
“ข้าไม่เห็นด้วย” เยี่ยนเฟยเจวี๋ยส่ายหน้าอย่างหนักแน่น
ไห่สือซานยืนอยู่ฝั่งเดียวกับเยี่ยนเฟยเจวี๋ยอย่างหาได้ยาก “โจรเฒ่าเย่ว์หวาเจ้าเล่ห์เพทุบาย ผู้ใดจะรู้ว่าเขาวางกับดักอันใดไว้หรือไม่ รอนายน้อยเลิกเก็บตัวค่อยว่ากันเถิด”
อวิ๋นจูเอ่ยขึ้นว่า “สองขั้นสุดท้ายของฝ่ามือเก้าสุริยัน แต่ละขั้นยากเท่าปีนขึ้นยอดเขา ไม่ใช่ว่าจะฝึกฝนสำเร็จกันง่ายดาย พวกเจ้าไม่ต้องรอเขา แล้วก็ไม่ต้องไปกวนเขา ยิ่งเขาฝึกถึงขั้นหลัง ยาก็จะยิ่งควบคุมพิษฝ่ามือในร่างไม่ได้ ตอนนี้เขามีแต่ต้องฝึกรวดเดียวให้ถึงขั้นสุดท้ายเท่านั้น มิเช่นนั้นต่อให้เป็นเทพเซียนก็ช่วยเขาไม่ได้แล้ว”
“หมายความว่า…การฝึกวิชาฝ่ามืออะไรนี่จะเป็นการเร่งพิษฝ่ามือหรือ” เยี่ยนเฟยเจวี๋ยถูจมูกถาม ไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อน!
อวิ๋นจูตอบว่า “นี่คือสิ่งที่เรียกกันว่าทำลายเพื่อก่อเกิด เมื่อเขาบรรลุขั้นแปด ก็จะกดพิษฝ่ามือในร่างไว้ไม่ได้อีกต่อไป”
“หากเขาฝึกขั้นเก้าไม่สำเร็จเล่า” เยี่ยนเฟยเจวี๋ยถามตาปริบๆ แล้วก็ถูกไห่สือซานตบกะโหลกเข้าหนึ่งฝ่ามือเต็มๆ!
อวิ๋นจูเงียบไปสองอึดใจ “ถ้าเช่นนั้นก็มีแต่ตายเท่านั้น”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยทรุดฮวบบนเก้าอี้ “หากรู้ก่อนว่าจะเป็นเช่นนี้…ไม่สู้อย่าให้เขาฝึกเสียดีกว่า! ใช้ยากดไว้ก็ยังกดมาได้ตั้งหลายปี ตอนนี้ก็ยังดีอยู่!”
เฉียวเวยจึงบอกว่า “ลุงเยี่ยน ความจริงยาไม่ค่อยจะมีประโยชน์เท่าใดแล้ว” ช่วงนี้แม้เขาจะไม่พูดอะไร แต่นางตรวจดูขวดยาของเขาทุกวันจึงพบว่าปริมาณยาที่เขาใช้เพิ่มมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยบื้อใบ้ไปครู่ใหญ่ “ถ้า…ถ้าเช่นนั้นก็มีแต่ต้องฝึกเท่านั้นจริงๆ สินะ”
เฉียวเวยพยักหน้า “ให้เขาฝึกไปดีๆ เถิด พวกเราอย่าเอาเรื่องเหล่านี้ไปรบกวนเขาเลย”
“แต่ว่า…” เยี่ยนเฟยเจวี๋ยบุ้ยปากไปทางอวิ๋นจู
ไม่รอให้เฉียวเวยเอ่ยปาก อวิ๋นจูก็เอ่ยอย่างแน่วแน่ “นี่ไม่เกี่ยวกับเด็กตระกูลมู่คนนั้น ความแค้นระหว่างข้ากับเย่ว์หวา จะมีแม่นางคนนั้นหรือไม่ ข้ากับเย่ว์หวาก็ถูกลิขิตแล้วว่าต้องสู้ตัดสินกัน”
เรื่องนี้เป็นความจริงอย่างยิ่ง ไม่รู้ว่าโจรเฒ่าเย่ว์หวาเป็นอะไรกับเหยาจวิ้น เขาจึงปกป้องเหยาจวิ้นประหนึ่งลูกรัก แต่แล้วอวิ๋นจูกลับสังหารเหยาจวิ้น ไม่มีเหตุผลที่เย่ว์หวาจะไม่มาสังหารนางคืน
ต่อให้ไม่มีศิษย์พี่รอง ช้าเร็วเย่ว์หวาย่อมมาหาอวิ๋นจูอยู่ดี หนนี้ดีเลวก็มาโต้งๆ หนหน้าบางทีอาจลอบเล่นงานลับหลังก็เป็นได้
แทนที่จะเป็นเช่นนั้น ไม่สู้ต่อสู้กับเขาซึ่งหน้าเลยดีกว่า
ตกกลางคืนฟู่เสวี่ยเยียนก็รู้เรื่องนี้ด้วย นางป้อนนมมู่เหยียนน้อยเสร็จก็ไปที่ห้องของเฉียวเวย “จะไม่เป็นอะไรจริงหรือ”
เฉียวเวยครุ่นคิดแล้วตอบว่า “ท่านยายบอกว่านางมั่นใจว่าจะพาตัวศิษย์พี่รองกลับมาได้”
ฟู่เสวี่ยเยียนส่ายหน้า “ข้าไม่ได้เป็นห่วงเรื่องนี้”
เฉียวเวยตบเบาๆ บนหลังมือของนาง “ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังเป็นห่วงเรื่องใด พวกเราเดินมาจนถึงก้าวนี้แล้ว อยากถอนตัวย่อมเป็นไปไม่ได้ องค์ชายสามยังอยู่ที่ลัทธิศักดิ์สิทธิ์ ศพขององค์หญิงเจาหมิงก็ยังหาไม่พบ ความตั้งใจที่จะทำลายพวกเราของพวกเขามีแต่มากขึ้นไม่มีน้อยลง ระหว่างพวกเรากับลัทธิศักดิ์สิทธิ์ อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ตายย่อมไม่เลิกราต่อกันตั้งแต่แรกแล้ว”
“ข้าจะไปกับพวกเจ้าด้วย” ฟู่เสวี่ยเยียนบอก
เฉียวเวยรีบบอกว่า “อย่า หากพวกเราไปกันหมด ฟางชุ่ยหยวนก็จะว่างเปล่า เจ้าต้องอยู่ป้องกันหากมีใครฉวยโอกาสบุกเข้ามายามฐานที่มั่นว่างเปล่า”
ฟู่เสวี่ยเยียนคิดตามก็รู้สึกว่ามีเหตุผล นางจึงไม่เถียงกับเฉียวเวย แต่มอบกริชเฟิ่นเทียนที่เฉียวเวยให้นางไว้ป้องกันตัวคืนให้เฉียวเวย “อย่างน้อยก็พกสิ่งนี้ไปด้วย”
เฉียวเวยไม่ปฏิเสธ
เวลาเจ็ดวันผ่านไปในชั่วพริบตา ไม่ทันไรก็ถึงวันนัดประลองกับประมุขเย่ว์หวาแล้ว วันนี้แสงตะวันอบอุ่นสว่างไสวเป็นพิเศษ รัศมีเจิดจ้าของดวงตะวันสาดแสงลงบนหิมะสีขาวโพลนที่กองทับถมจนราวกับพสุธาทั้งผืนเปล่งประกายสีทองอร่าม
สถานที่นัดประลองระหว่างโจรเฒ่าเย่ว์หวากับอวิ๋นจูก็คือยอดเขาชังมั่วรังเก่าของเหยาจวิ้น เฉียวเวยเข้าใจว่าโจรเฒ่าคนนี้คิดอะไรอยู่ ในเมื่ออวิ๋นจูใช้เลือดของเหยาจวิ้นสังเวยเจาหมิง ถ้าเช่นนั้นเขาก็จะใช้เลือดของอวิ๋นจูสังเวยเหยาจวิ้นด้วย
ลูกศิษย์จากยอดเขาชังมั่วคนที่ตายก็ตาย คนที่เจ็บก็เจ็บ คนที่พอยืนมั่นคงอยู่ตรงทางขึ้นภูเขาเหลืออยู่ไม่กี่คน ชางจิวโดดเด่นออกมาจากหมู่ศิษย์เหล่านี้
ไม่โดดเด่นย่อมไม่ได้ ผู้ใดให้เขาเป็นลูกน้องที่ทำให้นายท่านตายแต่ตนเองกลับไม่ตายกันเล่า
ทางขึ้นยอดเขาชังมั่วเป็นที่ราบกว้างขวางแห่งหนึ่ง ประมุขเย่ว์หวากับลูกศิษย์ในสังกัดหลายคนมาถึงนานแล้ว
ประมุขเย่ว์หวานั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้แดงตัวยาวขนาดใหญ่ที่แกะสลักลายและปูด้วยหนังสัตว์นุ่มนิ่ม เหนือศีรษะของเขาคือฉัตรสีน้ำเงินสดใสหนึ่งคัน มันบดบังแสงตะวันได้หรือไม่เฉียวเวยไม่ทราบ แต่เสริมมาดได้เป็นอย่างดี เขาสวมอาภรณ์ตัวยาวสีขาวนวลทั้งตัว รูปร่างของเขาดีอย่างยิ่ง หัวไหล่กว้างเอวสอบ แขนเรียวยาว ยามเอนกายเกียจคร้านอยู่บนพนักเก้าอี้ มืองามประหนึ่งหยกแตะขมับแผ่วเบา แลดูสูงส่งสง่างามแต่แฝงความสำราญสบายอกสบายใจอยู่ในที
เบื้องหน้าเขามีโต๊ะน้ำชาตัวน้อยทำจากไม้แดงตั้งอยู่หนึ่งตัว บนโต๊ะวางขนมหน้าตางดงามน่ารับประทานไว้หลายชิ้น ขนมไม่มีสิ่งใดแปลกประหลาด ส่งที่แปลกประหลาดก็คือกล่องที่ใส่ขนม แต่ละใบดูเหมือนเครื่องหยกที่อยู่ในตำหนักเซียน
เฉียวเวยไม่เคยเห็นบุรุษคนใดใช้ชีวิตอย่างพิถีพันเช่นนี้มาก่อน จีหมิงซิวก็นับว่าพิถีพิถันมากแล้ว แต่บุรุษตรงหน้าผู้นี้ แม้แต่กระดุมแต่ละเม็ด จานแต่ละใบ จนไปถึงศิษย์แต่ละคนที่ดูเหมือนจะไม่สะดุดตาด้านข้างก็ล้วนงดงามสมบูรณ์แบบจนเหลือเชื่อ
การประลองหนนี้ไม่เพียงมีเฉียวเวยติดตามมาด้วย แต่ราชันอสูร ไห่สือซานกับเยี่ยนเฟยเจวี๋ยก็ตามมาด้วยเช่นกัน
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยเป็นคนขี้สงสัย เขาได้กลิ่นสาบของพวกจิ้งจอกตั้งแต่อยู่ไกลโพ้น หลังจากเห็นการวางท่าของบุรุษผู้นี้ ในใจก็คิดว่า แม่เจ้าโว้ย วางมาดเกินไปแล้ว!
“คนนี้คือประมุขเย่ว์หวาหรือ” เยี่ยนเฟยเจวี๋ยถามเฉียวเวย
เฉียวเวยขานตอบ “เขานั่นแหละ”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยมองสำรวจประมุขเย่ว์หวาขึ้นๆ ลงๆ รอบหนึ่ง “เขาอายุเท่าไรแล้ว”โ
เฉียวเวยยิ้มจางๆ “เขาเรียกท่านยายว่าพี่อวิ๋น เจ้าว่าเขาอายุเท่าไรเล่า”
“แหวะ” เยี่ยนเฟยเจวี๋ยเกาะไห่สือซานที่อยู่ด้านข้างแล้วทำท่าอาเจียน
เย่ว์หวาหรี่ตาลงเล็กน้อย แววตาแฝงรอยยิ้มกวาดมองใบหน้าของพวกอวิ๋นจู แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “พาผู้ช่วยมาไม่น้อยเลยนะ เป็นอะไรไป กลัวแพ้อย่างนั้นหรือ”
อวิ๋นจูไม่เถียงกับเขาแต่กล่าวขึ้นมาว่า “ข้ามาตามนัดแล้ว คนเล่า”
เย่ว์หวาตอบอย่างเอื่อยเอื่อย “พี่อวิ๋นรีบร้อนอันใด ตอนที่สมควรให้ท่านพบคน ย่อมให้ท่านพบคน เพียงแต่ข้ามีจุดหนึ่งไม่เข้าใจ คุณหนูตระกูลมู่คนนี้กับพี่อวิ๋นมีความสัมพันธ์อันใดที่บอกผู้อื่นไม่ได้จริงๆ หรือไร พี่อวิ๋นถึงกล้าเสี่ยงตายเดินทางมาไถ่ตัวนางกลับไป”
อวิ๋นจูตอบอย่างเย็นชา “มีความสัมพันธ์อันใดเจ้าก็สืบมาแล้วไม่ใช่หรือ ไม่ต้องเปลืองคำพูดแล้ว ส่งคนมา ข้าเห็นคนแล้วถึงจะสู้กับเจ้า”
เย่ว์หวาปรบมือ
ศิษย์สองคนแบกหญิงสาวที่นอนสลบไสลคนหนึ่งเดินออกมาดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
เฉียวเวยรู้จักศิษย์พี่รองอยู่แล้ว มองปราดเดียวก็มองออกว่าเป็นอีกฝ่าย เพียงแต่ว่าวิชาแปลงโฉมของโจรเฒ่าคนนี้ร้ายกาจถึงเพียงนั้น เขาอาจจะใช้วิชาชั่วช้าสร้างตัวปลอมขึ้นมาสักคนก็ได้
“ท่านยาย” เฉียวเวยหันไปมองอวิ๋นจู
อวิ๋นจูซัดฝ่ามือออกไปเบาๆ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง นางก็เอ่ยด้วยสีหน้านิ่งสงบ “ร่างหยินบริสุทธิ์ ก่อเกิดยาพิษแล้ว”
เฉียวเวยอึ้งไปชั่วครู่ พูดเช่นนี้ก็หมายความว่าเป็นศิษย์พี่รองสินะ
ตัวปลอมหาง่าย แต่ร่างหยินบริสุทธิ์มีน้อยเหลือเกิน หากในมือเย่ว์หวามีร่างหยินบริสุทธิ์อยู่ก่อนแล้วก็คงไม่ไปแย่งชิงคนมาจากจวนเทพสงคราม