หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 24-2 ราชันอสูรที่แข็งแกร่งที่สุด
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 24-2 ราชันอสูรที่แข็งแกร่งที่สุด
ตอนที่ 24-2 ราชันอสูรที่แข็งแกร่งที่สุด
อวิ๋นจูหันไปมองเย่ว์หวาแล้วถามว่า “หนนี้เจ้าจะสู้อย่างไร”
ประมุขเย่ว์หวาตอบว่า “สู้อย่างไรก็ได้ทั้งสิ้น”
อวิ๋นจูถามว่า “หากข้าชนะ พวกเราก็จากไปได้ใช่หรือไม่”
ประมุขเย่ว์หวาหัวเราะอย่างดูแคลน “ก่อนอื่นพวกเจ้าต้องชนะให้ได้ก่อน เมื่อครู่ข้าไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว ด้วยวรยุทธ์ของข้ากับเจ้า เกรงว่าสู้กันสามวันสามคืนก็คงยากจะตัดสินแพ้ชนะ มิสู้ทำให้ง่ายขึ้นมาหน่อย”
เฉียวเวยมองเขาอย่างดูแคลน เจ้าหมอนี่ปากบอกว่าสู้อย่างไรก็ได้ทั้งนั้น แต่พอถึงที่สุดแล้วก็จะตั้งกฎเอง เขาไม่บอกว่าแข่งกันหน้าหนาไปเลยเล่า หากเป็นเรื่องหนังหน้าหนา ผู้ใดยังจะชนะเขาได้อีก
“เจ้าคิดจะสู้อย่างไร” อวิ๋นจูถาม
ประมุขเย่ว์หวายิ้ม “พวกเราต่างฝ่ายต่างออกกระบวนท่าสามกระบวน หากอีกฝ่ายรับได้ก็นับว่าชนะ หากรับไม่ได้ก็นับว่าแพ้”
อวิ๋นจูนิ่งไปครู่หนึ่ง “แล้วหากข้ารับสามกระบวนท่าของเจ้าได้ ส่วนเจ้าก็รับสามกระบวนท่าของข้าได้เล่า”
รอยยิ้มของประมุขเย่ว์หวากดลึก “หากเสมอย่อมนับว่าข้าชนะ”
เฉียวเวยเกือบจะกระอักเลือดยายเฒ่าออกมาแล้ว เจ้าคนหน้าไม่อายคนนี้! เจ้ายังเป็นลูกผู้ชายอยู่หรือไม่ คนปกติทั่วไปต้องบอกว่า ‘หากเสมอกันให้นับว่าเจ้าชนะ’ ไม่ใช่หรือ
อวิ๋นจูตอบรับอย่างนิ่งสงบ “ได้ หากเสมอกัน ให้นับว่าเจ้าชนะ”
นี่ก็เท่ากับว่าท่านยายเสียเปรียบอย่างใหญ่หลวงน่ะสิ ในมือโจรเฒ่าเย่ว์หวามีโล่วารีสวรรค์อยู่ ตั้งรับสามกระบวนท่าย่อมไม่ใช่ปัญหา หากไม่ผิดจากที่คาดก็อาจจะสู้เสมอกันจริงๆ ถ้าเช่นนั้นโจรเฒ่าเย่ว์หวาก็จะกลายเป็นฝ่ายชนะ
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยกระโดดออกมา “นี่ไม่ยุติธรรม! อาศัยอะไรมากำหนดว่าหากเสมอกันแล้วนับว่าเจ้าชนะ มีความสามารถเจ้าก็สู้เพิ่มอีกยกสิ!”
ประมุขเย่ว์หวาเอ่ยอย่างอันธพาล “ก็ข้าจะไม่สู้เพิ่มจะทำไม”
คนผู้นี้แสดงชัดเจนว่าเขามีศิษย์พี่รองอยู่ในมือจึงคิดจะเอาเปรียบพวกเขาให้หนัก หรือไม่เขาก็คิดจะยั่วยุพวกนาง หากพวกนางลงมือก่อน เขาก็จะอาศัยข้ออ้างนี้เปิดฉากสังหารพวกเขา
อวิ๋นจูตบหัวไหล่เฉียวเวย “ข้ามั่นใจอยู่ เจ้าไปรอข้าด้านข้าง”
เฉียวเวยถลึงตาใส่เย่ว์หวาอย่างเย็นชาแล้วหมุนตัวเดินไปทางฝั่งของตนเอง
“ผู้ใดเริ่มก่อน” อวิ๋นจูถาม
ประมุขเย่ว์หวาตอบว่า “เสี่ยงทายแล้วกัน พี่อวิ๋นคิดว่าอย่างไร”
“ดี”
อวิ๋นจูตอบรับอย่างฉับไว
ผลของการเสี่ยงทายไม่ผิดจากที่คาด เย่ว์หวาเริ่มก่อน
เขาหยิบกระบี่ยาวของตนแองออกมาแล้วโคจรกำลังภายใน ฟันปราณกระบี่อันดุดันสายหนึ่งออกมาเต็มแรง
ยอดฝีมือระดับนี้ไม่จำเป็นต้องประกระบวนท่าประชิดตัวอะไรกันแล้ว สิ่งที่ขันแข่งคือกำลังภายในกับเคล็ดวิชา เคล็ดวิชาที่เขาฝึกบังเอิญข่มวิชาของอวิ๋นจูพอดี นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำไมเขาจึงมั่นใจอย่างยิ่งว่าจะสังหารอวิ๋นจูได้
อวิ๋นจูใช้คันธนูเป็นโล่ตั้งรับปราณกระบี่ครั้งแรกของเขาเอาไว้ได้
แววตาของประมุขเย่ว์หวาวูบไหว เขาคิดไม่ถึงว่าอวิ๋นจูจะต้านเอาไว้ได้ เขาฟันกระบี่ที่สองออกมาอย่างรวดเร็ว หนึ่งกระบี่นี้ใช้กำลังภายในเต็มเจ็ดส่วน แต่อวิ๋นจูก็ยังต้านเอาไว้ได้
สีหน้าของประมุขเย่ว์หวาไม่ค่อยดีแล้ว กำลังภายในเจ็ดส่วนเป็นขีดสูงสุดที่ยอดฝีมือคนหนึ่งจะใช้พลังออกมาได้อย่างปลออดภัย หากมากว่านั้นย่อมได้รับผลสะท้อนกลับ แต่ไม่สมควรเป็นเช่นนี้สิ…อวิ๋นจูจะใช้กายเนื้อต้านทานกำลังภายในอันแข็งแกร่งของเขาในสภาพที่ไม่ใช้กระบวนท่าได้อย่างไรกัน
“ยังเหลือกระบี่สุดท้าย เจ้าจะเปลี่ยนอาวุธหรือไม่” อวิ๋นจูถามเรียบๆ
“ไม่จำเป็น พี่อวิ๋นรับกระบวนท่าเถอะ!” ประมุขเย่ว์หวาเอ่ยอย่างเย็นชาจบ สองมือก็กำกระบี่ยาวแน่นใช้กำลังภายในออกมาแปดส่วน
หิมะบนพื้นถูกสายลมหอบพัดขึ้นมาประหนึ่งเกิดพายุหมุน
เมื่อหนึ่งกระบี่นี้ฟันลงมา อวิ๋นจูต้องถอยหลังถึงสิบกว่าก้าว ทว่านางไม่ล้ม ยังคงยืนหยัดอย่างมั่นคง
ประมุขเย่ว์หวาตาค้างแล้ว
เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน
เขาใช้กำลังภายในมากขนาดนี้ แต่สตรีนางนี้เหตุไฉนจึงยังต้านไว้ได้
อวิ๋นจูมองเขาอย่างเฉยชา “”ตอนนี้ ผลัดถึงตาข้าแล้วสินะ”
เย่ว์หวาหรี่ตาลง ต่อให้เสมอกัน ตนก็เป็นฝ่ายชนะ เขากับอวิ๋นจูเคยประมือกันมาก่อน ธนูจันทร์โลหิตของนางทำอันใดโล่วารีสวรรค์ของเขาไม่ได้!
ประมุขเย่ว์หวาถือโล่วารีสวรรค์ขึ้นมาแล้วยิ้มอย่างลำพองใจ “เชิญ พี่อวิ๋น”
อวิ๋นจูง้างสายธนู ทว่าสิ่งที่ทำให้คนประหลาดใจก็คือหนนี้บนสายธนูกลับมีลูกธนูพาดอยู่หนึ่งดอก ลูกธนูดอกนี้เหมือนจะหน้าตาประหลาดอยู่บ้าง แต่แท้จริงประหลาดตรงที่ใด ไม่ทันให้เย่ว์หวามองออก อวิ๋นจูก็ยิงมันออกมาแล้ว
เย่ว์หวารีบยกโล่ขึ้นป้องกัน
เคร้ง! เสียงดังสนั่นคล้ายมีบางสิ่งที่แข็งแกร่งชนะปะทะกับโล่
ชั่วอึดใจต่อมาเสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้นสองหน โล่ปริแตกแล้ว
เย่ว์หวามองโล่ในมืออย่างไม่อยากจะเชื่อ แล้วเขาก็เห็นกริชเย็นยะเยือกเล่มหนึ่งปักเด่นหราอยู่บนโล่
กริชนี่มัน…
ด้ามของกริชมีด้ายเส้นยาวเส้นหนึ่งร้อยอยู่ อวิ๋นจูกระตุกเบาๆ ก็ดึงกริชกลับมา
เฉียวเวยยิ้มตาหยีปรบมือ “สมบัติของตระกูลมู่ กริชเฟิ่นเทียน เคยได้ยินหรือไม่เล่า ประมุขเย่ว์หวา”
คิ้วของเย่ว์หวาขมวดฉับในพริบตา “ที่แท้ก็กริชเฟิ่นเทียน…”
โล่วารีสวรรค์เป็นโล่ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ส่วนกริชเฟิ่นเทียนก็เป็นอาวุธที่คมที่สุดในโลก ไม่มีผู้ใดเคยนำทั้งสองสิ่งมาประชันกัน แต่เย่ว์หวาผู้หยิ่งยโสจะยอมรับได้เช่นไรว่าของของผู้อื่นดีกว่าของตนเอง ต่อให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายมีกริชเฟิ่นเทียนอยู่ในมือ เขาก็ไม่คิดว่ามันจะทะลุผ่านโล่วารีสวรรค์ของตนได้
“เจ้าคนเจ้าเล่ห์!” เย่ว์หวาตวาด
เฉียวเวยตอบอย่างไม่รู้สึกผิดสักนิด “นี่เรียกเจ้าเล่ห์ได้หรือ เจ้าใช้อาวุธสองชนิดได้ ท่านยายข้าใช้ไม่ได้หรือไร”
“กระบวนท่าที่สอง” อวิ๋นจูน้าวสายธนูอีกหน บนสายธนูยังคงพาด ‘กริชเฟิ่นเทียน’ เล่มนั้นไว้
สาเหตุที่ธนูจันทร์โลหิตไร้ลูกธนูก็เพราะว่าไม่มีลูกธนูเล่มใดทนรับพลังของมันได้ นอกเสียจากว่าอวิ๋นจูจะไม่ใช่พลังของมัน แต่ใช้มันเป็นคันธนูธรรมดาๆ คันหนึ่ง
เมื่อเป็นเช่นนี้โล่วารีสวรรค์ก็ไร้ประโยชน์แล้ว
เย่ว์หวาโยนโล่ในมือทิ้ง เปลี่ยนมาใช้กระบี่ยาวสกัดกริชเฟิ่นเทียน แต่เขาคิดไม่ถึงอย่างสิ้นเชิงว่า หนนี้กริชเฟิ่นเทียนกลับไม่ถูกยิงออกมา มันเป็นเพียงกระบวนท่าหลอกเท่านั้น เย่ว์หวาผู้ทิ้งโล่วารีสวรรค์ไปแล้ว ไหนเลยจะต้านรับพลังของธนูจันทร์โลหิตได้ เขาถูกยิงปลิวออกไปกระแทกกับกองหิมะบนพื้นอย่างแรง หน้าอกเจ็บแปลบกระอักเลือดออกมาหนึ่งคำทันที
เขาเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก ถลึงตาใส่อวิ๋นจูอย่างเคียดแค้น “เจ้า เจ้าคน เจ้าเล่ห์!”
เฉียวเวยขบขัน การศึกไม่หน่ายกลอุบาย ไม่เคยได้ยินหรือไร
อวิ๋นจูน้าวสายธนูด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ธนูดอกสุดท้าย”
เย่ว์หวาถูกฮองเฮาเยี่ยหลัววางยามาหนึ่งหน อาการบาดเจ็บภายในยังไม่หายดีอย่างสิ้นเชิง เมื่อครู่ก็ใช้กำลังภายในไปแปดส่วนจนได้รับผลสะท้อนกลับเล็กน้อยแล้ว ตอนนี้ยังถูกซ้ำไปหนึ่งกระบวนท่า เขาไม่มีทางต้านอีกกระบวนท่าหนึ่งของอวิ๋นจูได้อย่างแน่นอน
“ข้ายอมแพ้!”
เย่ว์หวาตะโกนอย่างฉับไวทันที
ทุกคนเหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่คอ!
พวกเขาต่างรอให้เจ้าหมอนี่ตายๆ ไปเสีย แต่ตอนนี้เจ้าหมอนี่ดันมาร้องขอชีวิต ประมุขลัทธิศักดิ์สิทธิ์ ท่านยังมียางอายอยู่หรือไม่!
เย่ว์หวากุมหน้าอก ลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้าแล้วบอกว่า “ข้ายอมแพ้ วันนี้ขอให้จบเท่านี้ พวกเจ้าพาคนจากไปเถิด”
อวิ๋นจูจ้องมองเขา ก่อนจะส่งสัญญาณมือให้เยี่ยนเฟยเจวี๋ย
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยใช้กำลังภายในเหินเข้าไปรับตัวศิษย์พี่รองที่ยังสลบไสลมาจากมือของศิษย์ จากนั้นจึงสะกิดปลายเท้าเหินกลับมาอย่างรวดเร็ว
เฉียวเวยจับชีพจรศิษย์พี่รอง เมื่อแน่ใจแล้วว่าคนยังมีชีวิตอยู่ เพียงแต่ถูกวางยาสลบจำนวนไม่น้อยเอาไว้ แต่ถูกวางยาก็ดี ไม่เช่นนั้นกลางวันเช่นนี้หากนางอาการกำเริบขึ้นมา ทุกคนคงรับมือไม่ไหว
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยส่งคนให้ราชันอสูร แม้จะวางยาสลบไว้ แต่หากนางฟื้นขึ้นมาเล่า หากนางกัดคนอื่นเล่า
ยาพิษที่ก่อตัวในร่างหยินบริสุทธิ์ดึงดูดใจราชันอสูรอย่างร้ายกาจ ชั่วพริบตาที่ราชันอสูรได้กลิ่นนาง ดวงตาทั้งสองก็เริ่มเรืองแสงสีเขียว
เขากำลังจะยื่นมือไปที่จุดตันเถียนของนาง อวิ๋นจูก็เอ่ยปากบอกเรียบๆ “อย่าแตะยาพิษในร่างนาง ไม่อย่างนั้นนางจะตาย”
ราชันอสูรเศร้าใจ
“ส่งให้ข้าเถิด” เฉียวเวยรับคนมา ด้วยพละกำลังของนาง การแบกคนตัวโตๆ คนหนึ่งกับแบกห่อสัมภาระไม่มีสิ่งใดแตกต่างกัน เพียงแต่ว่านางเป็นสตรีคนหนึ่ง เยี่ยนเฟยเจวี๋ยกับไห่สือซานไหนเลยจะสะดวกใจให้นางแบกคน
“ข้าเอง” ไห่สือซานรับคนมาแล้วใช้เชือกมัดไว้บนหลัง
พวกเขาเตรียมตัวพร้อมแล้วก็ตั้งท่าจะออกเดินทาง