หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 24-3 ราชันอสูรที่แข็งแกร่งที่สุด
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 24-3 ราชันอสูรที่แข็งแกร่งที่สุด
ตอนที่ 24-3 ราชันอสูรที่แข็งแกร่งที่สุด
เย่ว์หวามองธนูจันทร์โลหิตที่เล็งมาที่ตนเองอยู่ตลอดแล้วหัวเราะ เอ่ยขึ้นว่า “พี่อวิ๋น ข้ายอมแพ้แล้ว ท่านคงจะไม่สังหารข้าแล้วกระมัง”
อวิ๋นจูไม่ตอบ นางเพียงลดธนูจันทร์โลหิตลงอย่างช้าๆ
ทว่าชั่วพริบตาต่อมาจู่ๆ นางก็หันไปอีกทางหนึ่งแล้วยิงธนูใส่ความเคลื่อนไหวในเงามืดแถวราวป่าทางตะวันออก
เสียงครวญครางดังระงมกลางพงไพรทันที
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยเลิกคิ้ว “มีคนดักซุ่ม!”
แน่นอนว่ามีคนดักซุ่มอยู่แล้ว เย่วหวาจะต่อสู้กับอวิ๋นจูอย่างยุติธรรมเพื่อการเดิมพันเล็กๆ หนเดียวจริงๆ ได้อย่างไร หากอวิ๋นจูตายย่อมเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่ง แต่หากนางไม่ตาย เขาก็จะได้จับเป็น สรุปก็คือวันนี้เป็นวันตายของอวิ๋นจู!
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยวซัดอาวุธลับในมือ ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! “เขาเป็นไอ้สารเลวจริงๆ ด้วย!”
ทั่วทุกสารทิศมีศิษย์และนักรบมรณะหลายร้อยคนแห่ออกมาต่อสู้กับพวกเขา
มีราชันอสูรอยู่ พลทหารปลาซิวปลาสร้อยเหล่านี้จึงไม่ครณามือ
อวิ๋นจูกับเย่ว์หวาสู้กันอีกครั้ง อวิ๋นจูง้างธนูจันทร์โลหิตยิงใส่เย่ว์หวาอย่างไม่ออมแรง
ทว่าในตอนนั้นเองเงาดำร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวที่ขอบฟ้าก่อนจะเหินมารวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อดุจนกเหยี่ยว ช่วยเย่ว์หวาจากธนูของอวิ๋นจูในพริบตา
ศิษย์กับนักรบมรณะที่เหลือถูกกำลังภายในของราชันอสูรสะกดไว้จนแน่นิ่ง มีเพียงคนผู้นี้ที่ยังขยับไปมาได้ดั่งใจ
หลังจากผู้มาเยือนช่วยเย่ว์หวาจากไปแล้วก็หันมาซัดฝ่ามือใส่อวิ๋นจูอย่างรวดเร็ว
ราชันอสูรทะยานร่างขึ้นมารับฝ่ามือของคนผู้นั้นกลางอากาศ
คลื่นสั่นสะเทือนที่แผ่ออกมาซัดศิษย์ทั้งหลายที่อยู่รอบๆ จนกระอักเลือด
พวกเฉียวเวยก็ไม่ได้สภาพดีไปถึงไหน บนตัวคนผู้นั้นมีแรงกดข่มอันดุดันแผ่ออกมาราวกับจะฟาดฟันพวกเขาให้แดดิ้น
สถานการณ์เช่นนี้คงอยู่จนกระทั่งราชันอสูรแล่นเข้าไปจู่โจมหมายสังหารคนผู้นั้น ต่อมาเมื่อทั้งสองคนประมือกัน แรงกดข่มที่อีกฝ่ายแผ่ออกมาจึงไปรวมอยู่บนร่างของราชันอสูร
เฉียวเวยเดินมาข้างกายอวิ๋นจู “ท่านยาย ท่านไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่”
มุมปากของอวิ๋นจูมีเลือดสายหนึ่งไหลออกมา นางใช้มือเช็ดอย่างไม่สนใจ “บาดเจ็บภายในเล็กน้อย ไม่มีปัญหา”
กำลังภายในของเย่ว์หวาแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น ท่าทางไม่บาดเจ็บอะไรนั่นย่อมเป็นเรื่องหลอกลวง เพียงแต่ว่าเรื่องนี้จะให้เย่ว์หวามองออกไม่ได้ มิเช่นนั้นหากฝ่ายเย่ว์หวาไร้ความกลัวเกรง พวกเย่ว์หวาย่อมกล้าลงมือโหดเหี้ยมกับพวกเขามากขึ้น
เฉียวเวยหยิบยารักษาอาการบาดเจ็บขวดหนึ่งออกมาป้อนอวิ๋นจู แล้วจึงหันไปมอง…ราชันอสูร? อีกคนหนึ่งที่กำลังต่อสู้กับราชันอสูรอยู่กลางอากาศอย่างยากจะตัดสินแพ้ชนะ
ดวงตาของนางเบิกกว้างในพริบตา “ท่านยาย เจ้านั่นก็เป็นราชันอสูรเหมือนกันหรือ”
อวิ๋นจูส่ายหน้า “รานีอสูร”
“รานีอสูรคือสิ่งใดอีก” เฉียวเวยถาม
อวิ๋นจูหรี่ตาลงตอบว่า “ราชันอสูรที่เป็นผู้หญิง”
เฉียวเวยตกตะลึงอีกรอบ “ผู้หญิงก็มีหรือ!”
แต่เดิมราชันอสูรก็มีน้อยเท่าขนหงส์เกล็ดกิเลนอยู่แล้ว ได้ยินว่าหลายร้อยปีที่ผ่านมาไม่เคยปรากฏตัวเลยสักคน แต่ตอนนี้กลับโผล่มาคนแล้วคนเล่า ตอนนี้ยังมีผู้หญิงโผล่มาอีก
ไม่ใช่ว่าเฉียวเวยดูถูกผู้หญิง ตัวนางเองก็เป็นผู้หญิงไม่ใช่หรือไร เพียงแต่ก่อนหน้านี้นางเคยได้ยินมาว่าการฝึกราชันอสูรเลวร้ายอย่างยิ่ง ร่างกายของผู้หญิงสู้ผู้ชายไม่ได้อยู่แล้วย่อมยากจะทนพิษอันรุนแรงเช่นนั้นได้
“ราชันอสูรที่เป็นผู้หญิงหายากอย่างยิ่ง” อวิ๋นจูมองรานีอสูรผู้สวมเกราะสีดำสลับแดงหม่น แล้วเอ่ยว่า “นี่คือรานีอสูรขั้นเจ็ด พลังสูงกว่าราชันอสูรอยู่หนึ่งขั้น”
หัวใจดวงน้อยของเฉียวเวยสั่นระริก “ถ้าเช่นนั้นราชันอสูรจะแพ้หรือ”
อวิ๋นจูส่ายหน้า “เขาเป็นราชันอสูรที่แข็งแกร่งที่สุด”
สิ้นเสียง เฉียวเวยก็เห็นราชันอสูรซัดฝ่ามือลงบนหัวไหล่ของรานีอสูร บีบให้รานีอสูรล่าถอยไปจริงดังว่า
อวิ๋นจูกุมหน้าอกที่เจ็บปวดเอาไว้ แล้วมองนักเวทศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่แห่มาจากไกลๆ อย่างกระตือรือร้น ดวงตาของนางฉายแววเย็นชา “พวกเขามาแล้ว”
นักเวทศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเห็นราชันอสูรก็แห่มาราวกับแมลงวันเห็นไข่แตก แววตากระหายหิว พวกเขากางตาข่ายยักษ์สีแดงประกายทองผืนหนึ่งออกมาผูกกับลูกธนูแล้วเล็งไปที่ราชันอสูร
เฉียวเวยหยิบก้อนหินจากพื้นขว้างใส่พวกเขาเต็มแรง
“โอ้ยยย!” นักเวทศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งถูกขว้างโดนศีรษะ กะโหลกแตกเป็นรูเบ้อเริ่มในทันใด
รานีอสูรเห็นเช่นนี้จึงร้องคำราม กระโจนเข้ามาหาเฉียวเวยเต็มกำลัง
อวิ๋นจูดึงเฉียวเวยหลบ
ขณะที่กรงเล็บของรานีอสูรกำลังจะเสียบทะลุหัวใจของอวิ๋นจู ราชันอสูรก็คำรามเกรี้ยวกราดพุ่งเข้ามากระแทกรานีอสูรเต็มแรง
ราชันอสูรมือหนึ่งคว้าเฉียวเวย มือหนึ่งคว้าอวิ๋นจูใช้ความเร็วปานประหนึ่งอสนีบาตเหินลงจากยอดเขาชังมั่วอย่างว่องไว
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยกับไห่สือซานใช้วิชาตัวเบาตามมาติดๆ
รานีอสูรกับนักรบมรณะและศิษย์ทั้งหลายก็ตามมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน
เย่ว์หวามองทิศทางที่พวกเขาหลบหนี มุมปากยกยิ้มเย็นชาจางๆ มีรานีอสูรอยู่ ดูซิว่าพวกเจ้ายังจะหนีไปไหนพ้น
พลังของรานีอสูรค่อยๆ สำแดงออกมาระหว่างการไล่ล่า ทุกครั้งที่เฉียวเวยคิดว่าสลัดพวกเขาพ้นแล้ว เงาของรานีอสูรก็จะปรากฏตัวออกมาดุจภูตผี
นางทำอันใดราชันอสูรไม่ได้ ราชันอสูรก็สลัดนางไม่พ้นง่ายๆ เช่นกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าราชันอสูรต้องแบกตัวถ่วงน้อยมากมายขนาดนี้ไปด้วย
รานีอสูรไล่ตามเข้ามาใกล้ขึ้นทุกที
ราชันอสูรยัดพวกเขาเข้าไปในถ้ำจากนั้นคำรามเกรี้ยวกราด ทะยานเข้าห้ำหั่นกับรานีอสูรอย่างดุเดือด
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยตบหน้าอก ถามอย่างหวาดผวา “เจ้าตัวนั้นทำไมถึงจัดการยากขนาดนี้ ราชันอสูรคงไม่แพ้นางหรอกกระมัง”
อวิ๋นจูตอบว่า “สู้น่ะคงสู้ได้ แต่คงสังหารไม่ง่ายนัก”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยถามอย่างสับสน “ไหนบอกว่าผู้อาวุโสเป็นราชันอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดแล้วไม่ใช่หรือ เหตุไฉนจึง…มีรานีอสูรโผล่ออกมาอีกคน”
อวิ๋นจูส่ายหน้า “ราชันอสูรต้องพัฒนาอยู่เรื่อยๆ หลังจากเขาเลื่อนขั้นเป็นราชันอสูรก็ไม่ได้กินยาพิษต่อ อีกทั้งยังไม่ได้ฝึกฝนกำลังภายในด้วย กำลังภายในจึงหยุดอยู่กับที่ไม่ก้าวหน้า แต่รานีอสูรคนนั้นไม่รู้ว่าลัทธิศักดิ์สิทธิ์ป้อนสมบัติล้ำค่าให้มากมายเท่าไร เขาจะสู้ได้อย่างไร”
“ไม่มีหนทางจริงๆ หรือ” เยี่ยนเฟยเจวี๋ยถาม
อวิ๋นจูมองศิษย์พี่รองที่ไห่สือซานแบกอยู่ “หากเอายาพิษในร่างนางให้ราชันอสูร ราชันอสูรน่าจะสังหารรานีอสูรได้อย่างง่ายดาย”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยกระแอม “ถ้าเช่นนั้นนางก็จะตายไม่ใช่หรือ”
อวิ๋นจูมองไปนอกถ้ำว่า “ใช่แล้ว นางจะตาย”
ประเด็นนี้จึงไม่มีผู้ใดเอ่ยขึ้นมาอีก แต่เดิมก็มาเพื่อช่วยนาง แต่ช่วยมาได้ครึ่งทางแล้วดันจะสังหารนาง นี่มันเรื่องอะไรกันเล่า
หากอวิ๋นจูไม่บาดเจ็บคงจะช่วยราชันอสูรได้อีกแรงหนึ่ง ทว่าตอนนี้นางไม่ไปเพิ่มปัญหาให้ก็ดีแล้ว
หลังจากต่อสู้อย่างดุเดือดหนึ่งยก ราชันอสูรก็เหยียบรานีอสูรจมลงไปในดิน
พวกเขาออกเดินทางต่อ
ในที่สุดพวกเขาก็เดินทางมาถึงแม่น้ำ หากข้ามแม่น้ำสายนี้ไปถึงฝั่งตรงข้ามก็จะอยู่ห่างจากเมืองเยี่ยเหลียงไม่ไกลแล้ว
นักรบมรณะว่ายน้ำไม่เป็น
แม้รานีอสูรจะยังไล่ตามมาอยู่ แต่นางก็หยุดอยู่ที่ริมฝั่ง ไม่กล้ารุดหน้ามาต่อ
ราชันอสูรกอดถั่วเคลือบน้ำตาลนั่งอยู่บนลำเรือ เขาเคี้ยวกร้วมๆ แสร้งทำเป็นว่าตนเองตัวไม่สั่น
เรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นหลังจากเรือแล่นมาได้สิบเมตร
มีคนปล่อยน้ำจากทำนบที่ต้นน้ำลงมา คลื่นลูกมโหฬารไหลบ่าถาโถมเข้ามาประหนึ่งงูยักษ์อ้าปากใหญ่โตสีแดงสดเขมือบเรือของพวกเขาในคำเดียว
พวกเขาไม่มีเวลาแม้แต่จะใช้วิชาตัวเบา ทุกคนร่วงตกลงไปในสายน้ำเย็นเฉียบ
ฟองคลื่นสาดกระทบใส่ใบหน้าซัดจนทุกคนมึนงงตาลาย
ราชันอสูรใช้มือเหวี่ยงเฉียวเวยกับอวิ๋นจูขึ้นไปบนฝั่งข้างละคน จากนั้นก็โยนเยี่ยนเฟยเจวี๋ยกับไห่สือซานที่แบกศิษย์พี่รองไว้บนหลังขึ้นไปบนฝั่งด้วย
ยิ่งเขาใช้แรงมากเท่าใด เขาก็ยิ่งจมลงไปเร็วเท่านั้น
“ราชันอสูร!”
เฉียวเวยนอนคว่ำอยู่ริมฝั่งเอื้อมมือออกไปหาราชันอสูร
ราชันอสูรเกาะขอนไม้ท่อนหนึ่งไว้ตัวสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว พอเห็นมือของเฉียวเวยก็เอื้อมมือมาหาเฉียวเวยอย่างตื่นตระหนก
เฉียวเวยพยายามคว้ามือของเขา ทว่าตอนที่ปลายนิ้วแตะกันแล้วนั่นเอง ตาข่ายยักษ์สีแดงประกายทองผืนหนึ่งก็ลอยมาครอบราชันอสูรไว้
เฉียวเวยหน้าถอดสีทันควัน “ราชันอสูร!”
“โฮกกกก!”
“โฮกกกก!”
“ฮือ…”
ราชันอสูรมองเฉียวเวยตาปริบๆ เขาครางสะอื้นออกมาอย่างหาได้ยาก ก่อนจะถูกรานีอสูรกับศิษย์ของลัทธิศักดิ์สิทธิ์ร่วมแรงกันลากตัวไป