หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 26-3 ท่านพ่อราชันอสูร!
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 26-3 ท่านพ่อราชันอสูร!
ตอนที่ 26-3 ท่านพ่อราชันอสูร!
น่าเสียดายที่สถานการณ์อันปลอดภัยนี้ดำรงอยู่ได้ไม่นานนัก ตอนที่เฉียวเวยเดินผ่านทางเดินเส้นหนึ่ง จู่ๆ ศิษย์คนหนึ่งก็คว้าแขนของนางไว้แล้วส่งกล่องอาหารกล่องหนึ่งให้นาง “น้องชาย ช่วยข้าสักอย่างสิ ข้า…ข้าท้องเสีย เจ้าช่วยไปส่งแทนข้าที! ทางด้านนั้นเอง!”
เขากลั้นไม่ไหวแล้วจริงๆ เขาชี้ไปสุดปลายทางเดินโดยไม่สนใจว่าเฉียวเวยจะเห็นหรือไม่ แล้วกุมท้องหน้าตาบิดเบี้ยววิ่งหายไป
แต่เดิมเฉียวเวยไม่คิดจะไปทางนั้น แม้จะหิ้วกล่องอาหารกล่องหนึ่งอยู่ก็ตาม แต่นางเพิ่งก้าวเท้า ห้องสุดปลายทางเดินห้องหนึ่งก็มีศิษย์อีกคนหนึ่งเดินออกมา “ส่งข้าวใช่หรือไม่ ยืนนิ่งอยู่ทำอะไร ยังไม่รีบเข้ามาอีก!”
เฉียวเวยได้แต่ฝืนเดินเข้าไป
“วางไว้บนโต๊ะ” ศิษย์คนนั้นสั่งนาง
เฉียวเวยเข้าไปในห้องแล้ววางกล่องอาหารไว้บนโต๊ะ
“หยิบออกมาสิ!” ศิษย์คนนั้นสั่งอีก
เฉียวเวยหันหลังให้เขา แล้วเปิดฝากล่องอาหารหยิบจานอาหารด้านในออกมาทีละจาน สิ่งที่ทำให้เฉียวเวยประหลาดใจก็คือ ของเหล่านี้ล้วนเป็นอาหารของจงหยวนทั้งสิ้น
“คนใหม่หรือ ไม่เคยเห็นหน้าเจ้านะ” ศิษย์คนนั้นเห็นท่าทางเชื่องช้าไม่คล่องแคล่วของนางก็ถามอย่างรังเกียจ
เฉียวเวยไม่ตอบสักคำ นางเพียงหันหลังกลับไปคำนับอย่างนอบน้อม
ศิษย์คนนั้นสั่งอย่างเจ้ากี้เจ้าการต่อ “ไปเก็บกวาดข้างในห้องด้วย!”
เฉียวเวยกำกริชในแขนเสื้อเอาไว้แน่น ระหว่างที่นางลังเลว่าจะเอากริชออกมาจัดการศิษย์คนนี้ดีหรือไม่ ก็มีศิษย์อีกคนเข้ามาในห้อง
เฉียวเวยตัดสินใจเก็บกริชไปแล้วก้าวเท้าเข้าไปภายในห้อง
“นั่นผู้ใดกัน” ศิษย์คนที่สองถาม
ศิษย์คนแรกจึงตอบว่า “เด็กใหม่ มาส่งอาหารให้ผู้หญิงคนนั้น”
ศิษย์คนที่สองมองอาหารที่ชวนน้ำลายไหลเต็มโต๊ะแล้วจิ๊ปากพลางส่ายหัว “ไม่ใช่แค่ร่างพิษร่างหนึ่งหรือไร กินดีกว่าพวกเราเสียอีก!”โ
ศิษย์คนนี้ว่าอย่างกระแหนะกระแหน “ก็ผู้อื่นเป็นร่างหยินบริสุทธิ์ แล้วยังเริ่มก่อกำเนิดยาพิษแล้วด้วย ยาพิษที่ได้จากร่างหยินบริสุทธิ์หนึ่งเม็ดเทียบได้กับยาพิษสิบเม็ดร้อยเม็ดจากคนธรรมดาเชียวนะ”
เฉียวเวยฟังไปฟังมาก็พอจะเดาเรื่องราวออกบ้างแล้ว ถึงศิษย์พี่รองจะหนีไป แต่ลัทธิศักดิ์สิทธิ์ยังมีร่างหยินบริสุทธิ์อีกคนหนึ่ง แล้วอีกฝ่ายก็กำลังจะก่อกำเนิดยาพิษแล้วด้วย
ศิษย์คนที่สองถอนหายใจเอ่ยว่า “น่าเสียดายที่หนีไปได้คนหนึ่ง ไม่เช่นนั้นหากส่งมอบยาพิษจากร่างหยินบริสุทธิ์ให้สองเม็ด ปรมาจารย์เวทศักดิ์สิทธิ์จะต้องพอใจมากแน่ หากเขาพอใจ พวกเราก็จะได้รับรางวัล!”
คำพูดท่อนนี้เฉียวเวยฟังไม่ค่อยเข้าใจแล้ว แต่มีแค่ข้อมูลก่อนหน้าก็เพียงพอ
เฉียวเวยเก็บกวาดเศษกระเบื้องแตกบนพื้นพลางมองเตียงที่มีม่านห้อยไว้ บนเตียงมีสตรีนางหนึ่งนอนอยู่ มือเท้าล้วนถูกมัดไว้ สตรีนางนี้…ก็คือร่างหยินบริสุทธิ์อีกร่างหนึ่งที่พวกเขาพูดกันหรือ
นางเริ่มก่อกำเนิดยาพิษแล้ว หากตกอยู่ในมือรานีอสูร ไฉนไม่เท่ากับทำให้พลังของรานีอสูรเพิ่มขึ้นอีกก้าวใหญ่
จะเป็นเช่นนั้นไม่ได้ ของดีเช่นนี้ต่อให้ต้องทำลายก็จะให้ตกอยู่ในมือรานีอสูรไม่ได้!
พอความคิดผุดขึ้นมา เฉียวเวยก็กำกริชในมือแน่นแล้วเลิกม่าน นางเดินตรงดิ่งไปหาศิษย์สองคนที่ขโมยกินอาหารอยู่ นางเล็งมุมไว้อย่างดี หนึ่งกระบวนท่าจัดการได้สองคน ทว่าไม่ทันให้กริชในมือนางแทงลงไป ร่างกายของศิษย์ทั้งสองคนจู่ๆ ก็กระตุก หลังจากนั้นทั้งสองคนก็กุมท้องพร้อมกัน แล้ววิ่งสีหน้าบิดเบี้ยวออกไป…
เฉียวเวยมองทั้งสองคน ‘วิ่งตาลีตาเหลือก’ ออกไปแล้วมองกริชในมือตนเอง คิ้วเรียวเลิกสูง ก่อนจะกลับไปแบกสตรีผู้เนื้อตัวสกปรก ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าเลอะเทอะบนเตียงขึ้นมาบนหลัง แล้วก้าวเท้าออกจากห้อง
นางเดินออกจากห้องไม่ทันไร ศิษย์สามคนก็พุ่งมาทางนี้ประหนึ่งบินดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
ขมับของเฉียวเวยปูดนูนออกมาทันที โชคร้ายถึงเพียงนี้เชียวหรือ ก้าวเท้าออกมาจากห้องก็ถูกคนจับได้เสียแล้ว
นางจ้องสามคนที่พุ่งเข้ามาตาเขม็ง จากนั้นก็มองทั้งสามคนพุ่งผ่านหน้าตนเอง เลี้ยวหัวมุมตรงดิ่งไปยังห้องน้ำ
เฉียวเวย “…”
ตลอดทางหลังจากนั้นนางพบศิษย์อีกนับไม่ถ้วน ทว่าแต่ละคนกลับกุมท้อง พุ่งไปหาห้องน้ำราวกับคลุ้มคลั่ง ไม่มีใครสักคนสนใจเฉียวเวยผู้ลักพาตัวคนผู้หนึ่งออกมาจากในห้อง
เฉียวเวยเดินเตร็ดเตร่อย่างสง่าผ่าเผยในตำหนักนักเวทศักดิ์สิทธิ์จนทั่วแล้วออกมาอย่างปลอดภัย
ห้องส้วมของลัทธิศักดิ์สิทธิ์ถูกยึดครองหนึ่งวันเต็ม ตัวการร้ายอย่างเสี่ยวไป๋ไม่รู้ว่าฉี่ลูกเพียงพอนของตนเองทำให้ทั้งลัทธิศักดิ์สิทธิ์โกลาหล มันนอนสบายใจเฉิบอยู่ในซึ้งนึ่งที่มีไอร้อนพวยพุ่ง ขาสี่ข้างกางอ้าซ่า ดื่มด่ำกับการอบไอน้ำพลางแทะเป็ดตากแห้งที่เข้ามาในซึ้งพร้อมตนเองแต่สุกสนิทไปแล้ว
…
ความจริงแล้วปรมาจารย์เวทศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้อยู่ที่ตำหนักนักเวทศักดิ์สิทธิ์ แต่เขาอยู่ที่คฤหาสน์หลังน้อยห่างออกมาหลายลี้แห่งหนึ่ง
เพราะอยู่ห่างจากห้องครัวมาก อาหารจึงยังอยู่ระหว่างทางมาส่ง
ปรมาจารย์เวทศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้อยู่ว่าง เขามุ่งหน้าไปที่หอตำราลับของตนเอง สิ่งของในหอตำราลับมีมากมาย แค่ยาพิษที่วางอยู่บนชั้นหนังสือชั้นแรกหลังจากก้าวเข้าประตูมาก็เพียงพอให้คนน้ำลายยืดแล้ว
รานีอสูรตามอยู่ด้านหลังปรมาจารย์เวทศักดิ์สิทธิ์ นางมองยาพิษบนชั้นแล้วสูดน้ำลายสุดชีวิต
ปรมาจารย์เวทศักดิ์สิทธิ์เลือกยาพิษเม็ดหนึ่งมาแล้วกำลังจะวางลงบนมือของนาง ทว่าทันใดนั้นเขาก็นึกสิ่งใดขึ้นมาได้ จึงบอกนางว่า “ไม่สู้เจ้าลองหยุดยาสักสองวัน ดูซิว่ากำลังภายในของเจ้าจะอ่อนแอลงหรือไม่”
รานีอสูรไม่ชอบใจ!
ปรมาจารย์เวทศักดิ์สิทธิ์ชะงัก “ช่างเถิด รับไปเถอะ”
รานีอสูรรับไปอย่างเบิกบานใจ
เมื่อปรมาจารย์เวทศักดิ์สิทธิ์มาถึงหน้าชั้นหนังสือชั้นที่สองก็กดกลไกบนนั้น บนกำแพงจู่ๆ ก็มีอิฐก้อนหนึ่งโผล่ออกมา หากเพ่งพิจให้ดีจะพบว่าอิฐก้อนนี้กลวงเปล่า ด้านในมีกล่องลวดลายดงามใบหนึ่งวางอยู่
ปรมาจารย์เวทศักดิ์สิทธิ์หยิบกล่องออกมาแล้วเปิดออกแผ่วเบา ด้านในกล่องบรรจุตะปูตัวยาวสีเงินวาววับไว้สองแถว ทั้งหมดมีสิบแปดตัว ข้างใต้ตะปูมีภาพภาพหนึ่งวางอยู่ อธิบายว่าตะปูยาวควรจะใช้ตรงตำแหน่งใด
รานีอสูรขยับเข้ามาอย่างสงสัยใครู้ ทว่าเมื่อนางเห็นของในกล่องก็ตกใจกลัวจนซัดฝ่ามือออกมาทันใด หากไม่ใช่ว่าปรมาจารย์เวทศักดิ์สิทธิ์เตรียมตัวเอาไว้ก่อนแล้ว ตะปูกล่องนี้คงถูกทำลายด้วยน้ำมือนางเป็นแน่
ปรมาจารย์เวทศักดิ์สิทธิ์จ้องนาง “กลัวหรือ”
รานีอสูรหน้าซีดเผือดถอยหลังพรวด
ปรมาจารย์เวทศักดิ์สิทธิ์ยิ้มหยัน “ตะปูสะกดวิญญาณสิบแปดตัวคือสิ่งที่แม้แต่ท่านผู้นั้นในตำนานก็ยังหวั่นเกรง พวกเจ้าราชันอสูรจะทนไหวได้อย่างไรเล่า”
รานีอสูรกลัวนักว่าปรมาจารย์เวทศักดิ์สิทธิ์จะเอาของน่ากลัวเช่นนี้มาตอกลงบนร่างของตนเอง นางไม่เอายาพิษแล้ว นางเผ่นแน่บหนีราวกับกระโดดเชือก!
แต่เดิมระดับของรานีอสูรก็เหนือกว่าราชันอสูรอยู่แล้ว แม้แต่นางยังหวาดกลัวถึงเพียงนี้ หนนี้ราชันอสูรน่าจะยอมจำนนแน่
ปรมาจารย์เวทศักดิ์สิทธิ์ไม่รออาหารกลางวันแล้ว เขาถือตะปูสะกดวิญญาณเดินไปยังห้องลับที่ขังราชันอสูรไว้อย่างกระตือรือร้น
ห้องลับอยู่ใต้ดินของคฤหาสน์หลังน้อย หลังออกจากหอตำราลับก็เลี้ยวขวาเดินตรงไป เข้าไปในห้องหนังสือห้องหนึ่ง จากนั้นเปิดอุโมงค์ทางเดินด้านหลังห้องหนังสือก็จะถึงห้องลับ
วั่งซูตามหาห้องน้ำจนมาถึงฝั่งนี้ แน่นอนว่านางชิ้งฉ่องเสร็จแล้ว หลังจากชิ้งฉ่องเสร็จนางก็เริ่มหาทางกลับ
นางดื่มสุรานมม้ามากเกินไป ตอนนี้จึงยังมึนอยู่เล็กน้อย เท้าก้าวโซซัดโซเซเหมือนเหยียบอยู่บนก้อนเมฆ พอเห็นคฤหาสน์หลังน้อย นางก็คิดว่ากลับมาถึงเรือนฟางชุ่ยหยวนแล้ว นางก้าวขาเล็กๆ เดินเข้าไปทันที
นางเดินมาถึงทางเดินก็เดินตรงไปๆ เดินเข้าไปในห้องหนังสือห้องหนึ่ง พอนางเห็นเตียงของห้องหนังสือก็กลิ้งตัวลงไปนอน
ทว่าพอกลิ้งไปจนถึงด้านในไม้กระดานกลับพลิกคว่ำจนนางร่วงตกลงไปด้านล่าง
นางขยี้ตาเดินเข้าไปด้านใน
“โฮกกก”
นั่นเสียงคำรามของราชันอสูร
ดวงตากลมโตที่เมามายของวั่งซูงุนงง ท่านพ่อราชันอสูรหรือ!
“โฮกกก”
ราชันอสูรเห็นตะปูสะกดวิญญาณในมือปรมาจารย์เวทศักดิ์สิทธิ์ ความหวาดกลัวก็ทะลักออกมาจากกระดูกทั่วร่าง
เขาอยากหนีแต่ถูกโซ่หาดมังกรตรึงไว้แน่น กระดิกตัวไม่ได้สักนิด
ปรมาจารย์เวทศักดิ์สิทธิ์มองเขาอย่างลำพอง “ตอนนี้อ้อนวอนก็ไม่ทันกาลแล้ว เจ้าต้องยอมเป็นทาสของข้าเท่านั้น ข้าจึงจะปล่อยเจ้าไป มิเช่นนั้นข้าจะตอกตะปูสะกดวิญญาณสิบแปดตัวนี้ลงไปบนร่างเจ้าทีละ…”
เขายังไม่ทันพูดคำว่าตัวจบ
วั่งซูก็ผลักประตูหินเปิดเข้ามา “ท่านพ่อราชันอสูร!”
ปรมาจารย์เวทศักดิ์สิทธิ์ยืนอยู่ด้านหลังประตูหินพอดี เสียงโครมดังขึ้นทีเดียว เขาก็ถูกประตูหินฟาดจมลงไปในกำแพง!