หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 35-1 จิ่งอวิ๋นพบจักรพรรดิอสูร (2)
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 35-1 จิ่งอวิ๋นพบจักรพรรดิอสูร (2)
ตอนที่ 35-1 จิ่งอวิ๋นพบจักรพรรดิอสูร (2)
ความสนใจของจิ่งอวิ๋นถูกไข่มุกที่เปลี่ยนสีได้เม็ดนั้นดึงไปจนหมดสิ้น เขาไม่สังเกตเห็น ‘สัตว์ร้าย’ กระหายเลือดที่ซุ่มซ่อนอยู่ด้านหลังแม้แต่นิดเดียว ‘สัตว์ร้าย’ ตัวนั้นลืมตาสีโลหิตขึ้นมา แววตาดุร้ายของมันจับจ้องบนแผ่นหลังผอมบางของเขาประหนึ่งมองเหยื่อตัวน้อยที่ในที่สุดก็เดินเข้ามาถึงในกรง
จิ่งอวิ๋นไม่สังเกตเห็นอันตรายที่อยู่เบื้องหลังร่างแม้แต่น้อย ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นเพียงเด็กน้อยอายุหกขวบ แม้จะสุขุมยามอยู่ต่อหน้าผู้คนภายนอก แต่จิตใจจะไปสงบนิ่งประหนึ่งท่อนไม้จริงๆ ได้สักเท่าใดกัน
เขารู้สึกว่าไข่มุกเม็ดนี้น่าสนุกยิ่งนัก มือน้อยวางลงไป มันเป็นสีม่วงขุ่นแล้ว มือน้อยยกขึ้นมา เป็นสีเขียวหยกแล้ว เขาวางมือลงไปแล้วก็ยกขึ้นมา ยกมือขึ้นมาแล้วก็วางมือลงไป เล่นอย่างสนุกสนานอย่างยิ่ง
อันตรายย่างกรายเข้ามาใกล้ทีละก้าวๆ
‘สัตว์ร้าย’ ที่ซุ่มซ่อนตัวอยู่ตัวนั้นในที่สุดก็หลุดพ้นออกมาจากความมืดมิด อาภรณ์สีดำสนิททั้งร่าง เส้นผมสีขาวปนเทาปิดบังใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง มือสองข้างที่ผอมแห้งจนเห็นกระดูกปูดนูนจนดูเหมือนโครงกระดูกเอื้อมออกมาหาเด็กน้อยตรงหน้าอย่างเชื่องช้า
จิ่งอวิ๋นเล่นไข่มุกอย่างวางมือไม่ลง เขาไม่พอใจที่ทำได้เพียงแตะเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ เขาจึงหยุดชะงักไปครู่หนึ่งแล้วเอามันลงมา โ
ชั่วพริบตาที่เขาหยิบมันมาไว้ในมือ ไข่มุกราตรีที่แต่เดิมทอแสงสีม่วงสลัวๆ อยู่เม็ดนั้นก็เปล่งแสงสว่างจ้าอย่างกะทันหัน แสงสีม่วงเจิดจ้าสาดส่องไปทั่วทุกหนแห่ง ส่องจนจิ่งอวิ๋นแทบจะลืมตาไม่ขึ้น
ดวงตาที่ไม่เห็นแสงมานานทนรับแสงจ้าเช่นนี้ไม่ไหว มือที่เกือบจะบีบคอจิ่งอวิ๋นจากด้านหลังสองข้างนั้นจึงหดฟึบกลับไปในชั่วพริบตาที่แสงสีม่วงส่องเจิดจ้า! มันกุมดวงตาแล้วถอยกลับไปสองสามก้าว
จิ่งอวิ๋นอุทานเสียงดัง ไข่มุกแสนงดงามเม็ดนี้สวยกว่าไข่มุกจันทร์กระจ่างมากนัก
เขาใช้มือน้อยลูบคลำมัน ยิ่งลูบไข่มุกก็ยิ่งสว่าง จนถึงท้ายที่สุด ห้องศิลาทั้งห้องก็ส่องสว่างประหนึ่งเวลากลางวัน
จักรพรรดิอสูรหวาดกลัวแสงแรงกล้าเช่นนี้ เขาขดร่างอยู่ตรงมุมห้อง ใช้แขนกอดศีรษะตนเองไว้แน่น
จิ่งอวิ๋นมองเห็นบุรุษที่นั่งยองๆ อยู่ริมผนังแล้ว เขาคิดว่าอีกฝ่ายคือเจ้าของบ้านหลังนี้จึงรีบเก็บไข่มุกให้ดี จากนั้นก้าวขาเล็กๆ วิ่งไปหา ครั้นเห็นเขานั่งยองๆ อยู่ จิ่งอวิ๋นจึงก้มตัวลงไปนั่งยองๆด้วย จากนั้นมองอีกฝ่ายตาปริบๆ
ไม่มีไข่มุกแล้ว แสงเจิดจ้าสลายไปแล้ว จักรพรรดิอสูรจึงเงยหน้าขึ้นมาอย่างเชื่องช้าแล้วก็เห็นเจ้าตัวจิ๋วนั่งยองๆ อยู่ด้านข้างตนเอง ร่างกายของจักรพรรดิอสูรสูงใหญ่กว่าคนทั่วไปมาก ร่างกายเล็กจ้อยของจิ่งอวิ๋นยามอยู่ในสายตาเขาจึงเหมือนเด็กทารกอายุสองสามขวบ
เขามองเด็กทารกคนนี้อย่างเย็นชา แววตาไม่เพียงไร้ประกายความอ่อนโยน แต่กลับเริ่มมีความโหดเหี้ยมเพิ่มขึ้นมาทีละนิดๆ
เขายกฝ่ามือใหญ่ที่เหมือนโครงกระดูกขึ้นมาคว้าไปที่ลำคอผอมบางของจิ่งอวิ๋นประหนึ่งมารร้าย
จิ่งอวิ๋นไม่รู้ว่าเขากำลังจะบีบคอตนเอง เขาก้มหน้าลงแล้วรื้อกระเป๋าใบน้อย จากนั้นควักของเล็กๆ ชิ้นหนึ่งออกมา “กินถั่วเคลือบน้ำตาลหรือไม่ขอรับ”
จักรพรรดิอสูร “…”
…
ด้านนอกเขตต้องห้าม ยิ่นอ๋อง ประมุขเย่ว์หวากับแม่เฒ่ายังคงรอคอยอย่างไม่ละสายตาไปไหน นับตั้งแต่จิ่งอวิ๋นบุกเข้าไปในเขตต้องห้าม เวลาก็ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยามแล้ว พวกเขาไม่เพียงไม่ได้ยินเสียงกรีดร้องของเด็กคนนั้น แม้แต่เสียงเคลื่อนไหวของกลไกก็ไม่ได้ยินแม้แต่น้อย ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
เด็กคนนี้…คงไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องอะไรกับเขากระมัง
หกล้มสลบไปหรือเปล่า
หรือตกใจกลัวจนหมดลมหายใจไปแล้ว
สีหน้าของแม่เฒ่าเคร่งขรึมอย่างยิ่ง
บนใบหน้าของยิ่นอ๋องไม่ปรากฏสีหน้าอะไรเท่าใดนัก ทว่าก็ดูไม่ออกว่ามีอารมณ์ยินดีอันใดปรากฏออกมาเช่นกัน
ประมุขเย่ว์หวามองทั้งสองคนยิ้มๆ แล้วพูดอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น “หิมะตกหนาขนาดนี้ หนทางก็ลื่นไถล คงไม่ใช่ว่าเด็กคนนั้นหกล้มตายไปแล้วกระมัง”
ยิ่นอ๋องแค่นเสียงเย็นชา “เขาไม่ไร้ประโยชน์เช่นที่เจ้าคิดหรอก”
ประมุขเย่ว์หวายิ้มน้อยๆ “เด็กคนนั้นไม่เป็นวรยุทธ์สักหน่อย จะมีประโยชน์อะไรได้”
ยิ่นอ๋องตอบอย่างเฉยชา “เขาไม่เป็นวรยุทธ์ แต่ก็หนีออกมาจากมือของอประมุขเหยาจีได้ เท่าที่ข้าทราบมา นั่นไม่ใช่เหตุการณ์ที่เขาถูกจับไปเป็นครั้งแรก แล้วก็ไม่ใช่การหนีรอดออกมาครั้งแรกเช่นกัน จงอย่าได้ประมาทศัตรูของเจ้า ประมุขเย่ว์หวา”
เย่ว์หวาหัวเราะเยาะหยัน “เด็กน้อยยังไม่หย่านมคนหนึ่งเท่านั้น ไม่คู่ควรเป็นศัตรูของท่านประมุขคนนี้”
“เย่ว์หวา!” แม่เฒ่าหน้าบึ้งตึงทันควัน
อยู่ต่อหน้าเจ้าลัทธิน้อยกลับกล้าเรียกตนเองว่าท่านประมุข เรียกได้ว่าเป็นการไม่เคารพเจ้าลัทธิน้อยอย่างยิ่ง
เย่ว์หวามุมปากกระตุก แล้วค้อมกายให้ยิ่นอ๋อง “เย่ว์หวาเสียมารยาทแล้ว”
ยิ่นอ๋องไม่สนใจเขา
ระหว่างที่พวกเขาพูดคุยกัน กลิ่นอายอันตรายสายหนึ่งก็แผ่ออกมาจากทิศทางของเขตต้องห้าม มันราวกับใบมีดคมกริบเฉือนบนใบหน้าของพวกเขาอย่างเย็นชา หน้าผากของทุกคนเย็นวาบพร้อมกัน!
ยิ่นอ๋องหน้าถอดสี “นี่ก็คือ…”
เขายังไม่ทันเอ่ยจบ ลมปราณมหาศาลที่ล้นทะลักออกมาอย่างไม่ตั้งใจสายนั้นก็หายไปอย่างเงียบเชียบ
ลมปราณสายนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว แม้จะมีพลังทำลายล้างไม่เท่าตอนราชันอสูรต่อสู้กับรานีอสูร แต่ก็ทำให้คนรู้สึกอันตราย
ยิ่นอ๋องลูบหนังศีรษะอย่างไม่รู้ตัว คิดในใจว่าโชคยังดี
เขากำลังถอนหายใจอย่างโล่งอก กลิ่นอายอันตรายสายนั้นก็บีบเข้ามาใกล้อีกครั้ง
ทั้งร่างของเขาเกร็งเครียดขึ้นมาทันใด
ลมปราณสายนั้นกดทับลงมาเหนือศีรษะประหนึ่งคมดาบเย็นเฉียบเฉือนหนังศีรษะของเขาทีละชุ่นๆ
เหงื่อกาฬแตกพลั่กผุดออกมาจากทั่วร่างของเขา
ในตอนที่เขาแทบจะต้านเอาไว้ไม่ไหวแล้วนั่นเอง ลมปราณสายนั้นก็สลายหายไปอีกหน
นี่ก็คือลมปราณของจักรพรรดิอสูรหรือ น่ากลัวเสียยิ่งกว่าที่เล่าลือกันเสียอีก
เย่ว์หวาหัวเราะอย่างเย็นชา จักรพรรดิอสูรตื่นแล้ว เด็กน้อยคนนั้นเกรงว่าคงจะโชคร้ายมากกว่าโชคดี ดียิ่งนัก ดียิ่งนัก!
ระหว่างที่พวกเขาสังเกตความเคลื่อนไหวด้านในเขตต้องห้ามอย่างละเอียดอยู่ เงาร่างสีแดงร่างหนึ่งก็ก้าวเดินมาอย่างเชื่องช้า
ทั้งสามคนมองตามเสียงไปก็เห็นว่าเป็นกงซุนฉางหลี