หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 35-2 จิ่งอวิ๋นพบจักรพรรดิอสูร (2)
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 35-2 จิ่งอวิ๋นพบจักรพรรดิอสูร (2)
ตอนที่ 35-2 จิ่งอวิ๋นพบจักรพรรดิอสูร (2)
บนฟ้ามีหิมะเกล็ดน้อยเล็กเท่าใบหลิวหล่นร่วงมาตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ กงซุนฉางหลีถือร่มกระดาษน้ำมันเดินทอดน่องมาอย่างสบายอุรา เขามองทั้งสามคนหนหนึ่งแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉกเช่นปกติ “เมื่อครู่ข้าเดินผ่านริมทะเลสาบ ได้ยินเสียงดังเอะอะที่เกาะอิ๋นหู คิดว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเสียอีก คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเจ้าลัทธิน้อยมาเยือน”
ยิ่นอ๋องกวาดสายตามองเขาอย่างเย็นชา
ยิ่นอ๋องทราบมาตลอดว่าลูกน้องของจีหมิงซิวประกอบไปด้วยยอดฝีมือทั้งหมดเจ็ดคน ทว่าเขารู้จักเพียงหกคนแรก ส่วนคนสุดท้ายคนที่เจ็ดไม่เคยปรากฏโฉมหน้าในยุทธภพ ยิ่นอ๋องรู้จักเขาน้อยยิ่งนัก ทว่ายิ่นอ๋องเคยมีวาสนาพบหน้ากงซุนฉางหลีอยู่หนหนึ่งตอนเขาไปซื้อหาชาดโลหิตหงส์ให้พระสนมอานเฟยที่หอเมามาย
แม้มองไม่เห็นหน้า แต่บุรุษผู้มีกิริยาท่าทางสง่างามเป็นเลิศเช่นนี้ เพียงเคยเห็นเงาแผ่นหลังหรือมือข้างหนึ่งก็ทำให้คนจดจำไม่ลืมเลือนแล้ว
“ฉางหลี คารวะเจ้าลัทธิน้อย” กงซุนฉางหลีทักทายอย่างมีมารยาท
ยิ่นอ๋องไม่สนใจเขา
เย่ว์หวาเห็นยิ่นอ๋องไม่สนใจกงซุนฉางหลีก็รู้สึกใจสงบในชั่วพริบตา
กงซุนฉางหลีหันไปมองแม่เฒ่าที่อยู่ด้านข้าง “ผู้พิทักษ์เหลียน เหตุใดพวกท่านจึงมารออยู่ตรงนี้กันหมด จักรพรรดิอสูรจะตื่นแล้วหรือ”
แม่เฒ่ากุมไม้เท้า แล้วถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “เด็กน้อยคนหนึ่งพลัดหลงเข้าไป”
กงซุนฉางหลีงุนงงเล็กน้อย “เด็กหรือ”
ลัทธิศักดิ์สิทธิ์ไม่มีเด็กเสียหน่อย
แม่เฒ่าถอนหายใจไม่รู้จะตอบอย่างไร
ประมุขเย่ว์หวาที่อยู่ด้านข้างจึงหัวเราะร่าบอกว่า “ลูกชายของจีหมิงซิว”
แววตาของกงซุนฉางหลีชะงักไปวูบหนึ่ง “ลูกชายของเขาจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน”
เย่ว์หวาหัวเราะ “ข้าสงสัยใคร่รู้ยิ่งกว่าเจ้าเสียอีก ตอนที่พบตัวเขา เขาก็อยู่บนเกาะแล้ว แต่เดิมข้าเจตนาดีจะช่วยเขา คิดไม่ถึงเขากลับวิ่งเข้าไป”
แม่เฒ่าถลึงตาใส่เจ้าคนหน้าไม่อายคนนี้อย่างเย็นชา!
กงซุนฉางหลีเดินไปข้างหน้าอย่างเฉยชา
เย่ว์หวาเรียกเขาไว้ “ฉางหลีเจ้าคิดจะทำอะไร”
กงซุนฉางหลีตอบอย่างไม่อนาทรร้อนใจ “เด็กคนนั้นมีค่าเท่ากับชนเผ่าลึกลับกับชีวิตของจีหมิงซิว เจ้าว่าข้าจะทำอะไรเล่า”
เย่ว์หวาหัวเราะอย่างเย็นชา “เจ้าอย่าบุ่มบ่ามไปเลยน่า”
กงซุนฉางหลีไม่ตอบคำ เขาเดินเข้าไปในเขตต้องห้ามอย่างไม่ลังเลสักนิด
ทันทีที่เขาเข้าไป ยิ่นอ๋องก็เหินร่างเข้าไปด้วย เย่ว์หวากับแม่เฒ่าอยากจับไว้ก็จับไว้ไม่ทัน
เย่ว์หวากัดฟันกรอด “เดี๋ยวคนนี้เดี๋ยวคนนั้น บ้ากันไปหมดแล้วหรืออย่างไร!”
แม่เฒ่าว่าเสียดสี “เจ้าลัทธิน้อยเข้าไปแล้ว เจ้ายังยืนบื้ออยู่ข้างนอกอีกหรือ”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร” เย่ว์หวาเอ่ยเสียงเย็นชา
แม่เฒ่าเอ่ยอย่างขบขัน “ไม่หมายความว่าอย่างไร ก็แค่เป็นห่วงว่าหลังจากเจ้าลัทธิเลิกเก็บตัวฝึกฝนวิชาแล้วรู้ว่าบุตรชายคนโตของเขาตายอยู่ในเขตต้องห้าม เขาคงจะสังหารคนที่นิ่งดูดายอยู่ข้างๆ อย่างเจ้าเป็นการระบายโทสะ!”
เย่ว์หวาหรี่ตาลง “เจ้าก็ยืนนิ่งดูดายอยู่ด้านข้างเหมือนกันไม่ใช่หรือ”
แม่เฒ่ายิ้มอย่างสง่าผ่าเผย “ข้าไม่กลัวตายนี่ เจ้าไม่กลัวเหมือนกันหรือไม่เล่า”
เย่ว์หวากลอกตาใส่นาง
แม้จะไม่ยินดีเท่าใดนัก แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าอีกฝ่ายพูดถูกอย่างยิ่ง เจ้าลัทธิน้อยบุกเข้าไปในเขตต้องห้ามใต้หนังตาของเขา ไม่ว่าจะในแง่ไหนเขาก็สมควรบุกเข้าไปด้วย มิเช่นนั้นหากเจ้าลัทธิน้อยเกิดเป็นอันใดไปขึ้นมา ชีวิตในวันหน้าของเขาก็อย่าหวังว่าจะได้ใช้ชีวิตดีๆ เลย
แม่เฒ่าบุ้ยปาก “ยังไม่ไปอีกหรือ”
เย่ว์หวากำหมัดแน่น สุดท้ายก็ถลึงตาใส่แม่เฒ่าหนหนึ่งแล้วฝืนตนเองไล่ตามไป
เขตต้องห้ามไม่เคยมีคนนอกบุกเข้ามา บนพื้นมีรอยเท้าของเด็กน้อยอยู่แถวหนึ่ง โดดเด่นและมองเห็นชัดเจนอย่างยิ่ง
ทั้งสามคนเดินตามรอยเท้าไปจนถึงจุดที่ลึกที่สุดในเขตต้องห้ามก็เห็นสุสานที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะสีขาวโพลนแห่งหนึ่ง สุสานดูแล้วไม่ใหญ่ รูปร่างเหมือนชามคว่ำใบหนึ่ง แต่ข้างใต้สุสานเป็นคุกที่สร้างจากเหล็กหาดมังกรทั้งหลัง
จักรพรรดิอสูรถูกขังอยู่ในคุกแห่งนี้มาตลอด นอกจากเจ้าลัทธิกับอดีตองค์หญิงเจาหมิงก็ไม่เคยมีผู้ใดเข้าไป
ทั้งสามคนมาถึงลานกว้างหน้าสุสาน แปดทิศของลานกว้างมีรูปสลักหินสีหน้าเคร่งขรึมอยู่แปดรูป ทั้งสามคนหยุดชะงักพร้อมกัน
กงซุนฉางหลียกเท้าอย่างระแวดระวังแล้วเหยียบลงไปอย่างระมัดระวัง เพิ่งจะเหยียบลงไปเต็มเท้า ลูกธนูเย็นเฉียบสิบกว่าดอกก็บินฟิ้วออกมาจากตาของรูปสลักหิน
ทั้งสามคนถอยออกไปสองฝั่งหลบธนูอันเย็นเฉียบระลอกนี้อย่างรวดเร็ว
กงซุนฉางหลีเปลี่ยนจุดหยั่งเท้าอีกหน ทว่าเพิ่งเหยียบลงไปก็มีลูกธนูเย็นเฉียบอีกระลอกหนึ่งยิงฟิ้วมาอีก!
ลูกธนูเหล่านี้เดิมทีไม่ได้มีไว้ขัดขวางพวกเขาไม่ให้เข้าไป แต่มีไว้เพื่อขัดขวางจักรพรรดิอสูรไม่ให้ออกมา ลูกธนูที่แม้แต่จักรพรรดิอสูรยังจัดการไม่ได้ แล้วพวกเขาจะไปต้านไหวได้อย่างไรกัน
ทั้งสามคนหลบหนีอย่างอเนจอนาถ ไม่กล้าให้ธนูพิษแตะต้องถูกร่างตนเองแม้แต่นิด
หลังจากนั้นกงซุนฉางหลีก็ลองอีกหลายตำแหน่ง แต่ไม่ว่าเปลี่ยนไปวางเท้าตรงที่ใดก็กระตุ้นกลไกใต้ดินเสียทุกครั้ง
ไม่รู้จริงๆ ว่าเด็กน้อยที่ไม่เป็นวรยุทธ์คนหนึ่งเดินผ่านไปได้อย่างไรกัน
หากไม่ใช่เพราะเห็นรอยเท้าบนพื้น พวกเขาคงจะคิดว่าจิ่งอวิ๋นไม่ได้มาที่นี่
เดินเท้าไม่ได้ กงซุนฉางหลีจึงได้แต่ใช้วิชาตัวเบา ทว่าไม่ทันที่เขาจะเหินขึ้นไปได้เต็มตัวก็ถูกพลังล่องหนสายหนึ่งกดกลับไปอยู่บนพื้นทั้งอย่างนั้น
เย่ว์หวาเอ่ยเสียงเย็นชา “ค่ายกลที่ใช้กักขังจักรพรรดิอสูร ไฉนเลยจะทลายได้ง่ายๆ”
ยิ่นอ๋องกำหมัดแน่น ในเมื่อทลายไม่ได้ง่ายๆ แล้วเด็กซนคนนั้นเดินผ่านไปได้อย่างไรกัน
เย่ว์หวาหัวเราะเยาะ “เรียกเขาสิ หากเขาได้ยินต้องออกมาแน่”
กงซุนฉางหลีเหล่มองเขา “เจ้าอยากฆ่าเขาหรือ”
หากพวกเขาส่งเสียง คนที่ได้ยินคนแรกย่อมเป็นจักรพรรดิอสูร เมื่อปลุกจักรพรรดิอสูรตื่นขึ้นมาแล้ว เด็กคนนั้นยังจะเหลือชีวิตอีกหรือไร
เย่ว์หวาหัวเราะแต่ไม่ตอบคำ
เรียกไม่เรียกความจริงจักรพรรดิอสูรก็ตื่นแล้ว เด็กคนนั้นเข้าไปในสุสานชัดๆ แต่จนป่านนี้ยังไม่ออกมา น่าจะกลายเป็นวิญญาณคนตายใต้คมดาบของจักรพรรดิอสูรไปตั้งนานแล้วกระมัง