หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 36-1 จิ่งอวิ๋นพบจักรพรรดิอสูร (3)
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 36-1 จิ่งอวิ๋นพบจักรพรรดิอสูร (3)
ตอนที่ 36-1 จิ่งอวิ๋นพบจักรพรรดิอสูร (3)
เย่ว์หวาไม่มีอารมณ์ฝ่าค่ายกล กงซุนฉางหลีกับยิ่นอ๋องกลับดื้อดึงจะหาวิธีทลายค่ายกลให้ได้ ทั้งสองคนขบคิดอยู่เนิ่นนาน จนในที่สุดก็ค้นพบว่ายิ่งใช้พละกำลังมากเท่าใด แรงกดดันก็ยิ่งมากเท่านั้น ทั้งสองคนจึงทดลองปิดผนึกกำลังภายในของตนเอง ผลปรากฏว่าทั้งสองคนกลับเดินผ่านไปได้อย่างปลอดภัยไร้อันตราย
สรุปก็คือค่ายกลนี้ขัดขวางแต่ยอดฝีมือ ไม่สนใจพวกไก่อ่อน!
เย่ว์หวาไม่เคยคิดอยากจะฝ่าค่ายกล ทว่าเจ้าลัทธิน้อยที่เคารพดันเดินผ่านไปแล้ว ยายแก่บ้าผู้พิทักษ์เหลียนก็ยังจับจ้องอย่างมาดร้ายอยู่ด้านหลัง เขาจะมีเหตุผลอะไรให้ไม่เข้าไปด้วยกันกับเจ้าลัทธิน้อยเล่า
ประมุขเย่ว์หวากลอกตาแล้วสะกดกำลังภายในของตนเองจนเหมือนคนธรรมดาคนหนึ่ง ก่อนจะสาวเท้าก้าวยาวๆ ตามไปด้วย
ทั้งสามคนเดินมาถึงหน้าสุสาน สุสานแห่งนี้ดูเหมือนไม่มีสิ่งใดพิเศษ ทว่าอิฐทุกก้อนล้วนฝังเหล็กหาดมังกรไว้ชั้นหนึ่ง เหล็กหาดมังกรเป็นสิ่งที่เอาไว้จัดการนักรบมรณะโดยเฉพาะ แม้แต่ราชันอสูรก็ยังพันธนาการเอาไว้ได้ แม้จริงๆ แล้วจักรพรรดิอสูรจะระดับขั้นสูงกว่านั้น แต่หากใช้ค่ายกลเสริมพลังก็กลายเป็นคุกที่ไร้หนทางหนีแห่งหนึ่งได้เช่นกัน
ประตูถูกจิ่งอวิ๋นเปิดออกมาก่อนแล้ว เพียงแต่ว่าประตูบานนั้นเตี้ยและแคบมาก มันพอจะให้คนหนึ่งคนคลานผ่านไปได้อย่างหวุดหวิดเท่านั้น
เย่ว์หวากลอกตาอีกหนอย่างอดไม่ได้
กงซุนฉางหลีนำหน้าไปก่อนเพียงลำพัง เขาถกชายเสื้อแล้วคลานเข้าไปในประตูที่ทั้งแคบทั้งเตี้ยอย่างไม่พูดพร่ำคำใดทั้งสิ้น
ต่อจากนั้นยิ่นอ๋องก็คลานตามเข้าไปด้วย
เย่ว์หวาไม่รู้แล้วว่าสองคนนี้เกิดโง่อะไรขึ้นมากันหมด ชนเผ่าลึกลับกับตระกูลจีย่อมสำคัญ แต่ถึงขั้นต้องสละชีวิตตนเองไปด้วยจะคุ้มค่าหรือ
เย่ว์หวาเข้าไปในสุสานอย่างจนปัญญา
โชคดีที่ในสุสานไม่เตี้ยเช่นนั้น ห้องสูงใหญ่ มีแสงสะท้อนจากหิมะสาดเข้ามา พวกเขาอาศัยแสงสลัวๆ นี้เดินตามบันไดลงไปในสุสาน
พวกเขาผนึกกำลังภายในเอาไว้ จะบอกว่าไม่กังวลก็คงเป็นเรื่องโกหก หากไม่ทันระวังเหยียบถูกกลไกอันใดเข้า แม้แต่หลบพวกเขาก็คงหลบไม่ทัน
แต่เมื่อคิดอีกครั้งหนึ่ง ข้างใต้นี้มีจักรพรรดิอสูรคนหนึ่งถูกคุมขังอยู่ ต่อให้หลบพ้นกลไกแล้วจะเป็นอย่างไรเล่า หากต้องปะทะกับจักรพรรดิอสูร ระวังอีกเท่าใดก็เสียเปล่า
พวกเขาพยายามลบตัวตนของตนเองให้เบาบางที่สุดแล้วเดินลงไปทีละก้าวๆ
หลังจากเดินจบบันไดช่วงแรก พวกเขาก็ได้ยินเสียงที่ไม่ปกติดังขึ้นมาจากด้านล่าง
กร้วมๆ! กร้วมๆ!
เย่ว์หวางุนงง จากนั้นก็เลิกคิ้ว เจ้าเด็กโชคร้ายคนนั้น…ถูกจักรพรรดิอสูรกินไปแล้วกระมัง เล่ากันว่าจักรพรรดิอสูรธาตุไฟเข้าแทรกจนไร้สติสัมปชัญญะ คงไม่ใช่ว่า…เขาเป็นบ้าจนถึงขั้นกินมนุษย์หรอกกระมัง
จิ๊ๆ ดูเสียงเคี้ยวกร้วมๆ นั่นสิ แม้แต่กระดูกก็ไม่ปล่อยไว้หรือ
ประมุขเย่ว์หวาดีใจไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว!
เขาที่ตามอยู่ด้านหลังสุดอย่างไม่ใคร่จะยินดีมาตลอด จู่ๆ ก็ก้าวพรวดแซงหน้าทั้งสองคนเดินไปยังต้นกำเนิดเสียง
เขาอยากจะเห็นจนทนไม่ไหวแล้วว่าจักรพรรดิอสูรกินเจ้าเด็กคนนั้นอย่างไร!
ทว่าเมื่อเย่ว์หวาก้าวพ้นบันไดทั้งหมดเข้ามาในห้องศิลาที่คุมขังจักรพรรดิอสูรห้องนั้น เขาก็ตาค้างในพริบตา!
เขากำลังเห็นสิ่งใดอยู่
บนพื้นสีสันหลากหลายละลานตา บุรุษผู้สวมอาภรณ์สีดำคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ท่ามกลางไข่มุกหลากลายสีกองพะเนิน ด้านข้างของเขาที่หันมาทางประตูดูรูปร่างสูงใหญ่จนน่าเหลือเชื่อ
ในมือของเขาถือกระเป๋าใบน้อยที่ยามอยู่ในมือเขาดูเล็กกระจิ๋วหลิวใบหนึ่ง ด้านในกระเป๋าไม่รู้ว่าใส่อะไรไว้ เขาหยิบมันออกมาแล้วยัดเข้าปากทีละชิ้นๆ
กร้วม! กร้วม! กร้วมๆ!
สิ่งที่ถูกเคี้ยวดังกร้วมนั่นดันไม่ใช่เด็กน้อยคนนั้น เพราะเด็กน้อยนั่งยองๆ ‘ดีดลูกแก้ว’ เล่นอยู่บนพื้นอย่างสบายใจเฉิบ
เย่ว์หวาตกตะลึงจนปากเกือบจะหุบไม่ลง
ในตอนที่เย่ว์หวาคิดว่าตนเองตกตะลึงจนถึงที่สุดแล้วนั่นเอง เรื่องที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่าก็เกิดขึ้น
ของชิ้นเล็กๆ ในกระเป๋าหมดแล้ว คนผู้นั้นกางกระเป๋าใบน้อยรื้อหาอย่างถี่ถ้วน แต่หาอยู่เนิ่นนานก็หาไม่พบ เขาเงยหน้าแล้วยกกระเป๋าน้อยเทใส่ปาก ทว่าไม่มีสิ่งใดเหลือแล้วจริงๆ เขาเทอยู่หลายรอบก็ไม่มีสิ่งใดร่วงออกมาทั้งสิ้น
จิ่งอวิ๋นดีดไข่มุกเม็ดสุดท้ายลงไปในรูเล็กๆ ของโซ่เหล็ก “ถึงตาท่านแล้ว!”
เย่ว์หวา ไม่มีทางๆ จักรพรรดิอสูรไม่มีทางทำแน่!
จักรพรรดิอสูรรับไข่มุกมาแล้วคุกเข่าลงบนพื้น เขายกก้นลอยโด่งแล้วขยับนิ้วดีด ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
เย่ว์หวาผู้มองเห็นภาพนี้รู้สึกเหมือนหัวใจถูกโจมตีครั้งใหญ่ เขาโซเซวูบหนึ่งหวิดจะทำตนเองหกล้มหน้าคว่ำตาย!
เพียงครู่เดียวกงซุนฉางหลีกับยิ่นอ๋องก็มาถึงห้องศิลาด้วย พริบตาที่ทั้งสองคนได้ยินเสียงของจิ่งอวิ๋น พวกเขาก็ทราบแล้วว่าจิ่งอวิ๋นไม่เป็นอะไร ทว่าแม้จิ่งอวิ๋นจะไม่เป็นอะไร แต่สถานการณ์ตรงหน้าก็เกือบจะทำให้พวกเขาทั้งสองคนเป็นเรื่องเหมือนกัน!
เมื่อถึงระดับเดียวกับจักรพรรดิอสูร เขาย่อมไม่เหมือนราชันอสูรผู้เพิ่งเลื่อนขั้นที่ไม่รู้ว่าจะเก็บงำลมปราณอย่างไร จนต้องพึ่งกู่สลายปราณกว่าจะกดกำลังภายในของตนเองให้ลงมาต่ำกว่าระดับราชันอสูรได้ ลมปราณของจักรพรรดิอสูรจะเก็บจะปล่อยก็ได้ตามแต่ใจ ยามไม่ปล่อยออกมาข้างนอกก็ถึงขั้นสัมผัสไม่ได้ว่าเขาเป็นวรยุทธ์ด้วยซ้ำ
ผู้ที่มีกระแสพลังแข็งแกร่งแผ่ออกมาข้างนอกยังไม่เรียกว่าบรรลุระดับสุดยอด ผู้บรรลุระดับสุดยอดที่แท้จริงย่อมเก็บงำพลังของตนได้จนเหมือนคนธรรมดา แม้แต่ยอดฝีมือระดับกงซุนฉางหลีกับยิ่นอ๋องก็ยังจับลมปราณของอีกฝ่ายไม่ได้ ลองไถ่ถามทั่วใต้หล้า นอกจากจักรพรรดิอสูร ยังมีผู้ใดบรรลุถึงขั้นนี้อีกเล่า
ทว่าจะมีผู้ใดเคยเห็นจักรพรรดิอสูรคุกเข่าก้นโด่ง หมอบตัวกับพื้นดีดเม็ดไข่มุกบ้าง
นี่มันน่าตกตะลึงเกินไปแล้วเข้าใจหรือเปล่า!
หัวใจดวงน้อยของกงซุนฉางหลีกับยิ่นอ๋องเกือบแตกสลาย!
จิ่งอวิ๋นหมอบอยู่บนพื้น สองมือเท้าคางมองจักรพรรดิอสูรดีดไข่มุก เขาย่อมไม่รู้ว่าคนผู้นี้คือมารร้ายในตำนานผู้เคยฆ่าคนไปมากมายและเคยฆ่าล้างบางคนในลัทธิศักดิ์สิทธิ์ไปมากกว่าครึ่งคนนั้น ท่านลุงคนนี้ดีดลูกแก้วเก่งยิ่งนัก เขาชอบมาก
จิ่งอวิ๋นมองดูอยู่พักหนึ่ง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจึงเงยหน้าขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ ครานี้เขาจึงเห็นบุรุษสามคนที่ยืนตาโตอ้าปากค้างอยู่ที่ประตูห้องศิลา
เขาจำได้ว่าบุรุษที่สวมอาภรณ์ยาวสีขาวนวลคนนั้นบอกว่าจะจับตัวเขา!
จิ่งอวิ๋นเบิกตาโต ลุกพรวดขึ้นมายืน
ทั้งสามคนย่อมไม่คิดว่าจักรพรรดิอสูรทำตัวเช่นนั้นเพราะไม่รับรู้ถึงตัวตนพวกเขา นี่เป็นเพราะในสายตาของจักรพรรดิอสูร พลังของพวกเขาแทบจะมีค่าเท่ากับมดที่เดินผ่านทางมาตัวหนึ่งต่างหาก จะมีใครตื่นเต้นตกใจเพราะมดตัวหนึ่งเดินเข้ามาในบ้านบ้างเล่า เกรงว่าแม้แต่หนังตาก็คงจะไม่กะพริบสักครั้งด้วยซ้ำ
เย่ว์หวาเห็นจักรพรรดิอสูรเหมือนจะสงบอย่างยิ่ง ลูกตาของเขาจึงกลอกไปมาอย่างรวดเร็ว แววตาวาววับเอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “ผู้อาวุโส ข้าคือศิษย์ของลัทธิศักดิ์สิทธิ์ นามว่าเย่ว์หวา”
จักรพรรดิอสูรดีดไข่มุกต่ออย่างไม่สนใจเขา
เย่ว์หวายังไม่ตัดใจเอ่ยต่อว่า “นับดูแล้ว ข้าก็เป็นลูกศิษย์รุ่นหลังของท่าน ข้าชื่นชมผู้อาวุโสมานานแล้ว วันนี้ในที่สุดก็ได้พานพบ ช่างเป็นโชคดีสามชาติของเย่ว์หวาจริงๆ! เรื่องในวันนี้ จะว่าไปแล้วเย่ว์หวาก็มีส่วนผิด เย่ว์หวาไม่คอยดูเด็กน้อยผู้นี้ให้ดีปล่อยให้เขามารบกวนผู้อาวุโส เย่ว์หวารับประกันกับผู้อาวุโสว่าหลังจากนี้จะไม่มีข้อผิดพลาดเช่นนี้เกิดขึ้นอีก”
เขาพร่ำพูดยาวเฟื้อย แต่จักรพรรดิอสูรไม่มองเขาตรงๆ แม้แต่หนเดียว
เย่ว์หวามองจักรพรรดิอสูรแล้วทำหน้าเหมือนขบคิดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้จึงยิ้มน้อยๆ ล้วงถุงผ้าไหมใบน้อยออกมาจากแขนเสื้อกว้าง “ผู้อาวุโสชอบไข่มุกราตรีหรือ ที่ตัวข้าก็มีอยู่หลายเม็ด หากผู้อาวุโสไม่รังเกียจ เชิญหยิบไปเล่นเถิด”