หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 36-2 จิ่งอวิ๋นพบจักรพรรดิอสูร (3)
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 36-2 จิ่งอวิ๋นพบจักรพรรดิอสูร (3)
ตอนที่ 36-2 จิ่งอวิ๋นพบจักรพรรดิอสูร (3)
จิ่งอวิ๋นเมียงมองเย่ว์หวา จากนั้นก็หันไปมองจักรพรรดิอสูร ในใจเขาไม่อยากให้ท่านลุงรับของจากท่านอาคนชั่วคนนี้ เขารู้สึกว่าท่านอาคนชั่วจะลักพาตัวท่านลุงไป หากเป็นเช่นนั้นเขาจะอันตรายมากๆ
ทว่าลูกไม้นี้ใช้ได้ผลจริงๆ จักรพรรดิอสูรหยุดการเคลื่อนไหวแล้วหันไปมองเย่ว์หวาอย่างช้าๆ
เย่ว์หวาเป็นบุรุษผู้มีทรัพย์สมบัติส่วนตัวมากที่สุดในลัทธิศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด ของที่เขาใช้ไม่มีสิ่งใดไม่งามวิจิตร แม้แต่ตำหนักก็ยังสร้างจนเหมือนวังเทพเซียน ไข่มุกราตรีที่เอาออกมาย่อมไม่งดงามธรรมดา
ไข่มุกในมือเขาแต่ละเม็ดกลมโตผิวเกลี้ยงแวววาว อีกทั้งยังมีหลากหลายสีและฝังแผ่นทองให้ยิ่งเป็นประกายสะดุดตา
เย่ว์หวาเห็นดวงตาของจักรพรรดิอสูรฉายแววสนใจเล็กน้อยก็ดีใจจนหน้าบาน เขาก้าวเข้าไปหาจักรพรรดิอสูรทีละก้าว
จักรพรรดิอสูรไม่กีดกันตอนเขาเดินเข้ามาใกล้
นี่ทำให้เขามีความกล้าเพิ่มขึ้นมาสามส่วน
ที่แท้การซื้อใจจักรพรรดิอสูรคนหนึ่งก็ใช้ไข่มุกงามๆ เพียงไม่กี่เม็ดก็พอแล้ว นี่ดีเหลือเกินจริงๆ เพราะในตำหนักของเขายังมีไข่มุกที่งามยิ่งกว่านี้อีกมาก ขอเพียงจักรพรรดิอสูรชอบ เขาจะขนไข่มุกทั่วใต้หล้ามามอบให้อีกฝ่าย
ฮ่าๆ จักรพรรดิอสูรเป็นของเขาแล้ว
มีจักรพรรดิอสูรอยู่ ยังต้องกลุ้มว่าจะจัดการอวิ๋นจู จัดการจีหมิงซิวกับจั๋วหม่าน้อยไม่ได้อีกหรือ!
หัวใจของเย่ว์หวาลิงโลดจนไม่อาจใช้ถ้อยคำใดพรรณนาออกมาได้ เพราะเขาตื่นเต้นยินดีมากเกินไปจึงทำให้เขาไม่ทันสังเกตสิ่งเล็กๆ ที่อยู่บนพื้น เขาเหยียบลงไปเต็มเท้า
กร็อบ!
จิ่งอวิ๋นมองใต้ฝ่าเท้าของเขาอย่างงุนงง ที่แท้บนพื้นยังมีถั่วเคลือบน้ำตาลอยู่อีกเม็ดหนึ่ง
นี่เป็นเม็ดสุดท้ายแล้ว คราวนี้ไม่มีแล้วจริงๆ…
จักรพรรดิอสูรสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที ลมปราณที่แต่เดิมเก็บงำไว้จนไม่เล็ดลอดออกมาแม้แต่หยดเดียวจู่ๆ ก็เหมือนปริร้าว ลมปราณอันแข็งแกร่งเย็นยะเยือกสายหนึ่งซัดโถมเข้ามาท่วมศีรษะท่วมใบหน้าของเย่ว์หวา
เย่วหวาถูกกระแทกปลิวออกไปทั้งตัว พลังมหาศาลส่งเขากระแทกทะลุเพดานถ้ำชั้นแล้วชั้นเล่า คนที่เหลือหันไปมองเขาอย่างพร้อมเพรียง จนกระทั่งเขาทำให้สุสานทะลุเป็นรูขนาดใหญ่ลอยฟิ้วหายไปบนท้องฟ้ายามราตรี…
หลังจากนั้นยิ่นอ๋องส่งศิษย์ทั้งหมดของลัทธิศักดิ์สิทธิ์ออกไปตามหาสามวันสามคืนก็ยังตามหาไม่พบว่าเย่ว์หวาถูกจักรพรรดิอสูรซัดจนลอยไปตกที่ซอกมุมไหน…
แน่นอนว่านั่นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายหลัง
ตอนนี้ไม่มีผู้ใดสนใจเย่ว์หวา
กงซุนฉางหลีหันไปมองจิ่งอวิ๋น แล้วเอ่ยเสียงเบา “จิ่งอวิ๋น มานี่ ข้าเป็นสหายของบิดาเจ้า ข้าจะพาเจ้ากลับบ้าน”
จิ่งอวิ๋นไม่รู้จักกงซุนฉางหลี
จิ่งอวิ๋นรู้จักยิ่นอ๋อง
ยิ่นอ๋องผู้มักจะแย่งทำตัวเป็นลูกชายแข่งกับเขา
จิ่งอวิ๋นไม่ไปหาหรอก
“จิ่งอวิ๋นไม่ต้องกลัว” กงซุนฉางหลีลองก้าวหยั่งเชิงไปข้างหน้าหนึ่งก้าว
จิ่งอวิ๋นมองเขาอย่างระแวง จากนั้นโถมตัวเข้าไปในอ้อมแขนของจักรพรรดิอสูร
กงซุนฉางหลีกับยิ่นอ๋องหน้าถอดสีพร้อมกัน เด็กคนนี้โง่หรือไร จักรพรรดิอสูรใช่คนที่เจ้าจะโถมตัวเข้าใส่ได้หรือ
ชั่วพริบตาที่จิ่งอวิ๋นโถมตัวเข้าไปในอ้อมแขนของจักรพรรดิอสูร บรรยากาศรอบตัวจักรพรรดิอสูรก็เย็นยะเยือกลงอย่างรวดเร็วจริงๆ โ
กงซุนฉางหลีหน้าถอดสี “แย่แล้ว!”
กล่าวจบเขาก็คลายจุดลมปราณของตนเองทันที กำลังภายในลึกล้ำถ่ายเทจากจุดตันเถียนไปตามเส้นลมปราณ เขาคว้าตัวยิ่นอ๋องจากนั้นใช้วิชาตัวเบาเหินออกไปตามรูที่เย่ว์หวาทะลุออกไป
ทั้งสองคนหนีเร็วถึงเพียงนี้แล้ว ทว่าชั่วพริบตาที่ร่อนลงบนพื้น หน้าอกก็ยังเจ็บแปลบกระอักเลือดออกมาหนึ่งคำ
อึดใจต่อมาด้านหลังก็มีเสียงระเบิดดังสนั่นลอยมา
ทั้งสองคนหันหน้าไปมองก็เห็นสุสานที่แต่เดิมใช้สะกดจักรพรรดิอสูรพังทลายดังครืนโครมในชั่วพริบตา ท่ามกลางซากปรักหักพังและฝุ่นดินฟุ้งตลบ บุรุษร่างสูงใหญ่ท่าทางอันตรายคนหนึ่งอุ้มเด็กน้อยคนหนึ่งเดินออกมาพร้อมกับสีหน้าเย็นชา
เขาเหมือนอสุราที่มาจากนรก เหมือนมารร้ายแห่งรัตติกาล ทั่วร่างมีบรรยากาศแห่งความตายแผ่ซ่าน
ในอ้อมแขนของเขาอุ้มเด็กน้อยอยู่คนหนึ่ง เขาใช้ผ้าคลุมกันลมของตนห่อเด็กน้อยเอาไว้แน่นจนโผล่ออกมาเพียงดวงตากลมโตสีดำขลับ ดวงตาโตคู่นั้นกะพริบตาปริบๆ อย่างสงสัยใคร่รู้และตื่นเต้นยินดีที่ตนเองออกมาได้ในที่สุด ไม่รู้ตัวสักนิดว่าคนที่กำลังอุ้มตนเองอยู่เป็นมารร้ายที่เคยเข่นฆ่าผู้คน
เมฆดำทะมึนบนท้องฟ้าคล้ายจะลอยลงมาต่ำ อากาศหยุดนิ่งจนทั้งสองคนแทบจะหายใจไม่ออก
ยิ่นอ๋องไม่อยากเชื่อว่ามารร้ายที่เข่นฆ่าผู้คนตนนี้จะออกมาแล้วจริงๆ เขากุมหน้าอกที่เจ็บปวดแล้วเอ่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ไหนว่ามีค่ายกลสะกดไว้ เขาจึงออกมาไม่ได้อย่างไรเล่า”
กงซุนฉางหลีตอบว่า “ค่ายกลทลายแล้ว”
คิ้วของยิ่นอ๋องขมวดแน่นขึ้นกว่าเดิม “ทลายได้อย่างไรกัน”
ทลายได้อย่างไรหรือ กงซุนฉางหลีหัวเราะหยัน “ไข่มุกสะกดวิญญาณที่เป็นตัวเปิดการทำงานของค่ายกลพวกนั้นถูกจิ่งอวิ๋นหยิบมาดีดเป็นลูกแก้วหมดแล้ว ท่านคิดว่าอย่างไรเล่า”
ยิ่นอ๋องบื้อใบ้แล้ว
ต่อให้เขาไม่รู้เรื่องรู้ราวอีกเท่าใดก็ทราบว่าไข่มุกพวกนั้นไม่ใช่ว่าใครก็จะหยิบออกมาได้ง่ายๆ หากเป็นเช่นนั้น เจ้าลัทธิคงปล่อยจักรพรรดิอสูรออกมาก่อเภทภัยกับสรรพชีวิตนานแล้ว
ยิ่นอ๋องหันไปมองจิ่งอวิ๋นอีกครั้งอย่างห้ามตนเองไม่ได้ ทว่าจิ่งอวิ๋นกลับกระชับผ้าคลุมกันลมแล้วซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนของจักรพรรดิอสูร
จักรพรรดิอสูรกอดจิ่งอวิ๋นแล้วเดินไปทางรูปสลักหิน
กลไกของรูปสลักหินยังอยู่ มันไม่ได้ผูกติดอยู่กับค่ายกล กลไกเหล่านี้เป็นเพียงกลไกเท่านั้น
จักรพรรดิอสูรทำลายรูปสลักหินทีละรูปๆ โดยที่ตาไม่กะพริบสักนิด
พลังระดับนี้ทำให้ยิ่นอ๋องสูดลมหายใจดังเฮือกด้วยความตกตะลึง!ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
ยิ่นอ๋องจ้องจักรพรรดิอสูรเขม็ง เมื่อเขานึกอะไรขึ้นมาได้ ก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าซับซ้อน “เขาดูเหมือนไม่มีความคิดจะทำร้ายจิ่งอวิ๋น เขาเลือกเจ้านายแล้วหรือ”
กงซุนฉางหลีเอ่ยด้วยท่าทางครุ่นคิด “อาจจะซาบซึ้งที่จิ่งอวิ๋นช่วยเขาก็ได้”
หากพวกเขารู้ว่าหลังจากพวกเขาหนีออกไป จิ่งอวิ๋นพูดอะไรกับจักรพรรดิอสูร พวกเขาจะต้องไม่คิดเช่นนั้นแน่
ภายในห้องศิลา จิ่งอวิ๋นเห็นท่านลุงโมโหมากถึงเพียงนั้นก็ปลอบเขาว่า “ท่านอย่าโกรธเลย ที่บ้านข้ายังมีถั่วเคลือบน้ำตาลอีกมากนัก”
ดังนั้นความจริงแล้วที่จักรพรรดิอสูรรีบร้อนออกมาขนาดนี้เพราะว่าจะไปขอกินถั่วเคลือบน้ำตาลต่างหากเล่า!