หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 37-2 จิ่งอวิ๋นพบจักรพรรดิอสูร (4)
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 37-2 จิ่งอวิ๋นพบจักรพรรดิอสูร (4)
ตอนที่ 37-2 จิ่งอวิ๋นพบจักรพรรดิอสูร (4)
ระหว่างทางไปเรือนหลังเล็ก จิ่งอวิ๋นเล่าเรื่องที่ว่าคืนนี้เขาหายตัวไปได้อย่างไร แล้วถูกพาตัวไปเกาะอิ๋นหูได้อย่างไรให้เฉียวเวยฟัง จิ่งอวิ๋นไม่รู้ว่าสถานที่แห่งนั้นคือลัทธิศักดิ์สิทธิ์ เขาจำได้ว่ามันเป็นเกาะที่เขาเคยเดินทางไปเยือนเมื่อตอนที่เขาดื่มสุราจนเมา
เฉียวเวยได้ยินคำว่าเกาะแห่งนั้นก็รู้ว่าจิ่งอวิ๋นไปที่ลัทธิศักดิ์สิทธิ์มาอีกแล้ว ไม่รู้จริงๆ ว่าควรพูดว่าลูกชายโชคไม่ดีหรือลูกชายโชคดีกันแน่ หากบอกว่าเขาโชคดี เขาก็หลงเข้าไปถ้ำเสื้อรังหมาป่ามาอีกรอบแล้ว แต่หากจะบอกว่าเขาโชคไม่ดี เขาก็กลับมาอย่างปลอดภัยไร้อันตรายได้อีกหนแล้ว
ต้องทราบว่าเย่ว์หวาไม่ใช่คนที่หาเรื่องด้วยง่ายอะไร การหนีรอดมาจากมือของเขาไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เฉียวเวยก็ยิ่งรู้สึกขอบคุณท่านลุงที่เข้ามาช่วยเหลืออย่างกล้าหาญทันเวลาคนนี้
ท่านลุงคนนี้เหมือนจะเป็นใบ้ ตลอดทางไม่พูดไม่จา เฉียวเวยก็ไม่สะดวกจะล่วงเกินผู้อื่น
ส่วนตัวตนของ ‘ท่านลุง’ น่ะหรือ แม้เฉียวเวยจะรู้ว่าเขาเป็นคนที่อาศัยอยู่บนเกาะอิ๋นหู แต่เฉียวเวยจะโยงเขาไปถึงตัวจักรพรรดิอสูรได้อย่างไรกันเล่า
ประการแรก จักรพรรดิอสูรเป็นมารร้ายที่รู้จักแต่การเข่นฆ่าผู้คน ลูกน้อยของตนตกไปอยู่ในมือของเขายังจะถูกส่งกลับมาอย่างปลอดภัยได้อีกหรือ
ประการที่สอง จักรพรรดิอสูรถูกสะกดไว้ภายในค่ายกลและกลไกซับซ้อนหลายชั้น จะหนีออกมาหรือ ไม่มีทางเป็นไปได้!
ประการสุดท้ายคือจุดที่สำคัญที่สุด บนร่างเขาไม่มีกลิ่นอายของนักรบมรณะแม้แต่น้อย จะเป็นจักรพรรดิอสูรได้อย่างไรเล่า
นี่บ่งชัดว่าเขาเป็นแค่…เป็นแค่…
ขณะที่เฉียวเวยเค้นสมองทุกหยาดหยดขบคิดตัวตนของอีกฝ่าย พวกเขาก็ข้ามสะพานไม้ที่เพิ่งต่อขึ้นมาใหม่เข้ามาในเรือนที่อาศัยชั่วคราวแล้ว
ราชันอสูรสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คนธรรมดาสัมผัสไม่ได้ แววตาเขาเย็นยะเยือกยกกำปั้นขึ้นมาต่อยใส่แขกที่ไม่ได้รับเชิญอย่างรวดเร็ว!
ราชันอสูรเร็วมาก ตอนที่เฉียวเวยรู้สึกตัวว่าเขาพุ่งออกมาพร้อมกับไอสังหารเต็มเปี่ยม ต่อให้นางคิดจะร้องห้ามเขาก็ไม่ทันเสียแล้ว กำปั้นของเขาประชิดตัวจักรพรรดิอสูรแล้ว
นี่คือผู้มีพระคุณของลูกชายเชียวนะ!
ถูกราชันอสูรโจมตีกระบวนท่าเดียวตายไปจะทำอย่างไร!
ทว่าสิ่งที่ทำให้เฉียวเวยตาโตอ้าปากค้างก็คือ ราชันอสูรที่กำลังจะต่อยถูกจักรพรรดิอสูรอย่างจังจู่ๆ กลับตัวสั่นสะท้านวูบหนึ่งแล้วล้มโครมลงไปกับพื้นราวกับถูกบางสิ่งโจมตีอย่างสายฟ้าแลบ
เฉียวเวยมองราชันอสูรแล้วหันไปมองจักรพรรดิอสูรที่ยังมีท่าทางสบายๆ จู่ๆ นางก็คิดอะไรออกแล้ว!
อาศัยอยู่ที่ลัทธิศักดิ์สิทธิ์ บนตัวไม่มีกลิ่นอายของนักรบมรณะ แต่กลับหยุดกระบวนท่าของราชันอสูรได้ นี่บ่งชัดว่าเขาจะต้องเป็น…
นักเวทศักดิ์สิทธิ์!
แล้วยังเป็นนักเวทศักดิ์สิทธิ์ที่ร้ายกาจเทียมเท่าอวิ๋นจูอีกด้วย!
ราชันอสูรไม่ชอบนักเวทศักดิ์สิทธิ์ อวิ๋นจูแตกฉานความสามารถของนักเวทศักดิ์สิทธิ์ บนร่างย่อมมีกลิ่นอายของนักเวทศักดิ์สิทธิ์อยู่บางส่วน ดังนั้นหนแรกที่พบหน้าอวิ๋นจู ราชันอสูรจึงเข้ามาโจมตีอวิ๋นจู ผลปรากฏว่ากลับถูกอวิ๋นจูใช้กระบวนท่าเดียวกดลงไปกับพื้น
นี่ นี่จะต้องเป็นนักเวทศักดิ์สิทธิ์อย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว! โ
แม้เฉียวเวยจะมีความประทับใจที่ไม่ดีนักกับนักเวทศักดิ์สิทธิ์เพราะเรื่องของสือชีกับราชันอสูร แต่เฉียวเวยไม่มีทางมองคนเหมารวมเป็นพวกเดียวกันหมด ตัวอย่างเช่นราชครู แล้วก็ตัวอย่างเช่นผู้มีพระคุณที่ช่วยเหลือลูกชายของตนเอาไว้คนนี้
ราชันอสูรคลานลุกขึ้นมาจากองหิมะพร้อมกับสีหน้าดำทะมึน เขาเพิ่งยืนได้มั่นคงก็ได้ยินเฉียวเวยถามจักรพรรดิอสูรอย่างยินดีปรีดาว่า “ข้ารู้แล้ว ท่านจะต้องเป็นนักเวทศักดิ์สิทธิ์แน่ๆ!”
ราชันสูรเซวืดล้มหน้าคว่ำไปอีกหน!
เฉียวเวยเตรียมห้องสะอาดห้องหนึ่งไว้ให้จักรพรรดิอสูร “แต่เดิมอยู่กันทางด้านโน้น แต่คืนนี้เกิดเรื่องนิดหน่อย ต้องทนอยู่ที่นี่ไปก่อนสักคืน ท่านนักเวทศักดิ์สิทธิ์อย่าได้รังเกียจ”
จิ่งอวิ๋นยังจำได้ว่าตนเองพาจักรพรรดิอสูรกลับมาทำอะไร เขาจับมือเรียวเล็กของมารดาแล้วบอกว่า “ท่านแม่ ยังมีถั่วเคลือบน้ำตาลอีกหรือไม่ขอรับ”
ดวงตาของจักรพรรดิอสูรเป็นประกาย
ความจริงเรือนหลังนี้ไม่มีถั่วเคลือบน้ำตาลอะไรแล้ว ส่วนที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่เม็ดก็ถูกเจ้าตุ้ยนุ้ยเลียไว้หมด เฉียวเวยจึงไปทำที่ห้องครัวให้เดี๋ยวนั้น
แม้จะพบ ‘พายุ’ ลูกเล็กๆ แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบมาถึงห้องครัวของเรือนฟางชุ่ยหยวน วัตถุดิบยังอยู่ครบดี เฉียวเวยทอดถั่วเคลือบน้ำตาลหอมฉุยจานใหญ่ยกมาที่เรือนหลังน้อย
วุ่นวายอยู่ทั้งคืนจนฟ้าใกล้สว่าง เฉียวเวยคิดว่าจิ่งอวิ๋นจะไปนอนพัก แต่เมื่อเข้ามาในห้องกลับเห็นเขายังนั่งอยู่ข้างกายจักรพรรดิอสูร ทั้งสองคนวางไข่มุกสารพัดสีจำนวนหลายลูกไว้บนโต๊ะด้านหน้า
เฉียวเวยวางถั่วเคลือบน้ำตาลลงบนโต๊ะ
แน่นอนว่านางไม่ได้ทำมาแค่ถั่วเคลือบน้ำตาล แต่ยังทำรังนกเชื่อม โจ๊กลูกเดือยแล้วยังมีหมั่นโถวขาวนุ่มนิ่มอีกหลายก้อน
จิ่งอวิ๋นเองก็หิวอยู่บ้างเหมือนกัน เขาจึงกินด้วยกันกับจักรพรรดิอสูร
ทั้งสองคนกินไปๆ ฟ้าก็เริ่มทอแสงสว่างสลัวๆ
เจ้าตุ้ยนุ้ยถูกอาการปวดชิ้งฉ่องปลุกให้ตื่นอีกแล้ว นางกระโดดลงจากเตียงแล้วเดินงัวเงียไปจัดการธุระส่วนตัว หลังจากปลดเบาเสร็จกลับมาที่ห้องก็ได้กลิ่นหอมที่ชวนให้คนอยากเคี้ยวตุ้ยๆ
แมลงขี้เซายังไม่ตื่น แต่แมลงตะกละตื่นขึ้นมาแล้ว
นางเดินสะลึมสะลือเข้ามาในห้องของจักรพรรดิอสูร แล้วปีนขึ้นมาบนม้านั่งตัวหนึ่ง ด้านซ้ายคือพี่ชาย ด้านขวาคือจักรพรรดิอสูร
นางหยิบถั่วเคลือบน้ำตาลขึ้นมาหนึ่งเม็ดแล้วยัดเข้าปากทั้งที่ยังสะลึมสะลือจากนั้นก็เคี้ยวดังกร้วมๆ!
จักรพรรดิอสูรยกจานถั่วเคลือบน้ำตาลหนี แล้วขมวดคิ้วใส่นาง
จิ่งอวิ๋นแนะนำว่า “น้องสาวของข้าเองขอรับ”
จานถูกจักรพรรดิอสูรยกหนีไปแล้ว วั่งซูหลับตาคลำอยู่นานก็คลำไม่พบ จักรพรรดิอสูรวางจานกลับลงไป นางคลำเจอแล้วจึงเริ่มเคี้ยวกร้วมๆ อีกครั้ง
ด้านนี้ทั้งสามคนกำลังกินถั่วเคลือบน้ำตายเสียงดังกร้วมๆ แต่อีกด้านหนึ่งราชันอสูรยืนอยู่กับสือชี
ทั้งสองคนยืนอยู่ตรงที่ว่างด้านนอกประตู มองภาพภายในห้องตาปริบๆ
ราชันอสูร อยากแย่งถั่วเคลือบน้ำตาลมานักเชียว…
สือชี อยากแย่งวั่งซูมานักเชียว…
แต่มันสู้ไม่ได้น่ะสิ สู้ไม่ได้…
จิ่งอวิ๋นเหนื่อยแล้วจริงๆ ระหว่างที่เขากินอยู่เขาก็ฟุบหลับไปบนโต๊ะ
เฉียวเวยสงสัยอย่างหนักว่าเจ้าตุ้ยนุ้ยอาจจะยังไม่ตื่น นางหลับตากินอาหารอยู่อย่างนั้น แต่พอบอกให้นางลุกไป นางก็ไม่ยอมไป
เฉียวเวยอุ้มจิ่งอวิ๋นกลับห้องไปก่อน
พอนางไป ราชันอสูรกับสือชีก็เริ่มปฏิบัติการ
ก่อนอื่นราชันอสูรขโมยกระบี่ขจัดมารเล่มนั้นของอวิ๋นจูมา จากนั้นก็วิ่งไปแทงจักรพรรดิอสูร แต่กลับถูกจักรพรรดิอสูรตบจนปลิวออกไป
จากนั้นสือชีก็แอบวิ่งเข้าไปในห้องอย่างเงียบเชียบ หมายจะไปขโมยตัววั่งซูตัวน้อย แต่ก็ถูกจักรพรรดิอสูรตบปลิวไปเช่นกัน
หลังจากตบคนเสร็จจักรพรรดิอสูรก็นึกเสียใจ
เขาคิดว่าสือชีจะมาแย่งถั่วเคลือบน้ำตาลนี่นา!
หนึ่งเค่อหลังจากนั้นสือชีก็มาปรากฏตัวที่ศาลาที่เขามานั่งไม่พลาดสักวัน บนโต๊ะในศาลามีเนื้อจานโตวางเรียงรายเต็มโต๊ะ
ราชันอสูรผู้เลือกกินและไม่ยอมกินเนื้อก็มาปรากฏตัวที่ศาลาเหมือนกันด้วย
ทั้งสองคนชนหมัด ต่างคนต่างหยิบเนื้อชิ้นที่ใหญ่ที่สุด มันที่สุด เสริมพละกำลังได้มากที่สุดมากัดกินอย่างกล้ำกลืนความอัปยศ