หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 40 บิดาบุตรสาวพบหน้า (1)
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 40 บิดาบุตรสาวพบหน้า (1)
ตอนที่ 40 บิดาบุตรสาวพบหน้า (1)
ในเทือกเขาหมั่งฮวง แม้อวิ๋นจูกับไห่สือซานจะถูกลมปราณสายนี้โจมตีเช่นกัน แต่พวกเขาสัมผัสได้เพียงแวบเดียว มันจึงทำให้พวกเขาสั่นสะท้านทั้งที่ไร้ความหนาวเท่านั้น
ไห่สือซานยังไม่เคยสัมผัสลมปราณที่แข็งแกร่งเท่านี้มาก่อน ไม่ถูกสิ เขาถามอย่างหวาดกลัว “นี่มันเกิดอะไรขึ้น รา…”
เขาคิดจะเอ่ยว่ารานีอสูร แต่แล้วเขาก็คิดได้ว่ารานีอสูรไม่น่าจะมีลมปราณที่แข็งแกร่งเท่านี้ หรือว่า…รานีอสูรจะเลื่อนขั้นอีกแล้ว
อวิ๋นจูเดาความคิดของไห่สือซานได้อย่างแม่นยำ นางส่ายหน้าสีหน้าเคร่งขรึม “ไม่ใช่รานีอสูร แต่เป็นอวิ๋นซู่”
“อวิ๋นซู่หรือ” นามนี้ประหนึ่งสายฟ้าฟาดใส่หู แม้ไห่สือซานจะเคยได้ยินมาเพียงครั้งเดียวเขาก็จดจำได้อย่างแม่นยำ ใครให้เขาแซ่อวิ๋น แล้วใครให้เขาเป็นเจ้าลัทธิของลัทธิศักดิ์สิทธิ์เล่า
เนื่องจากเรื่องชั่วช้าที่พ่อลูกหมาป่าตาขาวตระกูลอวิ๋นคู่นั้นทำกับอวิ๋นจูสองพ่อลูก ไห่สือซานจึงมีภาพจำเกี่ยวกับอวิ่นซู่ไม่ดีเท่าไรนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลมปราณของเจ้าหมอนี่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ แข็งแกร่งยิ่งกว่าราชันอสูรเสียอีก ไห่สือซานรู้สึกขนลุกไปทั้วร่าง ทั้งหวั่นเกรงแล้วก็ชิงชัง “เขาเก็บตัวฝึกวิชาอยู่ไม่ใช่หรือ เร็วขนาดนี้ก็เลิกเก็บตัวแล้วหรือไร”
อวิ๋นจูพยักหน้า “เกรงว่าเขาคงจะออกมาแล้ว”
ยังห่างจากวันที่จะเลิกเก็บตัวฝึกวิชาอย่างเป็นทางการอีกหลายวัน แต่ดูเหมือนเขากำลังเตือนใครสักคนอยู่
พวกเขาหรือ
ในสมองของอวิ๋นจูเพิ่งจะมีความคิดผุดขึ้นมา ทันใดนั้นนางก็สัมผัสได้ถึงลมปราณที่ไม่ด้อยกว่าของอวิ๋นซู่สักนิดมาจากทิศทางที่ตั้งจวนมู่อ๋อง ลมปราณที่แฝงความรู้สึกเย็นยะเยือกอันไร้ที่สุดสุดสายนั้นกดลมปราณของอวิ๋นซู่กลับไปได้อย่างง่ายดาย
ลมปราณสายนี้ทำให้คนที่สัมผัสมันรู้สึกไม่ดีนัก ไห่สือซานรู้สึกเหมือนหนังหัวของตนถูกมีดคมกริบบางๆ เล่มหนึ่งกรีดผ่านไป ความรู้สึกเช่นนี้ช่างไม่ปกติเลยจริงๆ เขาถึงขั้นยกมือขึ้นมาลูบกระหม่อมของตนเองเพราะอยากรู้ว่ามันยังอยู่จริงหรือไม่
กล่าวกันว่ายอดฝีมือประมือ หายนะย่อมตกใส่หัวปลาทั่วทั้งสระน้ำ แม้เขาจะไม่ใช่ปลาในสระน้ำ แต่ก็เกือบจะถูกลมปราณของทั้งสองคนเล่นงานจนตายเช่นกัน
เขาไม่กล้าจินตนาการเลยว่าหากคนใดคนหนึ่งใช้กระบวนท่าเล่นงานเขา เขาจะมีจุดจบอย่างไร
ไห่สือซานขนลุกซู่ ขยับตัวเข้าไปใกล้อวิ๋นจูอย่างไม่สนว่าจะขายหน้าสักนิด
อวิ๋นจูไม่ชอบให้คนนอกมาอยู่ใกล้ตนเองโดยเฉพาะผู้ชาย ทว่าเวลานี้นางกลับไม่สนใจเรื่องที่ไห่สือซานขยับมาใกล้ นางกำลังมองไปยังทิศทางที่ตั้งจวนมู่อ๋องอย่างนิ่งอึ้ง ในดวงตามีแววตาสับสนงุนงงปรากฏขึ้นมาจางๆ
ไห่สือซานมองนาง “คนผู้นั้นเมื่อครู่…คือราชันอสูรหรือ”
แม้เขาจะไม่คิดว่าราชันอสูรจะมีลมปราณที่น่ากลัวถึงเพียงนั้น แต่นอกจากราชันอสูร จวนมู่อ๋องก็ไม่มียอดฝีมือที่ร้ายกาจกว่าแล้วนี่ ดังนั้นหากไม่ใช่ราชันอสูรโต้กลับอวิ๋นซู่ แล้วจะเป็นผู้ใดได้อีกเล่า
“จักรพรรดิอสูร” อวิ๋นจูตอบ
ไห่สือซานตะลึง “จักร จักรพรรดิอสูรหรือ ไม่ใช่ว่าเขา…”
ไห่สือซานมองไปทางลัทธิศักดิ์สิทธิ์ แล้วหันกลับไปมองจวนมู่อ๋อง จากนั้นจึงถามอย่างตกตะลึงอย่างยิ่ง “เขาถูกสะกดอยู่ที่เกาะอิ๋นหูไม่ใช่หรือไร เหตุใดจึงวิ่งไปที่จวนอ๋องได้เล่า”
เรื่องนี้เกรงว่าต้องถามจักรพรรดิอสูรเองแล้ว
แค่ช่วงเวลาที่ออกมาตามหาเด็กน้อยคนหนึ่ง ที่จวนมู่อ๋องก็มีจักรพรรดิอสูรโผล่มาคนหนึ่ง เด็กน้อยอยู่ในมือเย่ว์หวา อย่างน้อยก็ยังรับประกันได้ว่าปลอดภัย แต่ผู้คนในจวนอ๋องตกอยู่ในมือของจักรพรรดิอสูร เกรงว่าคงจะโชคร้ายมากกว่าโชคดี
เมื่อคิดได้เช่นนี้ อวิ๋นจูจึงตัดสินใจเปลี่ยนทางกลับไปที่จวนอ๋อง
ภายในจวนอ๋อง ทุกสิ่งกลับมาสงบแล้ว ทุกคนเริ่มวุ่นวายกับงานของตนเองอีกครั้ง เมื่อผ่านคมดาบคาวโลหิตจนคุ้นชิน ทุกวันเดินเฉียดใกล้ประตูผีวันละสองรอบแต่ไม่เป็นอะไร แม้แต่บ่าวรับใช้ที่ไม่รู้สถานการณ์เหล่านั้นก็ยังเริ่มใจกล้าเหมือนได้กินดีเสือต่อให้อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่รู้อะไรเลยก็ตาม
เรือนฟางชุ่ยหยวนยังทำงานอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยเช่นเดิม
ฮองเฮาเยี่ยหลัวยัง ‘ขัง’ ยิ่นอ๋องไว้ในห้องของตนเอง จู่ๆ ยิ่นอ๋องก็นึกเสียใจที่ตนเองไม่กลับลัทธิศักดิ์สิทธิ์ไปเสีย ตอนนี้อยากจะผละตัวจากไปก็ไม่ได้แล้ว…
อีกด้านหนึ่งจักรพรรดิอสูรกับจิ่งอวิ๋นนั่งอยู่ในลานบ้าน อ่านตำราไปพลางกินถั่วเคลือบน้ำตาลไปพลาง
จักรพรรดิอสูรมีถั่วเคลือบน้ำตาลของตนเองจานหนึ่ง เฉียวเวยทอดถั่วเคลือบน้ำตาลมาให้จิ่งอวิ๋นอีกจานหนึ่ง จิ่งอวิ๋นกินช้ามาก ทว่าถั่วหนึ่งจานนี้กลับร่อยหรอลงอย่างรวดเร็ว เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
จักรพรรดิอสูรกำลังอ่านตำราอย่างเพลิดเพลิน
จิ่งอวิ๋นอ่านตัวอักษรเยี่ยหลัวออกแล้ว เขาค้นพบว่าตำราของท่านลุงกลับหัวอยู่ แต่จิ่งอวิ๋นรู้สึกว่าเขาร้ายกาจมาก เพราะขนาดกลับหัวก็ยังอ่านเข้าใจ เขาจะต้องเก่งเกาจไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!
ไม่นานจูเอ๋อร์ก็เดินออกมาจากในห้อง
นางสวมอาภรณ์สีขาวนวลตัวน้อยที่ปิงเอ๋อร์เย็บให้ใหม่ บนศีรษะหวีขนมัดเป็นมวยตึงเปรี๊ยะลูกน้อย ประดับปิ่นหยกจิ๋วเล่มหนึ่งซึ่งความจริงคือต่างหูหยกชิ้นน้อยของปิงเอ๋อร์
มือขวาของจูเอ๋อร์ยกถั่วเคลือบน้ำตาลจานน้อยจานหนึ่งออกมา มือซ้ายถือตำราไม้ไผ่จิ๋วหนึ่งเล่ม ตำราไม้ไผ่ขนาดเท่าฝ่ามือสองข้างของลิงตัวนี้เป็นสิ่งที่ปิงเอ๋อร์ทำให้มันเช่นกัน พักนี้เฉียวเจิงยุ่งเหลือเกิน จึงไม่มีเวลาสนใจมันเท่าไร
จูเอ๋อร์ก้าวเดินมาประหนึ่งเทพเซียนแล้วนั่งลงข้างตัวจักรพรรดิอสูร สองมือถือตำราไม้ไผ่ที่ความจริงไม่มีอะไรเขียนอยู่บนนั้นขึ้นมาอ่านอย่างเพลิดเพลิน
ตอนที่อวิ๋นจูกลับมาถึงจวนอ๋อง นางก็เห็นคนตัวใหญ่กับเจ้าสองตัวจ้อยนั่งอยู่บนเก้าอี้หวายในลานบ้าน คนหนึ่งกินถั่วเคลือบน้ำตาล คนหนึ่งอ่านตำรา คนหนึ่งกินถั่วเคลือบน้ำตาลไปอ่านตำราไป ทั่วทั้งเรือนมีเสียงกร้วมๆ อันคุ้นเคยดังลั่นเต็มไปหมด รวมไปถึง…กลิ่นอายของบัณฑิตคงแก่เรียนที่ทำให้คนรู้สึกแปลกประหลาดสายหนึ่ง
จิ่งอวิ๋นกลับมาแล้ว อวิ๋นจูรู้สึกโล่งอก
หลังจากนั้นฝีเท้าของอวิ๋นจูก็ชะงัก สายตาจับอยู่บนร่างของบุรุษอาภรณ์สีขาวที่มีบรรยากาศดุจเทพเซียนคนนั้น
ไห่สือซานเห็นบุรุษคนนี้แล้ว แต่เขาไม่กล้าคาดเดาเกี่ยวกับตัวตนของจักรพรรดิอสูรจริงๆ เขาเหลือบดูภายในลานบ้าน จากนั้นถามอวิ๋นจูเสียงเบา “อวิ๋นฮูหยิน จักรพรรดิอสูรอยู่ที่ใดเล่า พวกเราเข้าใจผิดใช่หรือไม่”
ภายในลานบ้านสงบสุขเช่นนี้ ไม่เหมือนถูกมารร้ายกระหายการเข่นฆ่าตนนั้นบุกมาทำลายสักนิดเลยนะ!
อวิ๋นจูไม่เอ่ยตอบ นางมองบุรุษผู้นั้นด้วยสีหน้าซับซ้อน
ไห่สือซานเหลือบเห็นสีหน้านี้ของนาง หัวใจก็เย็นวาบทันใด คงไม่ใช่ว่าเป็นบุรุษคนนี้จริงๆ หรอกกระมัง
แต่นี่ไม่เหมือนเลยนะ!
เริ่มตั้งแต่ระดับราชันอสูร หน้าตาของนักรบมรณะจะเริ่มน่าเกลียดจนทนดูไม่ได้ แต่คนตรงหน้าผู้นี้นอกจากหน้าตาจะไม่อัปลักษณ์ บนร่างยังไม่มีกลิ่นอายของนับรบมรณะแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเขากลับมีกลิ่นอายของเซียนผู้มิใช่ปุถุชนคนธรรมดา
หากบอกว่าคนผู้นี้คือจักรพรรดิอสูร ผู้ใดจะเชื่อกันเล่า
อีกอย่างจักรพรรดิอสูรคือบิดาของอวิ๋นฮูหยินไม่ใช่หรือ เขาหน้าตาไม่เห็นเหมือนอวิ๋นฮูหยินสักนิดเลยนะ!
สิ่งที่ไห่สือซานไม่รู้ก็คือเมื่อมาถึงขอบขั้นเดียวกับจักรพรรดิอสูร ไม่มีวิชาต้องห้ามใดที่ใช้ไม่ได้อีกต่อไป วิชาเชิดหุ่นก็ดี วิชาแปลงโฉมก็ดี ทุกสิ่งล้วนไม่เป็นปัญหาทั้งสิ้น ใบหน้านี้ความจริงแล้วไม่ใช่ใบหน้าเดิมของจักรพรรดิอสูร แต่เป็นหน้าตาหลังจากที่แปลงโฉมแล้ว
คนธรรมดาอาจมองไม่เห็นความแตกต่าง แต่อวิ๋นจูยังพอมองออกอยู่บ้างเล็กน้อย
แต่ถึงแม้ว่าอวิ๋นจูจะมองออก แต่นางก็ไม่คิดจะก้าวเข้าไปทำความรู้จักกับเขา ไม่ว่าอย่างไรบุรุษคนนี้ก็ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับนางอีกแล้ว นับตั้งแต่เขาตั้งใจจะเปลี่ยนตนเองให้กลายเป็นนักรบมรณะที่เป็นมนุษย์ก็ไม่ใช่ เป็นภูตผีก็ไม่เชิง เขาก็ไม่ใช่บิดาของนางอีกต่อไป
ช่วงเวลาในชีวิตที่ต้องเสียเปล่าไปมากกว่าครึ่งชีวิตของนางล้วนเริ่มต้นตั้งแต่บุรุษคนนี้ธาตุไฟเข้าแทรก
ยามที่นางต้องการเขามากที่สุด เขากลับเล่นงานนางอย่างสาหัสถึงชีวิต
นางไม่ต้องการเขาแล้ว ต่อให้เขาหวนกลับมาก็ไม่มีความหมายอะไรอีกต่อไป
อวิ๋นจูเดินผ่านด้านหลังของจักรพรรดิอสูรไปพร้อมกับสีหน้าเย็นชา
แต่เดิมจักรพรรดิอสูรไม่สนใจคนสองคนที่จู่ๆ ก็โผล่มาในลานบ้าน แต่เมื่ออวิ๋นจูเดินเฉียดผ่านข้างกายเขาไป เทพผีก็ดลใจให้เขาหันไปมองอวิ๋นจู
อวิ๋นจูกลับไม่มองเขาสักนิด นางเดินไปที่ห้องของตนเองพร้อมกับสีหน้าเย็นยะเยือก
จักรพรรดิอสูรมองอวิ๋นจู แล้วก็หันไปมองถั่วเคลือบน้ำตาลเม็ดสุดท้ายในจาน จู่ๆ เขาก็ยกจานขึ้นมาก้าวไปขวางทางของอวิ๋นจูเอาไว้
อวิ๋นจูอยากจะหลบ ทว่าพลังระดับจักรพรรดิอสูรใช่ว่าใครจะหลบพ้นจากเขาได้ตามใจเสียเมื่อไร
อวิ๋นจูจึงถูกเขาขวางทางไว้เช่นนี้
เขายื่นจานไปตรงหน้าอวิ๋นจู
อวิ๋นจูผินหน้าหนี
เขาถือถั่วเคลือบน้ำตาลขึ้นมาแล้วโยนจานกลับไปที่โต๊ะ เขาใช้กำลังภายในโยนมันออกไป จานกระเบื้องเคลือบที่กระแทกกับโต๊ะหินจึงไม่แตกเสียหาย เขาจับมืออวิ๋นจูขึ้นมาแล้ววางถั่วเคลือบน้ำตาลเม็ดสุดท้ายลงกลางฝ่ามือของนาง
อวิ๋นจูมองถั่วเคลือบน้ำตาลกลางฝ่ามือ โทสะผุดพรายขึ้นมาจากทั่วร่าง ความทุกข์ทรมาน ความแค้นที่นางต้องประสบพบพานตลอดหลายปีที่ผ่านมามีค่าเท่าถั่วเคลือบน้ำตาลเม็ดเดียวเท่านี้เองหรือ ให้ถั่วเคลือบน้ำตาลเม็ดเดียวแล้วจะให้นางอภัยให้กับทุกสิ่งที่เขาทำให้นางต้องเผชิญอย่างนั้นหรือ!
นางไม่เอาด้วยหรอก!
อวิ๋นจูขว้างถั่วเคลือบน้ำตาลไปทางขวาเต็มแรง
ร่างของจักรพรรดิอสูรขยับฟึบเดียวก็หายไป อึดใจต่อมาเขาก็ถือถั่วเคลือบน้ำตาลที่อวิ๋นจูขว้างทิ้งกลับมา
อวิ๋นจูขว้างใหม่ไปทางซ้าย
จักรพรรดิอสูรหายวับไปอีกหน อึดใจต่อมาเขาก็ถือถั่วเคลือบน้ำตาลที่ถูกอวิ๋นจูขว้างทิ้งไปกลับมาอีก
อวิ๋นจูโกรธจนตัวสั่น นางคว้าถั่วเคลือบน้ำตาลไปทางสระน้ำน้อยนอกเรือนฟางชุ่ยหยวน!
ผลปรากฏว่าย่อมขว้างทิ้งไม่สำเร็จอีกเช่นเคย ชั่วพริบตาก่อนที่ถั่วเคลือบน้ำตาลจะจมลงไปในทะเลสาบ มันก็ถูกจักรพรรดิอสูรเหินมาคว้าเอาไว้อย่างรวดเร็วได้ทันเวลาพอดี
จักรพรรดิอสูรเดินต้อยๆ เอาถั่วเคลือบน้ำตาลมาวางไว้กลางฝ่ามือของอวิ๋นจูอีกหน
อวิ๋นจู “…”
อวิ๋นจูโกรธจนเดินหนี!
ราชันอสูรเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นจากในเงามืด
หลังจากอวิ๋นจูกลับห้องนางก็ขังตนเองไว้ในห้อง แล้วตบถั่วเคลือบน้ำตาลที่ไม่ว่าจะขว้างทิ้งอย่างไรก็ขว้างทิ้งไม่สำเร็จเม็ดนั้นลงกับโต๊ะ!
ไม่ทันไรเสียงแกรกก็ดังขึ้น บานประตูเปิดออก
แม้จะขัดกลอนประตูไว้ แต่สำหรับยอดฝีมือผู้เหนือมนุษย์เหล่านั้น มันก็ไม่ต่างอันใดกับฉีกกระดาษขาวแผ่นหนึ่ง
หนนี้คนที่มาไม่ใช่จักรพรรดิอสูร แต่เป็นราชันอสูร
ราชันอสูรแอบเมียงๆ มองๆ ด้านในเป็นอย่างแรก เมื่อแน่ใจแล้วว่าอวิ๋นจูกับถั่วเคลือบน้ำตาลล้วนยังอยู่ทั้งสองอย่าง เขาจึงยืดตัวยืนตรง อกผายไหล่ผึ่งเดินเข้ามาอย่างหล่อเหลาองอาจ
เขาล้วงถั่วเคลือบน้ำตาลที่ซ่อนไว้สองเม็ดออกมาจากอกเสื้อของตนเอง แล้วยื่นให้ตรงหน้าอวิ๋นจูอย่างหยิ่งทะนงโอหัง!
แม่นาง ถั่วเคลือบน้ำตาลเม็ดนี้ให้เจ้า!