หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 41-1 บิดาบุตรสาวพบหน้า (2)
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 41-1 บิดาบุตรสาวพบหน้า (2)
ตอนที่ 41-1 บิดาบุตรสาวพบหน้า (2)
ตอนนี้เฉียวเวยยังไม่รู้ว่าอวิ๋นจูกับไห่สือซานกลับมาแล้ว นางเพิ่งแวะมาเยี่ยมจีหมิงซิวพร้อมกับกงซุนฉางหลีเสร็จ นางจำถ้อยคำกำชับที่ฟู่เสวี่ยเยียนบอกได้ นางบอกว่าอย่าเข้าไปรบกวนจีหมิงซิว ดังนั้นตนจึงไม่เข้าไปและห้ามไม่ให้กงซุนฉางหลีเข้าไปด้วย
ทั้งสองคนยืนเฉยๆ อยู่ที่ประตูหิน ยืนอยู่ได้พักหนึ่งก็จากไป
ไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกลวงของเฉียวเวยหรือไม่ แต่นางรู้สึกว่าใบหน้าของกงซุนฉางหลีดูเหมือนจะบึ้งตึงขึ้นเล็กน้อย!
ไม่สมควรเป็นเช่นนี้สิ ตนอยู่เป็นเพื่อนเขาตลอดทั้งบ่าย แล้วยังเข้าอกเข้าใจหัวใจที่ริษยาและขมขื่นของเขาอย่างยิ่ง ไม่ยอมปล่อยให้เขากับหมิงซิวพบหน้ากัน เขาได้ครอบครองนางไว้คนเดียวนานขนาดนี้ก็สมควรดีใจจนร้องตะโกนแล้วไม่ใช่หรือ! เหตุไฉนจึงทำท่าทางเหมือนมีผู้ใดติดค้างเงินเขาอยู่หลายล้านเช่นนั้นเล่า
หรือว่าเขาต้องไปแล้ว แต่ยังตัดใจไปไม่ลง
เฉียวเวยเห็นด้วยกับความคิดของตนเองอย่างยิ่ง ต้องเป็นเช่นนั้นแน่!
เฮ้อ
เฉียวเวยส่ายหน้า เรื่องนี้ต่อให้นางเห็นใจก็ช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ
สุดท้ายกงซุนฉางหลีก็หน้าทะมึนจากไป ก่อนจากไปเขายังโยนกล่องใบหนึ่งให้เฉียวเวยอย่างเย็นชาอีกด้วย
เฉียวเวยเปิดกล่องออกดูก็เห็นยาพิษเม็ดหนึ่ง
หลังจากกงซุนฉางหลีทิ้งยาพิษเอาไว้ให้ก็กลับมาที่เรือนฟางชุ่ยหยวนแล้วพายิ่นอ๋องกลับไปที่ลัทธิศักดิ์สิทธิ์
ยิ่นอ๋องรู้สึกราวกับได้ปลดภาระหนักอึ้งลงจากบ่า!
ในที่สุดก็หลุดพ้นจากเงื้อมมือมารของฮองเฮาเยี่ยหลัวแล้ว!
ฮองเฮาเยี่ยหลัวลูบใบหน้าของบุตรชาย นางลูบจนหนังจะถลอกออกมาชั้นหนึ่งอยู่แล้ว ยิ่นอ๋องแทบจะพุ่งตัวพังประตูหนีออกไปอย่างตระหนกลนลาน!
หลังจากขึ้นรถม้า ยิ่นอ๋องก็หอบอยู่หนึ่งเค่อเต็มๆ กว่าจะผ่อนลมหายใจให้ช้าลงได้
เขามองกงซุนฉางหลีที่หายตัวไปกับเฉียวเวยมาตลอดทั้งบ่ายแล้วสีหน้าก็ค่อยๆ เย็นชาขึ้น “กงซุนฉางหลี ต้องให้ข้าเตือนเจ้าถึงฐานะของเจ้าหรือไม่ เฉียวซื่อไม่ใช่คนที่เจ้าจะคิดเพ้อฝันด้วยได้ ทางที่ดีที่สุดเจ้าตัดใจเสียเถอะ!”
ยิ่นอ๋องกล่าวจบ กงซุนฉางหลีก็ไม่ได้ตอบคำใด ในตอนที่ยิ่นอ๋องคิดว่าตนเองสั่งสอนเขาจนเขาไร้หนทางเถียงสำเร็จแล้วนั่นเอง กงซุนฉางหลีก็เอ่ยปากขึ้นมาอย่างไม่รีบร้อน “ไม่ใช่คนที่ข้าคิดเพ้อฝันด้วยได้ แล้วเป็นคนที่เจ้าลัทธิน้อยคิดเพ้อฝันด้วยได้หรือไร”
ยิ่นอ๋องถูกเฉียวเวยทำให้โมโหจนจุกอกมาตั้งแต่ที่นั่นแล้ว ตอนนี้กงซุนฉางหลียังกล้ามาไม่พอใจตนเองอีก เขาโทสะพลุ่งพล่าน ถลึงตาใส่อีกฝ่ายอย่างเย็นชาทันที “กงซุนฉางหลี เจ้าหมายความว่าอย่างไร!”
กงซุนฉางหลีตอบอย่างไม่ใส่ใจ “เจ้าลัทธิน้อยคงไม่ลืมเรื่องที่ฮูหยินน้อยลำบากลำบนตามหาเจ้าลัทธิน้อยอยู่กระมัง”
ยิ่นอ๋องคิดถึงสตรีกำยำบึกบึนนางนั้น หัวใจดวงน้อยๆ ก็กระตุกวูบ เพลิงโทสะหดหายไปเกินครึ่งทันที “สตรีนางนั้นมาหาเจ้าหรือ”
กงซุนฉางหลีหันไปมองเขาอย่างเฉยชาแล้วบอกว่า “ตอนนี้นางยังตามหาข้าไม่พบ แต่นั่นก็เป็นเรื่องของช้าเร็วเท่านั้น เยี่ยหลัวก็ไม่ใช่ว่าจะหายาก เจ้าลัทธิน้อยว่าอย่างไรเล่า”
ยิ่นอ๋องปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก “เจ้า…หากเจ้ากล้าเผยร่องรอยของข้าให้ผู้หญิงคนนั้น ข้าจะให้เจ้าเห็นดีกัน!”
อุตส่าห์หลบเข้ามาในลัทธิศักดิ์สิทธิ์แล้ว ยังหลบสตรีนางนั้นไม่พ้นอีก นี่มันไร้เหตุผลเกินไปแล้ว
กงซุนฉางหลีเอ่ยว่า “น้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง ท่านอ๋อง”
หนนี้ยอมเรียกท่านอ๋องแล้วสินะ
ทว่ายิ่นอ๋องไม่รู้สึกเหมือนถูกปลอบแต่น้อย ตรงกันข้ามเขากลับหงุดหงิดจนถึงขีดสุด
เป็นถึงเจ้าลัทธิน้อยแล้วแท้ๆ แต่ก็ยังถูกผู้อื่นรังแก แล้วชีวิตนี้จะอยู่อย่างไรกันเล่า…
…
อีกด้านหนึ่งเฉียวเวยถือยาพิษกลับเข้าไปในเรือนฟางชุ่ยหยวน ในเมื่ออวิ๋นจูกลับมาแล้ว ถ้าเช่นนั้นฐานะของจักรพรรดิอสูรย่อมเก็บซ่อนไว้ไม่ได้อีก
เมื่อนางรู้จากปากไห่สือซานว่าบัณฑิตชุดขาวผู้มีกิริยาท่าทางดุจเทพเซียนคนนั้นคือมารร้ายผู้ฆ่าคนอย่างโหดร้ายกระหายเลือดในตำนาน นางก็ตกใจจนเกือบจะกลืนยาพิษลงไป!
ปฏิกิริยาแรกของนางคือลูบลำคอของตนเอง นางยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรกัน…
หากเขาคือจักรพรรดิอสูร ถ้าเช่นนั้นคืนนั้นลูกชายอยู่ด้วยกันกับเขาตลอดคืนได้อย่างไรกัน
เจ้าเด็กซนคนนี้เก็บมารร้ายตนใดกลับมาให้มารดาของเขากันแน่!
เฉียวเวยนึกถึงภาพที่จิ่งอวิ๋นจูงมือจักรพรรดิอสูรลงมาจากรถม้า แล้วนึกหวาดผวาย้อนหลังตัวสั่นเทาขนลุกซู่
คนผู้นี้เพียงขยับนิ้วมือนิ้วเดียวก็ทำลายเมืองเยี่ยเหลียงครึ่งหนี่งได้แล้ว แต่ลูกชายกลับพาเขากลับบ้านมาขอกินถั่วเคลือบน้ำตาล…
เฉียวเวยรู้สึกแข้งขาอ่อน!
ไห่สือซานพยุงนางไว้ทันเวลา ไห่สือซานเข่าอ่อนระหว่างทางที่มาไปแล้ว ตอนนี้เขาจึงดูนิ่งสงบกว่าเฉียวเวยมาก เพียงแต่ว่าท่าทางดูนิ่งสงบอีกเท่าใด แต่เมื่อเอ่ยปากออกมาก็เผยไต๋อยู่ดี “อย่า อย่า อย่า…อย่าห่วงไปเลย ข้า ข้า…ข้าดูแล้วเขาก็…นิสัยดีพอสมควรไม่ใช่หรือ”
เฉียวเวยพึมพำ “ดีอะไรเล่า!
ก่อนหน้านี้คิดว่าเขาเป็นนักเวทศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งของลัทธิศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้กลับแปลงร่างกลายเป็นจักรพรรดิอสูร ได้ยินมาว่าสมองของจักรพรรดิอสูรแย่กว่าราชันอสูรเสียอีก สมองของราชันอสูรพังก็ส่วนพัง แต่เขาไม่เคยคลุ้มคลั่งมาก่อน ทว่าจักรพรรดิอสูรผู้นี้เคยธาตุไฟเข้าแทรกมาก่อนแล้ว หากจัดการไม่ดีจนธาตุไฟเข้าแทรกอีกหน พวกเขาทั้งหมดคงได้ลงโลงกันถ้วนหน้า!
“ข้าคิดว่าไม่มีทางหรอก” ไห่สือซานเอ่ยปลอบ “เขาเป็นบิดาของอวิ๋นฮูหยิน ฮูหยินน้อยลืมแล้วหรือ”
พอได้ยินไห่สือซานเอ่ยเรื่องนี้ เฉียวเวยก็นึกขึ้นมาได้ ดูเหมือนจะมีเรื่องแบบนั้นจริงๆ
แต่…จักรพรรดิอสูรไม่ใช่ว่าแม้แต่ตนเองเป็นผู้ใดก็จำไม่ได้แล้วหรือ ยังจะจำอวิ๋นจูได้อีกหรือไร
เฉียวเวยคลางแคลงใจ นางหันไปมองจักรพรรดิอสูรที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หวาย