หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 44-1 ชัยชนะ (1)
ตอนที่ 44-1 ชัยชนะ (1)
การต่อสู้ที่ไม่มีกำหนดเวลา ใต้แท่นบวงสรวงมีศิษย์ทำหน้าที่ลั่นกลองโดยเฉพาะ พอเสียงกลองดังขึ้นก็หมายความว่าการต่อสู้ได้เริ่มขึ้นแล้ว ส่วนจุดสิ้นสุดนั้น ขอเพียงทั้งสองฝ่ายยังยืนอยู่บนแท่นบวงสรวง ต่อให้ผ่านไปสามวันสามคืนการต่อสู้ก็จะยังคงดำเนินต่อไป
สือชีก้าวขึ้นสังเวียน
คนของลัทธิศักดิ์สิทธิ์รับรู้ได้ว่าระดับของเขาน่าจะประมาณนักรบมรณะดาบยาว ช่วงแรกจึงไม่นึกสนใจนัก แต่พอพวกเขาได้เห็นอายุอีกฝ่ายชัดเจนว่าแค่เพียงสิบห้าสิบหกปีเท่านั้น ทุกคนก็พากันตะลึงค้างไป
นักรบมรณะดาบยาวมีไม่น้อยและไม่ได้ยากที่จะได้มา แต่ด้วยอายุเท่านี้… ยังไม่เคยได้ยินมาก่อน
คณะของลัทธิศักดิ์สิทธิ์ ยิ่นอ๋องกับกงซุนฉางหลีคุ้นเคยกับสือชีมากที่สุด หลังจากกงซุนฉางหลีมาถึงเยี่ยหลัวแล้วได้พบสือชีหลายครั้ง แต่ยิ่นอ๋องกลับเป็นครั้งแรก
เขารู้สึกว่าวรยุทธ์ของสือชีดูเหมือนจะรุดหน้ากว่าตอนอยู่ต้าเหลียงไปอีก
จีหมิงซิวช่างโชคดีเหลือเกิน เก็บเด็กซี้ซั้วมาคนหนึ่งก็ยังได้ยอดฝีมือแห่งยุทธภพมา!
ในใจยิ่นอ๋องรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย พอสายตาเขาประสานกับเฉียวเวย ความรู้สึกอิจฉานั้นก็ยิ่งคุกรุ่นหนักขึ้น
สตรีที่เดิมทีควรเป็นของเขา สตรีที่ในคราแรกตามตอแยเขา วิ่งไล่ตามเขาไม่มีทดท้อ หากครานั้นเขาไม่แทงกระบี่ใส่นาง ใช่ว่าเขา…
ตึง!
เสียงกลองที่ดังขึ้นขัดความคิดของยิ่นอ๋อง
ยิ่นอ๋องหันไปมองทางแท่นประลอง ก็เห็นสือชีกับนักรบมรณะคนนั้นเริ่มแลกกระบวนท่ากัน ทั้งสองไม่ได้ใช้ดาบยาว สือชีเชี่ยวชาญกระบี่ อีกฝ่ายกลับใช้ทวนวงเดือน ตัวทวนยาวใกล้เคียงกับหอก แต่ตรงส่วนหัวกลับมีคมมีดรูปวงพระจันทร์เพิ่มเข้ามาสองข้าง ใช้ฟันได้แทงได้ ดูดุดันกว่าหอกยาวเล็กน้อย และเคลื่อนไหวได้ลื่นไหลกว่าดาบยาว
ดูจากการเลือกอาวุธแล้ว สือชีดูจะเสียเปรียบเล็กน้อย
แต่ความเก่งกาจของสือชีไม่ได้อยู่ที่การใช้กระบี่ แต่อยู่ที่การเคลื่อนตัว
สือชีหลบหลีกกระบวนท่าอีกฝ่ายอย่างคล่องแคล่ว วิชาตัวเบาของอีกฝ่ายเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่นักรบมรณะทั่วไปจะเทียบเคียงได้ ตอนหลังสือชีถูกบีบจนต้องสู้ประจันหน้ากับเขา
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยสีหน้าหนักอึ้ง “ตึงมือเหลือเกินนะ วรยุทธ์ของเจ้านี่ล้ำเลิศเพียงนี้ แข็งมาแข็งกลับ ปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ น่ากลัวว่าสือชีจะรับมือลำบากเสียแล้ว”
ไห่สือซานพลันถอนหายใจ อีกฝ่ายขาข้างหนึ่งก้าวเข้าแดนราชันอสูรไปแล้ว สือชีจะเอาอะไรไปสู้กับเขา
ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยกัน ทวนวงเดือนของอีกฝ่ายกำลังแทงใส่สือชีอย่างดุดัน
สือชีวาดกระบี่ ใช้คมกระบี่กันปลายแหลมของทวนวงเดือนเอาไว้ แต่กระนั้นทวนวงเดือนก็ไม่หยุดนิ่งเพราะเหตุนี้ แต่เป็นทวนวงเดือนที่ทำให้กระบี่ของสือชีหักกลาง พอได้ยินเสียงดังแกร๊ง กระบี่ยาวของสือชีก็หักออกเป็นสองส่วน
คณะของเฉียวเวยได้เห็นอย่างนั้นสีหน้าก็พลันถอดสี
เมื่อไม่มีกระบี่ยาวคอยปัดป้อง ทวนวงเดือนจึงพุ่งเข้าหาหน้าอกสือชีอย่างไร้ปราณี
“สือชี!” เฉียวเวยจับราวไว้แน่น ถ้าไม่ใช่เพราะทุกวันนี้นางควบคุมแรงตัวเองได้ดีมากแล้ว นางออกแรงจับเช่นนี้คงทำรั้วหักเป็นรูได้แน่นอน!
สือชีคิดจะเบี่ยงตัวหลบ แต่กระนั้นอีกฝ่ายดูเหมือนจะคาดเดาไว้อยู่แล้วว่าสือชีจะทำเช่นนี้ ตอนแทงทวนเข้ามาจึงแผ่กำลังภายในออกมาด้วย คิดจะกดตัวสือชีให้นิ่งอยู่กับที่
น่าเสียดายที่ราชันอสูรในอนาคตผู้นี้ห่างชั้นกับราชันอสูรในอนาคตตอนพบที่เมืองผู่มากนัก สือชีสามารถฝืนกำลังภายในของอีกฝ่ายเดินหน้าต่อไปได้ เวลานี้จึงยิ่งดูชัดว่าไม่อาจสกัดเขาไว้ได้
ในที่สุดสือชีก็หลบไปได้สำเร็จ
คนผู้นั้นเลยยิ่งโจมตีเข้าใส่สือชีอย่างดุเดือด หากว่าเรื่องวรยุทธ์แล้ว สือชีไม่ใช่คู่ฝีมือของเขา จึงเน้นป้องกันเป็นหลัก
สถานการณ์เปลี่ยนแปลงหลังจากนี้ นักรบมรณะผู้นั้นเดิมทีเขาห้ำหั่นกับสือชีแบบซึ่งหน้า แต่แล้วจู่ๆ กลับเล่นลูกไม้ ขว้างผงชาดโลหิตหงส์ใส่สือชี
พิษของผงโลหิตชาดแทบจะเรียกได้ว่าเป็นดาวเคราะห์สำหรับนักรบมรณะระดับต่ำกว่าราชันอสูรทั้งหมด สือชีเองก็เช่นกัน แขนขวาของสือชีถูกลวกจนได้แผล นักรบมรณะอาศัยจังหวะนั้นรุกไล่ฟาดฟันเข้าใส่หน้าอกของสือชี
เขากลับฟันไม่ถูกเนื้อสือชี แต่กลับฟันถูกจักจั่นถักจากต้นหญ้าที่วั่งซูทำให้สือชี
พอได้เห็นจักจั่น “ร่างแหลกเป็นชิ้น” สือชีก็เดือดดาลขึ้นทันที!
เขาโยนกระบี่ทิ้ง เดินมือเปล่าดุ่มๆ เข้าไป มือซ้ายจับทวนวงเดือนของอีกฝ่ายไว้ ยื่นแขนขวาไปหักทิ้งอย่างนั้น!
นักรบมรณะมองอาวุธในมือที่หักกลางอย่างไม่อยากเชื่อ หันไปมองสือชีที่แผ่รังสีอำมหิตอีกที นัยน์ตาเขาก็พลันมีแววหวาดหวั่นขึ้นมาตามสัญชาตญาณ
สือชียกเท้าถีบหน้าอกอีกฝ่ายจนหงายหลังลงกับพื้น!
ราชันอสูรที่ใกล้จะก้าวข้ามขีดจำกัดยังถูกสือชีถีบหงาย อย่าว่าแต่พวกลัทธิศักดิ์สิทธิ์พวกนั้นเลย กระทั่งเฉียวเวยก็ยังตะลึงค้าง
เรื่องราวหลังจากนั้นยิ่งทำให้ตาโตอ้าปากค้างเข้าไปใหญ่
สือชีไม่ได้ใช้วรยุทธ์เลยสักนิด เขาขึ้นคร่อมอยู่บนตัวอีกฝ่าย ต่อยหมัดซ้าย ต่อยหมัดขวา หมัดแล้วหมัดเล่าหมัดแล้วหมัดเล่าอยู่อย่างนั้นจนหน้าอีกฝ่ายเขียวช้ำไปหมด
ยกแรกย่อมเป็นสือชีที่ชนะไป
สือชีถูกเยี่ยนเฟยเจวี๋ยกับไห่สือซานหิ้วปีกออกไป ถ้ายังไม่หิ้วออกไปอีกเขาคงได้ชกต่อไปเรื่อยๆ ไม่แน่ว่าศีรษะอีกฝ่ายอาจจะเละเป็นโจ๊กไปเลยก็ได้
ศพของจักจั่นถูกเยี่ยนเฟยเจวี๋ยเก็บไว้อย่างดี เขาเอาศีรษะต่อกลับเข้าไปแล้วถักใหม่ ก็ยังกลับคืนสู่สภาพเดิมได้
ว่าตามหลักการแล้ว สือชีสามารถสู้ต่อได้ แต่ดูจากอาการเกรี้ยวกราดของสือชีแล้ว อย่าให้เขาสู้ต่ออีกจะดีกว่า หากสู้ต่อไปคงได้ธาตุไฟเข้าแทรกจนเข้าสู่ภาคมารเป็นแน่
การประลองนั้นสำคัญ แต่สือชีน้อยของพวกเขาสำคัญยิ่งกว่า
สือชีถูกลากลงจากอัฒจันทร์ไปโยนไว้ข้างกายประมุขอสูร สือชียังเกรี้ยวกราดอยู่ แต่พอราชันอสูรส่งสายตามามอง เขาก็หงอก๋อไปทันที
เฉียวเวยเดาว่าวันแรกคงไม่ต้องถึงมือราชันอสูรกับประมุขอสูร เพราะอีกฝ่ายก็กำลังหยั่งเชิงตื้นลึกหนาบางของพวกเขาอยู่เช่นกัน คงไม่มีทางลากรานีอสูรออมาแต่ แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ คนที่สองที่ก้าวขึ้นสังเวียนก็ยังคงไม่ใช่รานีอสูร แต่จะประมาทไปก็ไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายเป็นมนุษย์พิษ
มนุษย์พิษผู้นี้ไม่ใช่ชาวบ้านในหมู่บ้านธรรมดาทั่วไป แต่เป็นยอดฝีมือแห่งยุทธภพ
“โชคดีที่เตรียมการรอไว้แล้ว!” เยี่ยนเฟยเจวี๋ยเอาถุงน้ำที่ใส่ปัสสาวะเด็กของจิ่งอวิ๋นออกมาจากตะกร้า “ข้าขึ้นไปนะ?”
อวิ๋นจูพยักหน้า
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยเอาปัสสาวะเด็กขึ้นไปรับศึกด้วย
คนทั่วไปหลังจากกลายเป็นมนุษย์พิษแล้วจะไร้ความรู้สึกเจ็บปวด สูญสิ้นสติสัมปชัญญะ พละกำลังเพิ่มสูงส่วนยอดฝีมือแห่งยุทธภพหากกลายเป็นมนุษย์พิษจะมีวรยุทธ์เพิ่มสูงเป็นเท่าตัวเหมือนกับศิษย์พี่หญิงรอง และยากที่จะรับมือเป็นอย่างยิ่ง
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยพอขึ้นไปบนแท่นประลองก็กวัดแกว่งถุงน้ำในมือ เอ่ยท้าทายว่า “มาสิๆ กลัวฉี่เด็กรึไม่”
นี่มิใช่ปัสสาวะเด็กธรรมดาๆ แต่เป็นของโหราจารย์น้อยของข้าเชียวนะ!
บุรุษผู้นั้นเห็นได้ชัดว่าถูกกระตุ้นให้โกรธเสียแล้ว เขาชักดาบโค้งออกมาพุ่งเข้าใส่เยี่ยนเฟยเจวี๋ย
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยรอจังหวะเหมาะๆ เปิดฝาถุงน้ำแล้วสาดปัสสาวะเด็กใส่อีกฝ่ายทันที!
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยมั่นใจว่าตนเล็งแม่นแล้ว และมั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่มีทางหลบได้เร็วเพียงนั้น ในขณะที่คิดว่าตนโจมตีสำเร็จแล้วนั้น มือซ้ายของบุรุษผู้นั้นจู่ๆ ก็ขยับไปคว้าเอาร่มกระดาษจากด้านหลังมากางออก กันปัสสาวะเด็กที่สาดมาทางตนเอาไว้ได้จนหมดสิ้น
เยี่ยนเฟยเจวี๋ย “?!”
ยังมีกระบวนท่าเช่นนี้ด้วย!
บุรุษผู้นั้นหลังจากกางร่มแล้ว เยี่ยนเฟยเจวี๋ยยังสาดปัสสาวะเด็กใส่เขาอีกหลายครั้ง แต่ก็ถูกกันเอาไว้ได้อย่างหมดจดทุกครั้งไป
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยเดือดดาลจนเต้นเร่าๆ โยนถุงน้ำใส่ปัสสาวะเด็กของตนที่หมดไปนานแล้วทิ้ง เปลี่ยนไปสาดอาวุธลับใส่อีกฝ่ายแทน
บุรุษผู้นั้นหลบหลีกได้สบายๆ ฝ่ามือใหญ่คว้าลำคอเยี่ยนเฟยเจวี๋ยไว้ แล้วจับเยี่ยนเฟยเจวี๋ยโยนลงจากแท่นประลองอย่างดุดัน
ลัทธิศักดิ์สิทธิ์เอาคืนกลับมาได้หนึ่งตา
พอการประลองตาที่สามเริ่ม บุรุษผู้นั้นไม่ได้ลงจากแท่นประลอง อาต๋าเอ่อร์ชักดาบโค้งออกไปรับศึก
วรยุทธ์ของอาต๋าเอ่อร์อยู่เหนือกว่าเยี่ยนเฟยเจวี๋ย หากเป็นก่อนหน้านี้ บุรุษผู้นี้ไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของอาต๋าเอ่อร์ แต่หลังจากกลายเป็นมนุษย์พิษ อาต๋าเอ่อร์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแล้ว
อาต๋าเอ่อร์ถูกข่วนเป็นแผล เลือดสีดำไหลออกมา ต้องให้ไห่สือซานแบกลงจากแท่นประลอง
ลัทธิศักดิ์สิทธิ์ชนะติดต่อกันสองตา หากชนะอีกตาก็จะได้รับชัยขนะของวันนี้ไป
สีหน้าของเฉียวเวยดูหนักใจ
นางคิดไม่ถึงเลยว่าในมืออีกฝ่ายจะมีไพ่ดีๆ เช่นนี้อยู่ด้วย ในหัวนางมีความคิดบางอย่างแวบขึ้นมา แต่กลับรวดเร็วเกินไปจนคว้าเอาไว้ไม่ทัน
แน่นอนว่าเวลานี้ก็ไม่ใช่เวลาจะมาคิดเรื่องเหล่านั้น รีบคิดหาทางเอาชนะอีกฝ่ายให้ได้ต่างหากถึงจะสมเหตุสมผล
ชัยชนะของวันแรกเกี่ยวข้องถึงสถานการณ์การประลองในภาพรวม จะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด และยอมให้แพ้ไม่ได้ด้วย หัวใจสำคัญในการสู้ศึกของพวกเขามีแค่สามคน ถึงแม้เฉียวเวยจะคิดว่าพวกนางสามคนสามารถต้านทานสามคนวันนี้ไว้ได้ แต่หากไม่เป็นไปตามที่คิดไว้เล่า อย่างไรก็ต้องเหลือทางถอยให้ตนเองมิใช่หรือ
แต่หากไม่อยากแพ้ วันนี้ก็ต้องใช้งานหนึ่งในสามคนหลักนี้แล้ว หรือจะต้องใช้อวิ๋นจูไปกับการประลองในวันแรกนี้หรือ
เฉียวเวยกล้ามั่นใจว่าหากอวิ๋นจูสามารถเอาชนะมนุษย์พิษผู้นี้ได้ หลังจากนี้ลัทธิศักดิ์สิทธิ์จะต้องส่งศิษย์ธรรมดาสักคนออกมาเพื่อให้วันนี้ผ่านไปแน่นอน
เป้าหมายของลัทธิศักดิ์สิทธิ์เดิมทีก็ไม่ได้อยู่ที่ชัยชนะในวันนี้อยู่แล้ว แต่นางต้องเสียอวิ๋นจูไป
ยิ่นอ๋องมองไปทางแท่นประลองด้วยสายตาท้าทาย เอ่ยด้วยสีหน้าเยาะหยันว่า “ไม่เหลือใครแล้วหรือ เช่นนั้นก็ยอมแพ้เสียเถิด เอาเข้าจริงยอมแพ้ก็ไม่ได้มีอะไร ถึงยังไงหลังจากนี้พวกเจ้าก็ต้องแพ้ทุกตาไปอยู่แล้ว สู้แพ้ให้คุ้นชินไปก่อนเลยไม่ดีกว่าหรือ”
“ข้าออกไปรับศึกเอง”
เสียงเรียบเย็นของสตรีดังขึ้นจากด้านหลังแท่นบวงสรวง