หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 46-1 ชัยชนะ (3)
ตอนที่ 46-1 ชัยชนะ (3)
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป ทุกคนไม่ทันได้ตั้งตัวด้วยซ้ำ ไอของจักรพรรดิอสูรเปลี่ยนไปทันควัน!
คนแรกที่เห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติคือฟู่เสวี่ยเยียน ฟู่เสวี่ยเยียนเมื่อตัดสินใจมาออกศึก ย่อมต้องมาสำรวจสถานการณ์ศึกก่อน วันนี้นางไม่ได้คิดจะออกโรง ตำแหน่งที่นั่งจึงอยู่ค่อนไปด้านหลัง ซึ่งบังเอิญอยู่ข้างจักรพรรดิอสูรพอดี ตอนจักรพรรดิอสูรลุกขึ้นจะไปรับศึกนั้น จู่ๆ ไอจากตัวเขาก็พลันเปลี่ยน ฟู่เสวี่ยเยียนขนลุกตั้งไปทั้งตัว!
ตัวของฟู่เสวี่ยเยียนสั่นขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุมได้ นางรับรู้ได้ว่าจุดกำเนิดของความอันตรายมาจากจักรพรรดิอสูรผู้นี้ ดังนั้นนางจึงหันไปมองยังเขา กลายเป็นเห็นว่าตัวเขาทั้งตัวปกคลุมไปด้วยไอสีดำจางๆ ที่เกือบดูคล้ายว่าไม่มี
ฟู่เสวี่ยเยียนรีบลุกขึ้นยืน เธอไม่กล้าแตะต้องจักรพรรดิอสูร ทำได้เพียงเดินเร็วๆ ไปอยู่ข้างกายอวิ๋นจู จับแขนเสื้ออวิ๋นจูไว้แล้วส่งสายตาบอกอีกฝ่าย
อวิ๋นจูหันไป พอเห็นท่าทางของจักรพรรดิอสูรก็รู้ทันทีว่าฝันร้ายได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง
ต่อให้ผ่านมาหลายสิบปี นานจนกระทั่งเส้นสีคล้ำในหัวกลายเป็นสีขาวราวหิมะ แต่สภาพอันน่าอนาถในตอนนั้นยังคงติดตาตรึงใจ
ความทรงจำอันน่าหวาดกลัวซัดเข้ามาในหัวราวกับระรอกคลื่น ภาพตรงหน้าคล้ายมีหมอกสีเลือดบดบังอยู่ชั้นหนึ่ง เสียงกรีดร้องอันโหยหวนดังอยู่ข้างหู… อวิ๋นจูหน้าซีดขาวไม่เหลือสีเลือด
เฉียวเวยเอามือจับรั้ว รอให้จักรพรรดิอสูรออกมารับศึก แต่รออยู่นานแล้วไม่เห็นมีความเคลื่อนไหวเสียทีจึงรีบหันไปมอง แต่กลับได้เห็นอวิ๋นจูที่สีหน้าดูไม่สู้ดี จึงรีบถามว่า “ท่านยาย ท่านเป็นอะไรน่ะ”
อวิ๋นจูง้างธนูจันทร์โลหิตเล็งตรงไปที่จักรพรรดิอสูร “รีบไป!”
คนอื่นๆ ที่เหลือพากันตะลึงค้าง
“ไปสิ!” อวิ๋นจูตะคอกเสียงดัง ผ่อนสายธนูแล้วยิงใส่จักรพรรดิอสูรไปดอกหนึ่ง!
ทุกคนเห็นอากัปกิริยาเช่นนั้นก็ไม่ทันได้คิดอะไรมาก รีบวิ่งลงไปทางบันไดทันที
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยคว้าไหล่ไห่สือซานไว้ “จะเดินไปไยเล่า กระโดดสิ!”
ฟู่เสวี่ยเยียนอุ้มเฉียวเวยขึ้นมา
เฉียวเวยตะโกนบอก “สือชี! พ่อข้า!”
สือชีคว้าตัวเฉียวเจิงไว้ กระโดดลงไปพร้อมกับฟู่เสวี่ยเยียน เฉียวเวย เยี่ยนเฟยเจวี๋ยและไห่สือซาน
จังหวะที่พวกนางกระโดดลงไปนั้น ทั่วทั้งอัฒจันทร์พลันมีเสียงพังครืนลงมา
การโจมตีด้วยพลังมหาศาลสั่นสะเทือนจนพวกเขารู้สึกถึงก้อนคาวๆ ที่แล่นมาจุกที่คอ
ฟู่เสวี่ยเยียนห่อตัวบังเฉียวเวยเอาไว้ แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้นจังหวะที่ล้มลงกับพื้น เฉียวเวยก็ยังรู้สึกได้ว่ากระดูกของตนคล้ายจะแตกกระจาย โ
พวกเขาหล่นลงมาอยู่ในซากปรักหักพัง เฉียวเจิงไอแค่กๆ พลางปัดเศษฝุ่นบนศีรษะ พยายามลืมตาที่ถูกฝุ่นเข้าจนต้องหรี่ตาลงพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมา “ลูกข้า! ลูกข้าเจ้าอยู่ที่ใด”
เฉียวเวยไอแค่กๆ บอกว่า “ข้าอยู่นี่”
“แม่งเอ้ย!” เยี่ยนเฟยเจวี๋ยกอดหัวเข่าที่เจ็บแปลบล้มลงกับพื้น เหงื่อเย็นๆ ผุดออกมาไม่หยุด
ไห่สือซานรีบเข้าไปประคอง “เจ้าเป็นอะไร”
เยี่ยนเฟยเจวี๋ยเจ็บจนสูดปากซี๊ดๆ “เหมือนจะกระดูกหัก”
ด้วยกำลังภายในของเขาเดิมทีไม่ควรล้มลงมาแรงเช่นนี้ แต่เมื่อครู่จักรพรรดิอสูรอยู่ดีๆ ก็ปล่อยกำลังภายในออกมา ทุกคนจึงถูกพลังนั้นอัดกระแทก เยี่ยนเฟยเจวี๋ยใช้ร่างบังไห่สือซานเอาไว้ ไห่สือซานถูกกอดไว้อยู่ แต่ตัวเขาเองกลับขาหักเสียได้
เฉียวเจิงรีบฉีกผ้ามาทำแผลให้เขา
“ไม่ทันการณ์แล้ว!” ฟู่เสวี่ยเยียนคว้าตัวเฉียวเจิง ใช้วิชาตัวเบากระโดดออกไปอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกันนั้น สือชีก็คว้าตัวเฉียวเจิงไว้ รีบออกไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน
เห็นเพียงตรงจุดที่ทำคนเคยอยู่ แผ่นหินขนาดใหญ่มหึมาหล่นกระแทกลงมา พื้นปฐพียังสั่นสะเทือนอยู่พักใหญ่ เมื่อครู่หากใครช้าไปเพียงก้าวเดียว เวลานี้คงถูกบดทับจนกลายเป็นขนมเปี๊ยะไส้เนื้อไปแล้ว
“ท่านยายเล่า” เฉียวเวยถาม
ทุกคนหันไปมองมองอัฒจันทร์ที่ถล่มลงมา จึงเห็นว่าท่ามกลางเศษฝุ่นที่ลอยอบอวลอยู่นั้น ราชันอสูรที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยเศษฝุ่นกำลังแบกอวิ๋นจูวิ่งเร็วจี๋ออกมา!
ทุกคนพากันถอนหายใจยาวเหยียด แต่ยังไม่ทันถอนหายใจได้สุด จักรพรรดิอสูรก็ไล่ตามมาแล้ว
อวิ๋นจูเคยเตือนพวกเขาไม่น้อยกว่าหนึ่งครั้งว่าจักรพรรดิอสูรเป็นคนที่ธาตุไฟแตกซ่านจนเข้าสู่ทางมาร ความเป็นมารในตัวเขายังหายไปไม่หมด หากวันใดเกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมา เขาก็จะไล่สังหารทุกคนจนหมดสิ้น
แต่ไม่มีใครเชื่อ เพราะถึงอย่างไรบุรุษที่สุภาพถึงเนื้อใน รักการอ่านหนังสือ ชอบกินถั่วคั่วน้ำตาล ซ้ำยังมีมารยาทกับทุกๆ คน จะกลายเป็นคนที่น่าหวาดกลัวเช่นนี้จริงๆ ได้อย่างไร
ชั่วขณะนั้นพอทุกคนได้เห็นมารร้ายที่คล้ายมีไอสีดำปกคลุมไว้ ก็ไม่มีใครนึกสงสัยอีกแล้ว ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
อวิ๋นจูใช้ธนูจันทร์โลหิตยิงจักรพรรดิอสูร แต่ถูกจักรพรรดิอสูรใช้กำลังภายในซัดกระเด็นกลับมา นางเองก็ถูกพลังสะท้อนกลับ เลือดลมปั่นป่วน ชีพจรขาดหายไปครึ่งหนึ่ง มุมปากมีรอยเลือดไหลออกมาไม่หยุด
เฉียวเจิงรีบควักเอายารักษาบาดแผลภายในออกมาให้นาง
นางกินยาเม็ดนั้นลงไป แต่ก็ช่วยได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่สามารถควบคุมบาดแผลภายในของนางได้เลย นางขมวดคิ้วมุ่น เอ่ยกับพวกเขาอย่างยากลำบากว่า “รีบ…รีบไปที่เกาะอิ๋นหู!”
เกาะอิ๋นหูเคยเป็นสถานที่กักขังจักรพรรดิอสูรมาก่อน ที่นั่นเท่านั้นที่พอจะควบคุมจักรพรรดิอสูรไว้ได้ ต่อให้ควบคุมไม่อยู่ อย่างน้อยก็อยู่ห่างกันถึงหนึ่งทะเลสาบ แล้วนักรบมรณะก็ว่ายน้ำไม่เป็นด้วย!
แต่จักรพรรดิอสูรไล่ตามมาแล้ว การจะหนีแบบนี้…อย่างไรก็หนีไม่รอด
ราชันอสูรส่งตัวอวิ๋นจูให้สือชี ถั่วคั่วน้ำตาลในอกเสื้อก็เอาให้สือชี
หัวขาดได้ เลือดไหลได้ แต่ถั่วคั่วน้ำตาลจะทำหายไม่ได้!
โชคดีที่สือชีไม่ชอบกินถั่วคั่วน้ำตาล สือชีพอเก็บถั่วคั่วน้ำตาลเอาไว้แล้วก็อุ้มอวิ๋นจูได้ ก็รีบวิ่งไปทางลัทธิศักดิ์สิทธิ์พร้อมกันกับคณะของเฉียวเวย