หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน - ตอนที่ 48-2 ท่านแม่เฉียวมาแล้ว (2)
- Home
- หม่ามี๊ตัวร้ายกับเสนาบดีตื๊อรัก นิยายอัพทุกวันเข้ามาดูก่อน
- ตอนที่ 48-2 ท่านแม่เฉียวมาแล้ว (2)
ตอนที่ 48 ท่านแม่เฉียวมาแล้ว (2)
ยิ่นอ๋องไม่คิดจะได้เห็นบุตรสาวของตนที่นี่ วันนั้นจู่ๆ เกิดน้ำหลากครั้งใหญ่ ทุกคนถูกพัดกระจายกันไปหมด เจ้าเด็กสามคนก็เช่นกัน ถึงแม้หลังจากเกิดเรื่องจะมีคนช่วยชึ้นมาได้ แต่เด็กน้อยทั้งสามกลับไร้ร่องรอยไม่รู้ไปอยู่ที่ใด
แน่นอนว่าเขาส่งคนออกตามหาไม่หยุด เพียงแต่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย
พวกเขาไปอยู่ในมือสตรีผู้นี้เองหรือ!
ยิ่นอ๋องเห็นบุตรีทั้งสามวิ่งตัวปลิวเข้าไปหาเฮ่อหลันชิง เฮ่อหลันชิงอุ้มขึ้นมาคนหนึ่งแล้วให้นางนั่งอยู่บนหัวไหล่ตน มือเรียวลูบเบาๆ ที่แผ่นหลังเด็กน้อย ท่าทางอบอุ่นอ่อนโยนยิ่งนัก
มีเพียงยิ่นอ๋องที่เห็นรอยยิ้มเยาะท้าทายตรงมุมปากของนาง
ยิ่นอ๋องโกรธเกรี้ยวจนแทบจะกระโจนออกจากเรือไป!
แม่ชีน้อยทั้งสามไม่เห็นท่านพ่อที่อยู่บนเรือ แต่กลับเห็นมารดาผู้ให้กำเนิดของจิ่งอวิ๋น เลยวิ่งปรี่เข้าไปหาเฉียวเวย แม่ชีน้อยอีกสองคนที่ไม่ได้ถูกเฮ่อหลันชิงอุ้มไว้ ไม่สนใจว่าตัวเฉียวเวยจะเปียกชุ่ม เข้าไปเกาะขานางเอาไว้คนละข้าง
เฉียวเวย “…”
ยิ่นอ๋องหน้าตาบูดบึ้งขณะมองคณะเฮ่อหลันชิงพาตัวบุตรสาวของตนไป มือกำเป็นหมัดแน่นจนได้ยินเสียงดัง
ลัทธิศักดิ์สิทธิ์เกิดเรื่องใหญ่เพียงนี้ กระทั่งนารีอสูรยังถูกเฮ่อหลันชิงสังหารไปแล้ว อวิ๋นซู่ก็ยังคงไม่ปรากฏตัวสักที เช่นนี้คงไม่มีใครออกหน้าได้อีกแล้ว
ยิ่นอ๋องได้แต่มองพวกเขาเดินลงเขาไป ความโกรธอัดแน่นในใจจนรู้สึกเจ็บหน้าอก!
…
แท่นประลองพังทลายไปหมดแล้ว การประลองวันนี้ไม่อาจดำเนินต่อไปได้ คณะของเฉียวเวยออกจากลัทธิศักดิ์สิทธิ์ ขึ้นนั่งบนรถม้ามุ่งหน้ากลับเมืองเยี่ยเหลียง
เฉียวเวยกับเฉียวเจิงเปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าแห้งสะอาด พวกเขานั่งรถม้าคันเดียวกับเฮ่อหลันชิง แม่ชีน้อยทั้งสามก็อยู่บนรถม้านี้ด้วย กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นที่ปูด้วยขนแกะอ่อนนุ่ม มืออวบอ้วนของเด็กน้อยหยิบขนมที่เฉียวเวยพกติดมาด้วย ก้มหน้าก้มตากินกันอย่างเอร็ดอร่อย
ทั้งสามไม่ชอบไว้ผมจริงๆ งอแงจะให้เฮ่อหลันชิงโกนออกให้ได้
เฉียวเวยมองศีรษะน้อยๆ ที่วาววับของทั้งสามแล้วก็ห้ามใจไม่ไหวต้องยื่นมือไปลูบสักหน่อย
ให้สัมผัสดียิ่งนัก!
คนกลางที่ถูกเฉียวเวยลูบศีรษะหันไปมองมือคนลูบ นางมีใบหน้ากลมเล็กที่แสนน่ารัก ตาโตเป็นประกาย ปากแดงกระจุ๋มกระจิ๋ม เครื่องหน้างดงามจนน่าอัศจรรย์ มีส่วนคล้ายยิ่นอ๋องอยู่เล็กน้อย
เฉียวเวยลอบพึมพำ บิดาเจ้าเลวร้ายเพียงนั้น เหตุใดเจ้าถึงต้องหน้าตาละม้ายเขาด้วย พวกเจ้าควรจะหน้าตาเหมือน…
ในหัวเฉียวเวยมีใบหน้าดุดันซ้ำยังองอาจเยี่ยงบุรุษของยอดหญิงงามอันดับหนึ่งปรากฏขึ้นมา นางกระแอมเบาๆ พวกเจ้าหน้าตาเหมือนบิดาก็ดีแล้วเหละ!
คนกลางก้มหน้าก้มตากินต่อไป
เฉียวเวยหันไปเอ่ยกับมารดาของตนด้วยความสงสัย “ท่านแม่ วันนั้นเกิดน้ำหลากครั้งใหญ่ ท่านช่วยพวกนางขึ้นมาได้อย่างไร”
เฮ่อหลันชิง “ไม่ใช่ข้าที่ช่วยไว้ พวกนางเองที่เข้ามาเกาะขาข้า”
เฉียวเวยนึกภาพนั้นก็เห็นว่าแม่ชีน้อยทั้งสามน่าจะทำเรื่องเช่นนั้นได้จริงๆ
เฉียวเจิงจับมือภรรยาไว้ ไม่ยอมปล่อยเลยแม้แต่นิดเดียว ซ้ำยังบ่นกระปอดกระแปดว่า “เจ้าไปอยู่ที่ใดมากันแน่ เหตุใดถึงไม่มาหาข้านานเพียงนี้”
เฮ่อหลันชิงหัวเราะเบาๆ “ข้าก็อยากมาหาพวกเจ้า แต่เผอิญไม่ทันระวังกินสมุนไพรผิดลงไป สมุนไพรฤทธิ์แรงเกินไป เล่นเอาข้าเกือบธาตุไฟเข้าแทรก ต้องปลีกวิเวกรักษาตัวอยู่หลายวันกว่าจะทำให้ฤทธิ์ยาสลายไปได้”
“เช่นนั้นพวกนางสามคน…” เฉียวเวยหันไปมองแม่ชีน้อยทั้งสาม
เฮ่อหลันชิง “มีองครักษ์เกราะทมิฬคอยดูแล ไม่ได้ก่อเรื่องอะไร”
พอได้ยินที่เฮ่อหลันชิงบอก องครักษ์เกราะทมิฬที่บังคับม้าคอยเปิดทางอยู่ข้างหน้าก็พากันกระตุกมุมปาก จั๋วหม่ายามท่านเอ่ยปาก ใจอันมีเมตตาของท่านไม่เจ็บปวดบ้างหรือ
ไม่ได้ก่อเรื่องอะไรหมายถึงว่าไม่ได้สังหารผู้ใดงั้นหรือ เพราะนอกจากเรื่องนี้แล้ว ก็ไม่มีเรื่องใดที่เด็กแสบเหล่านี้ไม่ได้ทำแล้ว
เฉียวเจิงยังคงไม่วางใจ จับมือเฮ่อหลันชิงถามไถ่สารทุกข์สุกดิบอยู่อีกคำรบใหญ่ โ
เฉียวเวยมองมือที่จับกันของบิดามารดา คิดในใจว่าบุตรบ้านอื่นมีแต่จะนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างบิดามารดา มีแค่นางที่ถูกทอดทิ้งให้นั่งอยู่ด้านข้าง ช่างน่ารันทด!
เฉียวเจิงออดอ้อนเฮ่อหลันชิงจนพอใจแล้ว ในที่สุดถึงนึกขึ้นได้ว่าบนรถม้ายังมีใครอีกคนนั่งอยู่… หัวผักกาดขาวน้อยกับหัวผักกาดขาวจิ๋วของเขา
เฉียวเจิงเล่าเรื่องหัวผักกาดขาวจิ๋วให้เฮ่อหลันชิงฟัง เฮ่อหลันชิงดีใจยิ่งนัก สายตาแสดงความอบอุ่นที่คนนอกไม่เคยได้พบเห็น
สตรีที่ฝีไม้ลายมือดุดันผู้นี้ ยามนางจะอ่อนโยนขึ้นมา ทั้งโลกนี้ยังต้องสั่นไหวเพราะนาง
เฉียวเวยถูกมารดาของตนมองจนหน้าแดง
นางรู้สึกว่ามารดาของตนช่างดีเหลือเกิน นางไม่อาจชื่นชอบมารดาได้มากกว่านี้อีกแล้ว
นั่งกันไปอีกพักหนึ่ง เฉียวเจิงคิดจะจับชีพจรให้เฮ่อหลันชิง แต่เฮ่อหลันชิงไม่ให้
ทุกเรื่องเขาตามแต่เฮ่อหลันชิงทุกอย่าง มีเพียงเรื่องนี้ที่ไม่ได้ เขาดึงดันที่จะจับชีพจรให้เฮ่อหลันชิง พอได้จับ สีหน้าก็นิ่งขรึมไปทันที
เฉียวเวยหันมองบิดาตน “มีอะไรหรือ ท่านแม่เป็นอะไรหรือไม่”
เฮ่อหลันชิงเอ่ยอย่างจริงจังว่า “แม่เจ้าจะเป็นอะไรได้อย่างไร”
พูดจบก็หันไปส่งสายตารู้แล้วเก็บให้เงียบไปให้สามีตน
เฉียวเจิงวางข้อมือเฮ่อหลันชิงลงด้วยสีหน้าคงเดิมแล้วจับแขนเสื้อลงมาให้นาง “แม่เจ้าย่อมไม่เป็นอะไร”
เฉียวเวยเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “คงไม่ใช่ว่าเมื่อครู่ประมือกับจักรพรรดิอสูรแล้วกระเทือนถึงปราณกำเนิดเข้ากระมัง”
“จะใช่ได้อย่างไร” เฮ่อหลันชิงตอบโดยไม่ต้องคิดทันที “แม่เจ้าเอาชนะคนได้ทั้งใต้หล้า กับแค่จักรพรรดิอสูรคนหนึ่ง จะทำแม่เจ้ากระเทือนปราณกำเนิดได้เชียวหรือ”
เฉียวเจิงเอามือปิดตา
พูดตามตรงเฮ่อหลันชิงไม่ได้บาดเจ็บจริงๆ แต่ใช้พลังปราณกำเนิดมากเกินไป ไม่มีทางสบายดีเช่นท่าทางที่แสดงออกมาแน่นอน
จักรพรรดิอสูรอย่างไรก็เป็นจักรพรรดิอสูร ไม่ใช่คนที่จะถูกสังหารง่ายเพียงนั้น
อย่าดูแต่ว่าเฮ่อหลันชิงเล่นงานเขาจนเลือดตกยางออก นั้นเป็นเพียงบาดแผลภายนอก
เมื่อครู่หากทั้งสองออกกระบวนท่าหมายสังหารกันจริงๆ ไม่แน่ว่า…อาจเจ็บหนักด้วยกันทั้งคู่
แน่นอนว่าคนชอบรักษาหน้าเยี่ยงเฮ่อหลันชิง จะยอมเสียท่าต่อหน้าบุตรสาวได้อย่างไร
นางเอาชนะจักรพรรดิอสูรได้แล้ว อย่างใสสะอาด!
จักรพรรดิอสูรยังตกใจจนวิ่งหางจุกตูดหนีไปเลยด้วย!
วิ่งหางจุกตูดหนีไปหรือไม่เฉียวเวยไม่รู้ แต่มารดาของนางทำร้ายจักรพรรดิอสูรจนบาดเจ็บได้จริงๆ หากว่ากันที่ความสามารถนี้ มารดาของนางก็เก่งที่สุดในใจนางแล้ว!
รถม้าอีกคันหนึ่งช่างแตกต่างกับสามคนพ่อแม่ลูกที่แสนอบอุ่นทางฝั่งนี้ อวิ๋นจูกับฟู่เสวี่ยเยียนกลับมีใบหน้าที่เป็นกังวล
จักรพรรดิอสูรหนีหายไป ไม่รู้ว่าเขาจะหนีไปที่ใด จะพบเจอผู้ใด ด้วยวรยุทธ์ของเขาในเวลานี้ คงไม่ง่ายที่จะถูกผู้อื่นสังหารตาย แต่หากเขาไม่ถูกผู้อื่นสังหารเล่า คนกว่าครึ่งเมืองคงถูกสังหารหมู่แน่
ฟู่เสวี่ยเยียนครุ่นคิดหนัก “เรื่องที่จักรพรรดิอสูรคลุ้มคลั่ง ข้ารู้สึกว่าต้องมีอะไรแน่ ท่านยาย ใช่ว่าลัทธิศักดิ์สิทธิ์เล่นตุกติดอะไรหรือไม่”
อวิ๋นจูพยักหน้า “น่าจะเป็นเช่นนั้น”
จักรพรรดิอสูรพอคลุ่้มคลั่ง คนของลัทธิศักดิ์สิทธิ์ก็หนีหายไปเร็วกว่าใครเพื่อน หากบอกว่าไม่ได้เตรียมการไว้ก่อน ผู้ใดจะเชื่อ
ฟู่เสวี่ยเยียนขมวดคิ้ว “ไม่รู้จริงๆ ว่าพวกเขาใช้วิธีอะไรถึงทำให้จักรพรรดิอสูรคลุ่้มคลั่งขึ้นมาได้”
อวิ๋นจูส่ายหน้า “ข้าก็ไม่รู้”
ฟู่เสวี่ยเยียนคิดแล้วบอกว่า “ตอนนั้นที่จักรพรรดิอสูรธาตุไฟเข้าแทรก สังหารคนไปกว่าครึ่งลัทธิศักดิ์สิทธิ์ น่ากลัวก็แต่ว่าคงเกี่ยวพันถึงอวิ๋นซู่กับบิดาของเขาด้วย”
อวิ๋นจู “พูดถึงเรื่องเหล่านี้ในเวลานี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว”
ลัทธิศักดิ์สิทธิ์เป็นของผู้อื่นไปแล้ว นางกลายเป็นสุนัขไร้บ้าน บิดาของนาง…ก็สติไม่สมประกอบไปเสียแล้ว ต่อให้ล่วงรู้ความจริงในตอนนั้น ก็เรียกคืนความลำบากที่พวกนางสองพ่อลูกต้องได้รับกลับมาไม่ได้อยู่ดี
แน่นอนว่าต่อให้รู้ความจริง ระหว่างนางกับอวิ๋นซู่ก็มีบัญชีแค้นที่ไม่อาจลบล้างด้วยพู่กันได้ต่อกันอยู่ดี
อวิ๋นซู่ศิษย์ทรยศผู้นี้ นางจะต้องสังหารเขาให้จงได้!
คณะของพวกเขาเดินทางกลับจวนมู่อ๋องได้อย่างราบรื่น
จิ่งอวิ๋นกับวั่งซูกำลังนั่งเล่นหิมะอยู่ตรงลาน พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นเฮ่อหลันชิงยืนอยู่ตรงหน้าด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ทั้งสองก็พร้อมใจกันร้องว้าว โยนพลั่วเล็กในมือทิ้งแล้ววิ่งตุบตับๆ เข้าไปหาเฮ่อหลันชิงทันที!
“ท่านยาย!”
“ท่านยาย!”
ทั้งสองแข่งกันเพราะอยากเป็นคนแรกที่วิ่งเข้าไปให้เฮ่อหลันชิงกอด
ที่น่ายินดีก็คือ ครั้งนี้จิ่งอวิ๋นบังเอิญอยู่ตรงประตูพอดี อย่างที่ว่าคนอยู่ใกล้น้ำมักได้เห็นดวงจันทร์ก่อน เขากับท่านยายอยู่ใกล้กันในระยะที่น้องสาวไม่อาจใช้ความเร็วเข้ามาทันได้
เพียงแต่สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือ ทั้งๆ ที่เขากำลังจะโผเข้าไปให้ท่านยายกอดได้แล้ว กลับถูกแม่ชีน้อยทั้งสามที่ไม่รู้โผล่มาจากที่ใด โผเข้ามาจับเขากดลงกับพื้น…
จิ่งอวิ๋นมองน้องสาววิ่งผ่านตัวเขาไป ยิ้มร่าโผเข้าหาอ้อมกอดของท่านยายอย่างน่าสงสาร
ตอนเฮ่อหลันชิงอุ้มน้องสาวเข้าไปในห้อง แก้มของจิ่งอวิ๋นถูกแม่ชีน้อยทั้งหลายหอมจนบวมเป่งไปหมดแล้ว สภาพดูคล้ายกระรอกตัวเล็กๆ ตัวหนึ่ง
…
ระหว่างทางกลับมา เฉียวเวยเล่าสถานการณ์คร่าวๆ ของเยี่ยหลัวให้เฮ่อหลันชิงฟัง รวมถึงเรื่องที่เหยาจวิ้นตายแล้ว อวิ๋นจูตามหาตำราลับของฝ่ามือเก้าสุริยันให้หมิงซิวจนพบ จนถึงเดี๋ยวนี้เขายังคงปลีกวิเวกจะทะลุผ่านขั้นที่เก้าไปให้ได้อยู่ ยิ่นอ๋องเป็นบุตรชายของอวิ๋นซู่ เวลานี้เป็นเจ้าสำนักน้อยของลัทธิศักดิ์สิทธิ์ ร่างขององค์หญิงเจาหมิงตามหาพบแล้ว อยู่ที่ทะเลสาบอิ๋นหูของลัทธิศักดิ์สิทธิ์นี้เอง ส่วนจักรพรรดิอสูรบิดาของอวิ๋นจูต่างหากที่เป็นเจ้าสำนักลัทธิศักดิ์สิทธิ์ตัวจริง ดังนั้นครั้งนี้ที่พวกเขาจะประลองเพื่อช่วงชิงลัทธิศักดิ์สิทธิ์กลับมา จึงนับว่าถูกต้องเหมาะสม
วันนี้หากไม่ใช่เพราะจักรพรรดิอสูรคลุ่้มคลั่ง พวกเขาคงได้ชัยชนะวันนี้มาครองแล้ว
สาเหตุที่จักรพรรดิอสูรคลุ่้มคลั่ง คิดดูแล้วลัทธิศักดิ์สิทธิ์คงปัดความรับผิดชอบไปไม่ได้
มิน่าเล่าคราแรกที่เฉียวเวยเสนอว่าจะเดิมพันด้วยลัทธิศักดิ์สิทธิ์ ยิ่นอ๋องตอบรับในทันที พวกลัทธิศักดิ์สิทธิ์คงไม่คิดจะตัดสินแพ้ชนะกับพวกเขาตั้งแต่แรก ลัทธิศักดิ์สิทธิ์เพียงแค่อยากใช้ข้ออ้างนี้เล่นงานให้จักรพรรดิอสูรคลุ่้มคลั่ง ทำให้ทุกคนต้องตายด้วยน้ำมือของจักรพรรดิอสูร
และในความเป็นจริง หากไม่ใช่เพราะเฮ่อหลันชิงมาถึงได้ทันกาล พวกเขาคงได้กลายเป็นวิญญาณใต้คมดาบจักรพรรดิอสูรไปแล้ว
หลังจากจักรพรรดิอสูรได้สติแล้วรู้ว่าตนได้สังหารอวิ๋นจู สังหารเฉียวเวยไป ด้วยความรู้สึกผิดอย่างมหันต์ เขาคงคิดสั้นเอาได้ง่ายๆ
ช่างเป็นเล่ห์กลที่ยิงธนูดอกเดียวได้นกสองตัวจริงๆ!
น่าเสียดาย อวิ๋นซู่คาดเดาทุกอย่างได้แม่นยำ ขาดไปแค่เฮ่อหลันชิงคนเดียว
เวลานี้เฮ่อหลันชิงมาแล้ว
นางจะทำให้เจ้าพวกเลวชาติลัทธิศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นได้ล่วงรู้ว่าอะไรที่เรียกว่ายกก้อนหิน…ทับเท้าตนเอง!